23 ก.ย. เวลา 02:09 • ความคิดเห็น
จุติลงมา ได้กายเป็นมนุษย์ เหมือนได้เรือ..ลงเรือพายเรือทวนน้ำ ทวนกระแสคลืนความโลภความโกรธความยหลง ความยึดถือต่างๆ ที่ทำให้จิตนั้น ติดยึดกับ จมอยู่กับความทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย จมอยู่กับทุกข์สิ้นสุดไม่ได้ เค้าก็ให้เกิดมาใช้กายใช้เรือ พายเรือ ดูแลกาย พายเรือ ทวนน้ำ ทิ้งวัตถุสิ่งของ เรื่องราวความยึดถือ ยึดถืออารมณ์ในตัวตนเกิดขึ้นที่กาย เพื่อให้เรือมันเบา กายมันเบา จะได้พายเรือ บังคับหัวเรือ ไปในทิศทางที่ต้องการ ท่าของบุญกุศลบารมี
ร่างกายที่จิตเราอาศัยอยู่ มันเหมือนว่า เราได้เรือมาลำหนึ่ง ที่ต่อมาดี หรือ ไม่ดี ที่จะนำมาพายเรือ ขึ้นไปหา ท่าที่มีความสุข ท่าของบุญกุศลบารมี มีกายเป็นบุญ กายเทพยดาอินทร์พรหม
เรื่องราวของเรือ ที่เราพายเรือ เมื่อเราได้เรือมา ..เราก็ปล่อยเรือไปตามน้ำ ตามกระแสอารมณ์ ที่เกิดขึ้น ที่ไปสัมผัส ไปเห็น ไปฟัง ก็เก็บเข้ามาใส่ในลำเรือ เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ คนนี้ว่าเรา คนนี้สรรเสริญเยินยอ เห็นเงินทอง อะไรลอยมา ต่างๆ ก็เก็บเข้าใส่ในเรือลำนี้ เก็บมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่า อะไรบ้าง หมาเน่าลอยมา ก็เก็บใส่ เข้ามา เช่น คาถา วัตถุที่ว่ามงคล ศักดิ์สิทธิ์ ก็ทำนองมาาเน่า ที่เราไปเจอะเจอ ก็ยึดเก็บใส่เข้ามา โดยไม่รู้ตัว .
พอเรือลำนี้ สะสมเก็บของใสลงมาๆ มากเข้า เหมือนกินน้ำเลือดน้ำหนองของผู้ที่อาศัยสังขารกรม เอร็ดอร่อยใสลงไปๆ อ้ตัวกินเลือดกินเนื้อก็มีมา กินน้ำเบือดน้ำหนองเอร็ดอร่อยบ้าง แล้วเรือลำนี้ กายนี้มันก็หนัก หนักอกหนักใจ ทุกข์ขังในสิ่งที่เก็บสัสมเข้ามา ก็เรือมันหนัก จะพายเรือทวนน้ำ ก็ฝืนพายเรือไม่ค่อยไหว มันก็เหนื่อย เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าเกิดขึ้น เหนื่อยกาย จิตอารมณ์ในกายก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เหนื่อยไปตามกาย ..เพราะเรือมันหนัก ..
เรื่องของการพายเรือ นั้น ยากที่จะหาคนสอน ให้รู้จัก กระแสน้ำ กระแสคลื่นลม อุปสรรคต่างๆ มีน้ำขุ่น น้ำใส สิ่งขิงต่าง ที่ไหลลงมาที่หัวเรือ คือวิญญาณทั้งหก ที่ตา หู เข้าไปจนถึงสมอง.. สมองมันก็ไม่รู้จัก มันเป็นไปตามน้ำที่ไหลลงมา ที่หัวเรือ .กระแสอารมณ์ที่เกิดขึ้น แล้วยังมีคลื่นใต้น้ำอีกมากมาย ..พายเรือทวนน้ำ ไม่ไหว ก็ต้องปล่อยเรือไปตามน้ำ ปล่อยเรือเกยตื้นบ้าง .ไปชนโขดหิน ..อะไรต่างๆมากมายก่ายกอง
แล้วเราก็ไม่รู้จักว่า เค้าให้เราได้เรือนี้มาทำอะไรบ้าง ที่จะเป็นประโยชน์แก่จิต ..ที่ลงมานั่งในลำเรือนี้ ส่วมมาก ก็ไม่พายเรือ มีแต่ปล่อยไปตามน้ำ ปล่อยให้พัดออกทะเล ให้เรือนั้นผุพัง อัปปาง เรือก็แตก จิตจมลงใต้ท้องทะเล
มีผู้มาบอกว่า จิตของมนุษย์ยุคนี้ จิตออกจากสังขาร ก็มีแต่ ตกนรกๆ พากันเดินลงไป นานๆจัมีจิตสักดวงหนึ่งลอยขึ้นไปวิมานชั้นฟ้า แต่นั้นแหละ มันเป็นเรื่องราวที่มองไม่เห็น รับรู้ไม่ได้ .จิตก็อาศัยกินนอน ในเรือที่อารมณ์กรรม ตัวกระทำปนเปรอให้. รู้จักไม่ได้เลยว่า ได้เรือนี้มาทำอะไร .ปล่อยเรือไปตามน้ำ ที่เค้าว่า สุขที่ไม่เที่ยงด้วอารมณ์ที่เกิดขึ้น เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ ก็ด้วยอารมณ์ หลงอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเรือ
แล้วมันพัวพันไปในเรื่องราวของเรือ ที่ต่อมาดีหรือไม่ดี ที่ตะมาพายเรือทวน ขึ้นไปหาท่าบุญกุศลบารมี .มีกายเป็นบุญ ต่อเรือมาไม่ดี สะสมมาไม่ดี สะสมเหตุและผล ไม่เพียงพอ ที่จะช่วยหนุนนำ ให้เกิดสติปัญญาของจิต ก็พายเรือทวนน้ำไม่ได้เลย
โฆษณา