23 ก.ย. เวลา 11:00 • ธุรกิจ

จีนมีปัญหา ‘บัณฑิตล้นตลาด’ แต่ ‘ขาดแคลน’ ช่างฝีมือ ตลาดแรงงานเกิดเทรนด์ใหม่

ตลาดแรงงานจีนเจอภาวะ ‘บัณฑิตล้น–ช่างฝีมือขาด’ เรียนจบสูงแต่หางานยาก ต้องผันตัวไปทำงานรับจ้างหรือกลับบ้าน ขณะที่อุตสาหกรรมเกิดใหม่กลับขาดแรงงานฝีมือมหาศาล กระแสใหม่จึงเกิดขึ้น คนจบป.ตรีและโทแห่เรียน ‘อาชีวะ’
ในทุกปี จีนผลิต “บัณฑิตมหาวิทยาลัย” ออกมามหาศาล แต่กลับหางานยาก หลายคนต้องผันตัวเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร ไลฟ์สตรีมเมอร์ หรือแม้แต่กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่แทน ในขณะที่ตำแหน่งงานสายเทคนิค เช่น การผลิต ไอที และสาธารณสุข กลับ “ขาดแคลนแรงงาน” นับสิบล้านตำแหน่ง นี่จึงทำให้บัณฑิตจีนไม่น้อย หันไปเรียนต่อ “อาชีวะ” แทน ซึ่งให้โอกาสงานมากกว่า
“งานผลิตระดับล่างอาจใช้หุ่นยนต์ได้ แต่เรายังขาด ‘แรงงานช่างฝีมือ’ ที่เขียนโค้ดหรือควบคุมเครื่องจักรเหล่านั้น” แดน หวัง ผู้อำนวยการประจำจีนของ Eurasia Group กล่าว
หนึ่งในนั้น คือ เกา เซิงหาน หลังจบ “ปริญญาตรีสาขาการแสดงดนตรี” เธอผ่านงานหลายอย่างมา 6 ปี ทั้งเป็นครูดนตรี เจ้าของร้านอาหาร และร้านเสื้อผ้า สุดท้ายความหลงใหลในแฟชั่นและต้องการเพิ่มโอกาสแข่งขัน ทำให้เธอเลือกเส้นทาง “กลับมาเรียนสายอาชีพ” เป็นนักศึกษาใหม่ด้านแฟชั่นที่ Guangzhou Baiyun Technician College of Business and Technology
ปรากฏการณ์นี้ยังรวมถึงถง เจี๋ยจง ที่แม้จะจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งอย่างชิงหัว แต่ภายหลังเธอถูกเลิกจ้างจากงานวิจัยด้านสภาพภูมิอากาศ จึงหันมาสมัครเรียนสาขาอาชีพ ศิลปะการทำอาหารที่ Shandong Lanxiang Technician College แม้คนในออนไลน์จะประหลาดใจ แต่ถงยืนยันว่าความรักในการทำอาหารคือแรงผลักดันหลักของเธอ
จากข้อมูลเว็บไซต์บริการหางาน Zhaopin เผยว่า ภายในเดือนเมษายน 2024 มีบัณฑิตปริญญาตรีที่ได้รับข้อเสนองานเพียง 45% ในขณะที่ผู้จบ “วิทยาลัยอาชีวะ” มีอัตราได้งานสูงถึง 57% เพราะสถาบันเหล่านี้มักมีเครือข่ายฝึกงานและบรรจุงานร่วมกับบริษัทเอกชน
📌บัณฑิตล้นตลาด แต่ขาดช่างฝีมือ
ในขณะนี้ บัณฑิตมหาวิทยาลัยมักเผชิญปัญหาใหญ่ คือ “ความรู้เชิงทฤษฎีไม่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมจริง” ทำให้มีคุณสมบัติสูงเกินไปสำหรับงานเริ่มต้น แต่ทักษะไม่พอสำหรับงานเทคนิค
เหมา อวี้เฟย รองศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์แรงงาน มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ปักกิ่งระบุว่า แนวโน้มนี้สะท้อนความจำเป็นในการปฏิรูปการศึกษา
“หากนักเรียนเรียนจบการศึกษาระดับสูงแล้ว ยังต้องกลับมาฝึกสายอาชีพ แสดงว่าทรัพยากรการศึกษาเดิมไม่ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นทักษะที่ใช้ได้จริง ส่งผลให้เกิดการซ้ำซ้อนและสิ้นเปลืองทรัพยากรทั้งคน อุปกรณ์การเรียนการสอน และการเงิน” เหมากล่าว
แนวโน้มนี้สะท้อนความขัดแย้งเชิงโครงสร้างตลาดแรงงานจีน กล่าวคือ มีผู้สมัครงานสายออฟฟิศล้นตลาด ขณะเดียวกันกลับขาดแคลนแรงงานทักษะสูง สำหรับอุตสาหกรรมเกิดใหม่อย่างรุนแรง
อ่านต่อ:
โฆษณา