รีวิวให้อยู่ เล่มที่ 15 : 37 เคล็ดลับรักษาโรคขี้เกียจ
เฮ้ย เพื่อนๆ ใครที่เคยรู้สึกแบบ “เอ้าาาา วันนี้จะลุกทำอะไรสักอย่าง แต่…ขอนอนต่อก่อนละกันบ้างยกมือขึ้น!“ 🙋♀️
เราเองก็เป็นสายขี้เกียจตัวยงเลยล่ะ อย่าให้ได้หยุดนะเฟ้ย “วันหยุด = National Lazy Day“
นอนไถไอแพดด้วยความขี้เกียจในวันหยุด ไปๆ มาๆ ก็บังเอิญไปเจอหนังสือเล่มนี้ใน Platform ออนไลน์ มันชื่อ “37 เคล็ดลับรักษาโรคขี้เกียจ” จาก โอฮิระ โนบุทากะ สำนักพิมพ์วารา เปิดไปมาแบบ 3-4 หน้ารวมปกด้วยแล้วนะ 🤭😂 เฮ้ย! นี่คือหนังสือสำหรับคนขี้เกียจแบบเราเลยว่ะ
แค่ชื่อก็โดนใจคนขี้เกียจอย่างเราสุด ๆ แล้ว
บอกตามตรงว่าตอนแรกที่หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านเพราะคิดว่า “ใครจะมาเข้าใจคนขี้เกียจเท่าคนขี้เกียจด้วยกันเอง?” แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยครับ เพราะผู้เขียน คุณโอฮิระ โนบุทากะ เนี่ยก็เคยเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรเอาซะเลยเหมือนกัน เคยเป็นขี้เกียจสุดๆ ตัวเองมาก่อนนะ
เขาเล่าว่าในวัยหนุ่ม เขาเคยนอนกลิ้งไปกลิ้งมาในห้องแบบไม่ทำอะไรเลยนานๆ จนวันหนึ่งตัดสินใจลุกขึ้นมาศึกษา “โรคขี้เกียจ” แบบจริงจัง
หนังสือเล่มนี้เลยไม่ได้มาในแนว "สอน" แต่เหมือนเป็นการ "ชวนคุย" และแบ่งปันวิธีที่เขาใช้เอาชนะความขี้เกียจของตัวเองมาแล้ว บอกเลยว่าเทคนิคแต่ละอย่างคือเรียบง่ายมาก ๆ และนำไปใช้ได้จริงเลยนะ ✨
โอฮิระ โนบุทากะ สอนเราว่าขี้เกียจไม่ใช่บาป! 📚✨
จากประสบการณ์ส่วนตัวผสมกับปรัชญาชีวิตญี่ปุ่นแบบเรียบง่าย แต่ได้ผลจริง เขาก็เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยคนที่กำลังจมกับโซฟาแบบเราๆ 🤭😂 สำนักพิมพ์วารา เอามาแปลเป็นไทยให้อ่านง่ายๆ ด้วยภาษาที่ไม่เครียด เหมือนกำลังนั่งจิบกาแฟคุยกันอะ
คิดว่าหนังสือน่าจะออกมาแบบไม่นาน แต่ฮิตมากในหมู่คนที่อยากเปลี่ยนตัวเองโดยไม่ต้องพยายามมากจนเกินไป 🧋
สรุปเรื่องย่อ: 37 วิธีเล็กๆ ที่ทำให้ชีวิตขยับได้! 🐢➡️🚀
เล่มนี้ไม่ใช่คู่มือเข้มงวดนะ แต่เป็นคอลเลกชันเคล็ดลับ 37 ข้อที่สนุกๆ ละมุนๆ เริ่มจากเข้าใจว่าขี้เกียจมันคือ “โรค” ที่รักษาได้ด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช่การบังคับตัวเองแบบหักโหม แต่เป็นการค่อยๆ ปรับนิสัยทีละนิด เช่น เริ่มจากลุกยืน 5 นาทีต่อวัน หรือใช้ “เทคนิคกล้วย” ที่กินกล้วยตอนเช้าเพื่อ Boost พลังงาน (ฟังดูงี่เง่าแต่เวิร์กนะ!)
เรื่องราวในหนังสือผสมเรื่องเล่าน่ารักๆ จากชีวิตจริงของคนญี่ปุ่น ว่าทำไมคนเราถึงขี้เกียจ แล้วค่อยๆ แก้ทีละสเต็ป จนจบเล่มแล้วรู้สึกแบบ “เฮ้ย เราแม่งก็ทำได้ว่ะ!” ไม่ยาวมาก อ่านจบวันเดียว แต่เอาไปใช้ได้ทั้งชีวิต 📖💡
ข้อคิดดีๆ ที่หยิบมา: เปลี่ยนมุมมอง ขี้เกียจกลายเป็นพลัง! 🌱
อ่านจบแล้ว ได้ข้อคิดเจ๋งๆ เยอะเลยนะ มันทำให้เห็นว่าขี้เกียจไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นสัญญาณว่าต้องเติมเชื้อเพลิงให้ตัวเองบ้าง มาดูตัวอย่างข้อคิดที่ชอบ แบบยกมาจากเล่มแต่เล่าใหม่ในสไตล์เราเอง (ไม่สปอยล์ทั้งหมดนะ ไปหาอ่านเพิ่มเอาเองน่าจะดีกว่าเน๊อะ!):
เคล็ดลับที่ 5: “เมื่อต้องการสร้างพฤติกรรมใหม่ ควรทำควบคู่กับพฤติกรรมเดิม”
💡 ถ้าอยากเริ่มสิ่งใหม่ แต่ยังติดขี้เกียจ ให้ผูกกับสิ่งที่ทำอยู่แล้ว เช่น หลังแปรงฟัน → อ่านหนังสือ 1 หน้า, หลังชงกาแฟ → เขียน To-do list 1 นาที
👉 ข้อคิด: การเริ่มเล็กๆ คือจุดประกายไฟ อย่ารอให้มีแรงเยอะ แค่ลุกทำอะไรสัก 1 นาทีก็พอ มันเหมือนลูกบอลที่กลิ้งไปเองหลังจากนั้นอะ เพื่อนเราเคยลองกับการออกกำลังกาย เริ่มจากยืนเดินไปเรื่อยๆ ไม่กี่นาที สุดท้ายวิ่งไป 30 นาทีเลย!
บทเรียน: ความเกียจมันกลัว “จุดเริ่มต้นเล็กๆ” ที่สุด ลองเอาไปใช้กับงานบ้านดูสิ รับรองติดใจ 🏃♂️ หรืออยากออกกำลังกายแต่ขี้เกียจ? เริ่มแค่ แพลงก์ 1 นาที หลังตื่นนอน
เคล็ดลับที่ 12: “เมื่อรู้สึกว่าจะไม่ไหวแล้ว ให้จำกัดขอบเขตและเจาะจงเป็นเรื่องๆ ไป”
💡 “ห้องสะอาด = สมองโล่ง” 🧹✨ ความรกในชีวิต (รวมถึงโต๊ะทำงาน/ห้อง) คือ noise ที่ทำให้สมองเครียดเกินไป
👉 เมื่อโฟกัสแค่ “เก็บมุมนี้ก่อน” หรือ “เก็บโต๊ะให้โล่ง” จะเหมือนเคลียร์พื้นที่ให้สมองหายใจ
📌 ตัวอย่าง: ถ้าทำงานแล้วไม่ไหลลื่น ลองเช็ดโต๊ะ เก็บเศษโพสต์อิทเก่าๆ สมองจะปลอดโปร่งขึ้นทันที
ข้อคิด: ขี้เกียจชอบซ่อนในความรก ถ้าลดของรกได้ ใจเราก็เบาขึ้น เราลองเก็บของในบ้านแค่ 5 ชิ้นต่อวัน ตอนนี้บ้านน่าอยู่ขึ้นเยอะ ททททดูสะอาดตาสบายใจกว่าเดิมเยอะเลย
บทเรียน: สิ่งแวดล้อมดีๆ มันดึงเราออกจากโซนขี้เกียจโดยไม่รู้ตัว
ประโยชน์: ลด “ผัดวันประกันพรุ่ง” ไปในตัวเลยนะ 😌
เคล็ดลับที่ 28: “จดจ่อให้ได้ 30 นาที วันละ 2 ครั้ง”
“พักแบบมีเป้าหมาย” ☕💤: เราไม่จำเป็นต้องฝืนทำงานทั้งวัน แต่ควรจัดจังหวะทำงาน–พักให้มีคุณภาพ
👉 “พักแบบมีเป้าหมาย” หมายถึง พักเพื่อชาร์จ ไม่ใช่พักเพื่อหลบงาน เช่น เดินสูดอากาศ / ดื่มน้ำ / ยืดเส้น / จิบกาแฟ แล้วกลับมาลุยต่อ
ข้อคิด: ขี้เกียจไม่ใช่การนอนทั้งวัน แต่เป็นการพักที่ชาร์จพลังจริงๆ เช่น เดินเล่น 10 นาทีแทน scroll IG หรือ TikTok เราเคยพักด้วยการนอนดูซีรีย์โปรดตอนบ่าย สุดท้ายกลับมาทำงานแบบมีไฟ!
บทเรียน: รู้จักเวลาต้องจดจ่อ รู้จักพักดีๆ ทำให้เราทำงานได้มากกว่าเดิม
ประโยชน์: เพิ่ม Productivity แบบยั่งยืน ไม่ Burnout ง่ายๆ 🌈
🐾 คำข่วน: ลอกไปเขียนแปะ Post-it กันเถอะ! 💬
1. เกียจคร้านคือเพื่อนเก่า แต่ถ้าไม่ไล่มันจะอยู่ยาว” (แรงบันดาลใจจากเล่ม หมายถึงต้องค่อยๆ ขับไล่ด้วยวิธีเล็กๆ นะ)
2. ขี้เกียจมันแค่พฤติกรรม ไม่ใช่โชคชะตา เริ่มทีละก้าวเล็กๆ ก็พอได้นะ!
3. "ความขี้เกียจไม่ใช่ข้อจำกัด แต่เป็นโอกาสในการค้นพบวิธีที่จะก้าวเดินต่อไป"
💯 ประโยชน์ที่ได้: ชีวิตดีขึ้นแบบไม่ต้องเหนื่อย! 🎉
อ่านเล่มนี้แล้ว ประโยชน์ชัดเจนเลยนะ – เราจะรู้จัก “รับมือ” แทนที่จะ “โทษตัวเอง” เวลาไม่อยากทำงาน
🧘♀️ “หยุดคิดมาก เริ่มทำแบบไม่ต้องสมบูรณ์แบบ”
ช่วยให้เราจัดการขี้เกียจได้โดยไม่รู้สึกผิดบาป มันเพิ่ม Self-awareness ว่าทำไมเราถึงเลื่อนงาน แล้วให้ Tools ง่ายๆ ไปใช้จริง เช่น Productivity พุ่งขึ้น 20% (เราวัดจาก to-do list นะ)
สุขภาพจิตดีขึ้นเพราะไม่กดดันตัวเองเกิน และที่สำคัญคือ มันชวนให้ชีวิตสนุกขึ้น เหมือนมีเพื่อนคอยเชียร์ “เฮ้ย ลุกสิว่ะ วันนี้แค่ 1 อย่างเองเว้ย!”
เขาจะไม่ได้บอกให้เรา “ต้อง” ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ทันที แต่จะเริ่มจากวิธีคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมเราไปทีละนิด
ยกตัวอย่างเช่น เขาชวนให้เรามาเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อ “การลงมือทำ” ให้มันน่าสนุกขึ้น ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป หรือแม้แต่เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เอาไว้ใช้ตอนที่เราหมดไฟแล้วจริง ๆ ซึ่งบอกเลยว่าอ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันที! 💖
สุดท้าย สำหรับผู้เขียน ก็ช่วยทำให้ผู้เขียน ได้เขียนรีวิวหนังสือเพิ่มขึ้นอีก 1 เล่มจากที่ห่างหายไปนาน มันแค่เอาชนะความขี้เกียจ → ไม่ต้องรอให้บทความสมบูรณ์แบบเลย เขียนแบบร่างหยาบๆ ไปก่อน ค่อยแก้ไขทีหลังเอาทีละนิดๆ
⚠️เตือนละนะ! “ความขี้เกียจไม่ใช่การพัก แต่คือการผลัดวันประกันพรุ่งที่ไม่สิ้นสุด”⚠️
ถ้าคุณกำลังหาหนังสือ Self-help ที่ไม่น่าเบื่อ ลองเล่มนี้ดู ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย ประโยชน์ล้นทะลักเลยล่ะ 🛒 อ่านแล้วรู้สึกว่า “เฮ้ย! เราไม่ได้ขี้เกียจหรอก แค่ยังไม่ได้หาวิธีเริ่มต้นที่เหมาะกับเรามากกว่าอะนะ“
เพื่อนๆ ล่ะ เคยมีเคล็ดลับ Anti-ขี้เกียจอะไรบ้าง? มาคุยกันในคอมเมนต์สิ ถ้าชอบรีวิวนี้ Like+แชร์ด้วยน้า 😘 #รักษาโรคขี้เกียจ #หนังสือพัฒนาตัวเอง #BlockditBookReview
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
