Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Mangkud's Note
•
ติดตาม
25 ก.ย. เวลา 03:30 • สุขภาพ
เจ็บคอ หาหมอ จ่ายไป 2,028.-
ในบทความนี้ จะมาเล่าถึงความน่าตกใจของ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ที่เป็นระดับกลาง ซึ่งผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า รพ.เอกชน มีการแบ่งระดับที่แตกต่างกันออกไปด้วย แต่การบริการของ รพ.แห่งนี้ ไม่ได้น่าประทับใจ เท่าเงินที่เสียไปเลยครับ
เช้าวันนี้ ภรรยาผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ทั้งเจ็บคอ และมีไข้สูง จนไม่อาจจะคิดไปอย่างอื่นได้ นอกจากอาการของไข้หวัดใหญ่ ที่มักจะเกิดขึ้นกับสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างฝนตกหนัก และ แดดออกในเช้าวันรุ่งขึ้น
เธอบอกกับผมว่า วันนี้จะลางานนะ ไปทำงานไม่ไหว จะไปหาหมอแทน เพราะกลัวว่าจะนำไข้ไปติดคนที่ในที่ทำงาน ผมได้ยินแบบนั้น ก็เห็นด้วยกับความคิดที่ไม่อยากนำไข้ไปติดคนอื่น
น้ำร้อนหนึ่งแก้วผสมกับเครื่องดื่มส้มซีตรอน ผสมน้ำผึ้ง ชนิดเข้มข้น มิกซ์กับน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง เทลงไปเล็กน้อย ก่อนจะดื่มเข้าไปเพื่อให้เช้านี้ได้สัมผัสกับความรู้สึกชุ่มคอสักหน่อย ก่อนจะเสิร์ฟด้วยขนมปังปิ้ง จากเครื่องปิ้งขนมปังน่ารักๆ ลายพี่หมีบราวน์ อีก 2 ชิ้น เป็นมื้อเช้า เพื่อไม่ให้กระเพาะว่างจนเกินไปสำหรับการทานยาพารา เพื่อเบาเทาอาการไข้ลงสักเล็กน้อย
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผมและภรรยาก็ขับรถออกเดินทางไปยัง รพ.เอกชน ใกล้ๆ โดยใช้เวลาเพียง 8-10 นาทีเท่านั้น ก่อนจะจอดรถ และข้ามถนนมายังตึกของ รพ.
เวชระเบียนที่อยู่ระหว่างทางเข้า และทางออกนั้น เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ ตั้งแต่กาแฟ ขนมปัง ขนมจีบซาลาเปา ชาไข่มุก และร้านค้าอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ 2 ฝั่งข้างทาง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะเวชระเบียนก็น่าจะหิวอยู่บ้างสำหรับคนที่ไม่ได้ป่วยอย่างผม
และพอถึงจุดหมายหลังจากเดินชมร้านค้า ร้านกาแฟ อยู่ประมาณ 1-2 นาที ก็จะพบกับโต๊ะเวชระเบียน ที่มีพนักงาน 5-6 คน กำลังทำเอกสารต้อนรับ และ จัดแจงผู้ป่วยทุกๆท่าน ที่มาใช้บริการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
เคาน์เตอร์เวชระเบียน เล็กกว่าร้านค้า ขายขนมจีบซะอีก ผมกล่าวกับภรรยาเบาๆ เพราะอึ้งในความสำคัญของเวชระเบียนในรพ.แห่งนี้ แม้จะเป็นจุดที่ใกล้กับอาคารจอดรถก็ตาม ซึ่งผมคิดว่าควรจะใหญ่กว่านี้ด้วยซ้ำ และพอมองไปทางด้านหลังของเคาน์เตอร์ ก็จะพบว่าเป็นศูนย์สูตินารีเวช ส่วนข้างเคาน์เตอร์ก็จะเป็นศูนย์รักษามะเร็ง ที่พอมองเข้าไปที่เคาน์เตอร์แล้วก็ได้แต่ คิดแล้วก็สงสัย ว่าทำไมถึงเล็ก และ ไม่มีความโดดเด่นอะไรขนาดนั้น
ผมยืนรอเธอทำประวัติอยู่ประมาณ 2-3 นาที ก่อนจะได้รับ อุปกรณ์การแจ้งเตือน ที่มีลักษณะคล้ายกับของร้านอาหาร เมื่อถึงเวลาแล้วจะมีเสียง ปิ๊ป ปิ๊ป แล้วให้นำมาที่เคาร์เตอร์เลยครับ เพียงแต่อันนี้คือไปรับ OPD เท่านั้นเอง ต่อจากนั้นคุณพยาบาลที่คอยแจกแจงคนไข้ ว่าคุณต้องไปตรงนั้น ตรงนี้นะ ก็ถึงคิวของเราสองคน คุณพยาบาลก็พายมือออกทางด้านหลังของผมและบอกให้ตรงไป แล้ว เลี้ยวซ้าย ไปยังแผนกอายุรกรรม ต่อครับ
ผู้คนจำนวนมาก มาอยู่กันที่บริเวณแผนกอายุรกรรมกันเกือบจะเต็มทั้งโซน ซึ่งบริเวณนี้ก็จะมีห้องของคุณหมอ ที่กำลังคอนเซาท์คนไข้อยู่ถึงประมาณ 10-12 ห้อง และใกล้ๆกันนั้น ก็จะมีแผนกบัญชี รับยา จ่ายยาอยู่ทางด้านขวามือของผมด้วย แต่ที่สงสัยก็คือ ทำไมคนเยอะเช่นนี้ และดูจากท่าทีของแต่ละคน ไม่ได้มาเพราะประกันสังคมแน่นอน
โซนของประกันสังคมของ รพ.แห่งนี้ จะแย่ยิ่งกว่าโซนที่ผมอยู่อีกครับ โซนประกันสังคมของที่นี่จะแคบ แออัด เพดานเตี้ย ห้องน้ำก็อยู่รวมๆกันในโซนนั้น และถ้าคุณเดินออกมาจากโซนประกันสังคม ไปโซนที่อยู่ข้างๆกันละก็ จะพบว่าคนละเรื่อง โซนที่ว่าคือโซนของหมอฟัน ที่ทั้งสว่าง แอร์เย็น ไม่แออัด โปร่งโล่ง แบบผิดหูผิดตาเลยครับ
กลับมาที่โซนอายุรกรรมกันบ้าง ผมก็นั่งรอเธอปกติ เพราะเธอไปหาพยาบาลถึงสองครั้ง ครั้งแรก ซักประวัติ วัดส่วนสูง ช่างน้ำหนัก ความดัน และรอคิวเป็นเรื่องปกติ ที่เป็นมาตรฐานของคนไข้ทุกๆคน จะต้องปฏิบัติตาม และ ครั้งที่สองที่พยาบาลเรียก คือพบคุณหมอสักที หลังจากรอมาประมาณ 45 นาทีเห็นจะได้
การตรวจได้เสร็จสิ้นลง เพียงแค่ผมกำลังหยิบโทรศัพท์ ใส่หูฟังสักหนึ่งข้าง พร้อมกับเตรียมเลือกเพลงโปรด สักหนึ่งเพลง พร้อมกันนั้นกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับ into ของเพลงที่บรรเลงอย่างผ่อนคลาย ก็ถูกขัดจังหวะด้วยการสะกิดของภรรยาว่าให้ไปนั่งรอที่หน้าการเงินได้ ผมก็ตกใจแปปนึง อ้าว เสร็จแล้ว 5 นาทีเองนะ
เพลง Moon River ของ Cindy Zhang, Josh Berkeley ช่วยให้การรอคอยที่จะจ่ายเงินเพื่อรับยาเป็นไปอย่างสงบ แม้ภรรยาจะรู้สึกว่านานกว่าที่จะเป็น ก่อนจะมีเสียงเรียกว่าถึงหมายเลขของเราแล้ว ผมก็เตรียมโทรศัพท์เปิดหน้าแอพธนาคาร พร้อมสแกน และ ห๊ะ กับตัวยอดเงินอีกครั้งกับพนักงานบัญชี ว่าเท่าไหร่นะครับ พนักงานพูดอีกหนึ่งครั้งและสะกดเป็นตัวเลขว่า หนึ่ง เก้า หก แปด ค่ะ ทันใดนั้น เพลงที่ไพเราะ ของผมที่กำลังฟังอยู่อย่างราบรื่น กลายเป็นเพลงร็อคขึ้นมาทันที เพราะตัวเลขนั้น สวนทางกับสิ่งที่ได้รับจริงๆ
ข้อสงสัยอย่างแรกเลย คือการรักษา อาการเจ็บคอ ที่ต้องมา รพ. และใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง กับค่ายา และ ค่ารักษา ด้วยราคา 1,968.- นั้น เป็นเรื่องปกติ ที่ รพ.เอกชนอื่นๆ เขาคิดกันแบบนี้หรอ
ถ้าเราไปประกันสังคม อาจจะใช้เวลาอย่างต่ำ 2-3 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น และอาจจะไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่การบริการ และ การรอคอย ก็จะแย่ไปแบบตามมีตามเกิดนะครับ และถ้ามองอีกมุมนึง ผมพาภรรยาไป รพ.เอกชนแบบพรีเมียม ก็น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที แต่เลทราคาก็อาจจะเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 3,000-4,000.-
ย้อนกลับมาที่หน้าแผนกบัญชีอีกครั้ง ผมจึงกดสแกนจ่าย เพื่อให้เสร็จสิ้นกระบวนการรักษาในวันนี้ได้สิ้นสุดลง พร้อมรับใบลา และ ใบเสร็จ ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ ที่จะต้องเสียค่าจอดรถอีก 60.- ซึ่งเราใช้จ่ายไปเกือบสองพันแล้ว แต่ต้องจ่ายค่าจอดรถเพิ่มเติมอีก
เหตุผลเพราะตึกที่ผมจอดอยู่นั้น ได้แปลเปลี่ยนยกระดับ เป็นคลินิกของ รพ. ที่ซึ่งผู้ที่มาจอดที่นี่ ต้องเข้าคลินิกเท่านั้น ถ้ามาจอดแล้วไป รพ. จะถือว่าไม่ได้มาใช้บริการที่คลินิก ก็เสียตังค์ไปครับ สิริยอดรวมแล้วอยู่ที่ 2,028.- รวมทั้งใช้เวลารอคุณหมอ 45 นาที คุณหมอตรวจ 5 นาที และ รอรับยาอีก 10 นาที….ครับ
พอถึงบ้าน ภรรยาทานน้ำ ทานยา เตรียมตัวพักผ่อน เพื่อหวังให้ร่างกายได้ฟื้นจากไข้โดยเร็ว ซึ่งผมยังคงมีคำถามค้างคาใจกับ ระบบของ รพ.เอกชนอยู่ จึงหันไปคุยกับ ChatGPT เพื่อจะช่วยให้คลายข้อสงสัยลงได้บ้าง
คำถามง่ายๆ ว่าการเจ็บคอ แล้วไปเข้า รพ.เอกชนใกล้บ้านนั้น ต้องเสียเงินถึง 2,028.- นั้นเป็นเรื่องปกติอย่างงั้นหรอ ผลคำตอบที่ออกมาคือว่า “ใช่” นั่นคือราคาปกติ ผมถึงกับช็อคไปแปปนึงเลย
รพ.ที่ผมเพิ่งเข้าไปนั้น จัดอยู่ในเกรดของ รพ.เอกชนเกรดกลาง ราคาอยู่ที่ 2,000.- ต่อเคสเล็กๆ แต่ถ้า
รพ.เอกชนที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ จะอยู่ในเกรดพรีเมียม โดยราคาจะอยู่ที่ 3,000-4,000.- ต่อเคสเล็กๆ
และถ้าอยากได้ยาที่ถูกลงมากๆ แบบไม่อยากจะเข้า รพ. ก็ต้องเข้าไปร้านขายยา โดยราคาจะอยู่ 200-500.-
ในมุมของผู้บริโภคที่มีฐานะกลางขึ้นไป จะมองว่าจ่ายเพิ่มอีกนิด ไป รพ.เกรดพรีเมียมดีกว่า แม้ส่วนต่างราคาจะอยู่ที่ 1,000-2,000.- ต่อเคส แต่จะได้บริการที่ดีกว่า การรักษาที่เร็ว และตรงจุดมากกว่าครับ
ราคาค่ารักษาพยาบาลในวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่า รพ.เกรดกลาง จะอยู่ในช่วงก้ำกึ่งของคำว่า “ถูกกว่าพรีเมียม แต่ไม่ถูกจริง” และ “บริการดีกว่ารัฐ แต่ยังไปไม่ถึงเกรดพรีเมียม”
อ่านมาจนถึงตรงนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า เราเป็นคนที่กึ่งกลาง อยากได้พรีเมียม หรือเราเป็นพรีเมียมที่อยู่แบบกึ่งกลาง หรือว่าแค่หาซื้อยาตามร้านขายก็ได้จะได้จบๆไป
ความจริงวันนี้ ของการเข้า รพ.เอกชน เกรดกลางสักที่หนึ่งนั้น ช่างดูแพง และบริการไม่ประทับใจสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจไทยในวันนี้
โรงพยาบาล
สุขภาพ
blockdit
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย