Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Meet To Yiw
•
ติดตาม
23 ก.ย. เวลา 12:48 • ไลฟ์สไตล์
อิทธิบาท 4 สูตรลับความสำเร็จที่ใช้ได้ทุกยุค
ทุกคนเคยรู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว เรามีคำสอนจากหลักศาสนาที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในชีวิต เพื่อความสำเร็จในทุกมิติ หลายคนอาจมองว่ามันล้าหลัง ล้าสมัย แต่ถึงหลักการนี้จะมีมาอย่างยาวนานเป็นพันปี แต่มันไม่เคยตกยุคไปเลย ความลับง่าย ๆ ที่ผมนำมาบอกเล่าต่อกันวันนี้คือ อิทธิบาท 4
อิทธิบาท 4 เป็นหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาที่หมายถึง"ฐานแห่งอำนาจ" อาจจะฟังดูเว่อร์วัง เชื่อเถอะครับว่ามันดีมากจริง ๆ นอกจากจะเป็นคำสอนแล้ว อิทธิบาท 4 ยังช่วยให้จิตของเรามีกำลังไปสู่ผลสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อหลุดพ้นทางธรรมเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
ไม่ว่าจะเป็นงาน การเรียน การสร้างธุรกิจ หรือการพัฒนาตัวเอง เมื่อใช้ร่วมการอย่างสมดุลแล้ว อิทธิบาท4จะเปลี่ยนความตั้งใจเป้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้
●
อิทธิบาท 4 คืออะไร
-ฉันทะ (chanda) —> ความปรารถนา ความตั้งใจจริง หรือ “แรงจูงใจจากภายใน”
-วิริยะ (viriya) —>ความเพียร ความพยายามลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
-จิตตะ (citta) —> ความตั้งใจแน่วแน่, การเอาใจใส่, สมาธิ/การจดจ่อกับสิ่งที่ทำ
-วิมังสา (vimamsa) —> การพินิจพิจารณา วิเคราะห์ ผลสะท้อนและปรับปรุง
คิดง่าย ๆ ว่า: ฉันทะ = ทำไม (Why) → วิริยะ = ทำ (Do) → จิตตะ = ทำอย่างใส่ใจ (How well) → วิมังสา = ดูผลและปรับ (Improve)
เมื่อเรารู้ความหมายของอิทธิบาท4กันแล้ว เรามาลองลงลึกรายเอียดและตัวอย่างที่ผมนำมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพกันมากขึ้น ว่าอิทธิบาทที่มีมานานแล้วสามารถทำได้จริง หรือแค่คำสอนที่เป้นตัวหนังสือเท่านั้น
●
1) ฉันทะ —> “แรงจูงใจที่ชัดเจน”
จะเน้นไปทางความหมายเชิงปฎิบัติเพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้เลย ฉันทะจึงเป็นคำสอนที่ทำให้เรารู้ว่าเราทำไปเพื่ออะไรกันแน่ เอาง่าย ๆ คือเป้าหมายที่มีความหมายของคุณเอง
ลองให้คุณเขียนเหตุผล 3 ข้อที่ทำให้คุณอยากบรรลุเป้าหมาย ถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่าเป้าหมายนั้นเป็นของคุณจริง ๆ หรือเป็นของคนอื่น เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณมีแรงจูงใจจากภายในแล้ว
ตัวอย่าง:
นักเรียนที่อยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์: ถ้าแรงจูงใจคือ “อยากเป็นหมอเพราะช่วยคนและทำให้ครอบครัวภูมิใจ” ฉันทะชัด → จะมีแรงตื่นเช้ามาอ่านหนังสือ
ผู้ประกอบการออนไลน์: ถ้าตั้งใจเพราะอยากสร้างธุรกิจที่เสริมอิสระทางเวลา แรงจูงใจก็ยืนยาวกว่าแค่ “อยากรวย”
●
2) วิริยะ —> “ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ”
ความหมายในเชิงปฏิบัติของวิริยะคือการวางแผน แบ่งงานของเป็นขั้นตอนเล็ก แล้วนำมาทำทุกวัน
กล่าวคือใช้การแบ่งงาน (micro-tasks), time-blocking, กฎ 2 นาที, Pomodoro (25/5)
ตัวอย่าง:
นักกีฬาเตรียมวิ่งมาราธอน: แทนที่จะคิดใหญ่จนท้อ ให้แบ่งเป็นแผน 12 สัปดาห์ วิ่ง 4 วัน/สัปดาห์ เพิ่มระยะทีละนิด → ความต่อเนื่องจะสร้างพัฒนาการทางการร่างกายแล้วจะทำให้นักกีฬาคนนั้นวิ่งได้ดี
เจ้าของร้านที่เปิดแอปขายสินค้า: กำหนดทำ 1 งานสำคัญ (เช่น ปรับหน้าโปรดักซ์) วันละ 1 ชั่วโมง แทนพยายามปรับทุกอย่างในวันเดียว
●
3) จิตตะ — “ความตั้งใจและสมาธิในขณะทำ”
ความหมายในเชิงปฏิบัติก็คือ ในเวลาที่เราทำอะไรสักอย่าง เราจำเป็นต้องเข้า Flow state ให้ได้ เพื่อนำเราไปสู่การทำอย่างเต็มใจและตั้งใจ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะว่าถ้าเราไม่ได้จดจ่อกับสิ่งนั้น ผลลัพธ์ของมันก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามต้องปลอดสิ่งรบกวนรอบข้างและในสมองด้วย
เราจำเป็นต้องปิดแจ้งเตือนอีเมลล์ โทรศัพท์, ตั้งเวลาโฟกัสออกเป็นช่วง ๆ เริ่มจากระยะเวลาที่น้อยก่อนแล้วค่อยขยายเพิ่มขึ้น, หรือไม่ก็ทำสมาธิก่อนเริ่มงานสัก 5-10 นาที
ตัวอย่าง:
นักเรียนสอบเข้า: แทนอ่านแบบเปิดหนังสือข้ามไปมา ให้ตั้งใจอ่านบทเดียว 45 นาที จดโน้ต แล้วทบทวน → คุณภาพการจดจำดีขึ้นมาก
พนักงานที่ต้องเขียนรายงาน: ปิดอีเมล 90 นาที ทำงานแบบ one-task เพื่อให้ได้รายงานที่มีเนื้อหาเข้มข้นและลดเวลารื้อแก้
●
4) วิมังสา — “การตรวจสอบและปรับปรุงอย่างชาญฉลาด”
เมื่อเราทำ 3 ข้อแรกมาได้แล้วนั้น ให้เราทำการวิเคราะห์ผล ลองผิดลองถูก เรียนรู้จากข้อมูลและหาวิธีแก้ไขถ้ามีเรื่องที่ล้มเหลว
สามารถทำได้โดยการทำรีวิวรายสัปดาห์หรือรายเดือนก็ได้ อาจจะใช้ตัวชี้วัด(KPIs) เล็ก ๆ เก็บบันทึกความคืบหน้า ถามคำถามเชิงวิเคราะห์ (เหตุใดจึงสำเร็จ/ไม่สำเร็จ?)
ตัวอย่าง:
สตาร์ทอัพปล่อย MVP แต่ยอดดาวน์โหลดน้อย → วิมังสาเข้ามา: วิเคราะห์ฟีดแบ็ก, ปรับ UX, เปลี่ยนข้อความการตลาด แล้วทดสอบรอบต่อไป
ผู้เรียนภาษาที่ไม่เก่งการฟัง: วิเคราะห์ว่าขาดอะไร (ศัพท์/สำเนียง/ความชิน) แล้วปรับแผน (ฝึกฟังสั้น ๆ ทุกวัน เพิ่มบทสนทนา)
***ตัวอย่างการนำอิทธิบาท 4 มารวมใช้
กรณี: อยากเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ
ฉันทะ: แรงบันดาลใจ — “อยากสร้างพื้นที่ชุมชนและเป็นเจ้าของธุรกิจที่ยั่งยืน”
วิริยะ: สร้างแผน 12 สัปดาห์ (ทำเมนู ทดลองสูตร จัดการการเงิน เรียนรู้การตลาด)
จิตตะ: ขณะชงกาแฟใส่ใจทุกขั้นตอน รับฟังเสียงลูกค้าอย่างตั้งใจ
วิมังสา: ทำรีวิวรายสัปดาห์ ตรวจดูเมนูไหนขายดี ปรับราคา ปรับชั่วโมงเปิดตามข้อมูลจริง
ผลลัพธ์: แรงจูงใจทำให้ไม่ท้อ, ความเพียรทำให้ร้านเดินหน้าทีละน้อย, การใส่ใจสร้างคุณภาพบริการ, การวิเคราะห์ช่วยปรับให้ธุรกิจอยู่รอด
***เช็คลิสต์ปฏิบัติสำหรับสัปดาห์แรก (ลงมือได้เลย)
เขียน เหตุผล 3 ข้อ ที่คุณอยากบรรลุเป้าหมาย (ฉันทะ)
ตั้ง เป้าหมายย่อย 3 อย่าง สำหรับสัปดาห์นี้ (วิริยะ)
กำหนดบล็อกเวลา 2 ช่วง (25–50 นาที) สำหรับงานสำคัญ — ปิดแจ้งเตือน (จิตตะ)
ทำ รีวิว 15 นาที ทุกวันก่อนนอน: ทำอะไรสำเร็จ/ไม่สำเร็จ และจะปรับอย่างไร (วิมังสา)
***ข้อควรระวัง (บ่อยครั้งที่ทำผิด)
มีฉันทะ แต่ไม่มีวิริยะ → “แค่ฝัน” ไม่เกิดผล
เพียรมากแต่ไม่มีจิตตะ → ทำงานเยอะแต่คุณภาพแย่ เหนื่อยแต่ไม่ได้พัฒนา
จิตตะมากแต่ไม่มีวิมังสา → ทำซ้ำแต่ไม่พัฒนาวิธีการ (ติดหล่มความเคยชิน)
วิมังสามากเกิน → เกิด “วิเคราะห์จนกลัวทำ” (analysis paralysis)
ดังนั้นทุกคนอย่าลืมbalanceทั้งสี่อย่างนะครับ
แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าครับ
แนวคิด
พัฒนาตัวเอง
ความรู้รอบตัว
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย