Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่าเรื่องสั้น
•
ติดตาม
24 ก.ย. เวลา 07:22 • นิยาย เรื่องสั้น
"คืนสุดท้ายใต้แสงดาว"
ค่ำคืนนี้แตกต่างจากคืนไหน ๆ ในชีวิตของเขา — และในชีวิตของมนุษยชาติทั้งมวลด้วยเช่นกัน
เสียงข่าวประกาศผ่านสื่อทุกชนิดดังสะท้อนก้องอยู่ในหัวใจของผู้คนตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มันคือประโยคเดียวกันที่ไม่มีใครอยากได้ยิน
“อุกกาบาตมหึมากำลังจะพุ่งชนโลก ในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงนับจากนี้”
ข่าวนั้นไม่ใช่เพียงข่าวลือ แต่คือความจริงที่องค์การอวกาศนานาชาติร่วมกันยืนยัน หลักฐานจากกล้องโทรทรรศน์และเรดาร์ตรวจวัดคำนวณอย่างละเอียด ไม่มีทางเลี่ยง ไม่มีทางเบี่ยง ไม่มีทางระเบิดทำลาย มนุษยชาติไม่อาจทำอะไรได้นอกจาก “รับชะตากรรม”
รัฐบาลและประเทศมหาอำนาจทั้งหลายได้เตรียมยานอพยพขนาดยักษ์ไว้ล่วงหน้า แต่จำนวนที่นั่งมีจำกัด — เพียงไม่กี่ล้านที่นั่งจากประชากรกว่าสิบพันล้านคนบนโลกนี้ เกณฑ์การคัดเลือกนั้นโหดร้าย ผู้ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร แพทย์ หรือผู้มีเงินทุนสนับสนุนมหาศาล ได้รับสิทธิขึ้นยานไปสู่ “โครงการสืบต่อเผ่าพันธุ์” ส่วนคนธรรมดา… ถูกทิ้งไว้ให้รอวันจบสิ้น
เขา — นาวิน ชายหนุ่มวัยยี่สิบหก ทำงานเป็นพนักงานบริษัทกราฟิกตัวเล็ก ๆ ในเมืองใหญ่ ไม่มีทั้งเส้นสาย ไม่มีทั้งเงินทองพอจะซื้อตั๋ว ไม่มีทั้งทักษะที่โลกใหม่ต้องการ เขารู้ชัดเจนตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นรายชื่อผู้ได้รับสิทธิว่า ตนเองและคนรักไม่ได้ไปต่อ
หัวใจของเขาไม่ได้ว้าวุ่นเพราะความตายใกล้เข้ามา หากแต่เป็นเพราะ… เขาอยากใช้เวลาสุดท้ายอยู่กับเธอ — หญิงสาวที่ชื่อ พิมพ์ชนก คนรักที่เคียงข้างกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
และในคืนนี้เอง เขาตัดสินใจแต่งตัวอย่างดีที่สุด ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด กางเกงสแล็ค รองเท้าหนัง แม้กระจกเงาที่บ้านจะแตกร้าวจากความโกลาหลเมื่อหลายวันก่อน แต่เขาก็พยายามขัดผมให้เรียบ ส่องเงาคร่าว ๆ และยิ้มให้กับตัวเอง แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่เจือด้วยน้ำตาก็ตาม
“เราต้องไปหาพิมให้ทัน…” เขาพึมพำกับตนเอง แล้วก้าวเท้าออกจากห้องเช่าขนาดเล็ก
ระหว่างทาง
ท้องถนนของเมืองที่เขาเคยรู้จักไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่อไป ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดตาย บางร้านถูกปล้นจนว่างเปล่า รถยนต์บางคันถูกทิ้งไว้กลางถนนเพราะน้ำมันหมดหรือเจ้าของหนีไปไหนแล้ว ผู้คนเดินกันอย่างไร้ทิศทาง บ้างกรีดร้อง บ้างสวดมนต์ บ้างนั่งกอดลูกหลานร้องไห้อยู่ริมทาง
นาวินเดินไปข้างหน้าอย่างสงบที่สุดเท่าที่ทำได้ เขารู้สึกว่าการแต่งตัวให้เรียบร้อยทำให้ตนยัง “เป็นมนุษย์” อยู่ในโลกที่กำลังแตกสลาย
เขาผ่านชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ยืนกอดขวดเหล้า ร้องเพลงเสียงดังลั่นไปทั่วซอย เพลงที่ไร้ทำนองแต่เต็มไปด้วยความเมามายและสิ้นหวัง ข้าง ๆ เขามีผู้หญิงวัยรุ่นสองสามคนกำลังหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วปวดร้าวยิ่งกว่าน้ำตา พวกเธอเลือกจะใช้เวลาสุดท้ายไปกับการหลบหนีความจริงในม่านหมอกสุรา
ไม่ไกลจากนั้น เขาเห็นครอบครัวเล็ก ๆ กำลังนั่งล้อมวงทานอาหารเย็นง่าย ๆ กันอยู่บนเสื่อที่ปูริมทาง พ่อ แม่ และลูกน้อยสามคน พวกเขายิ้มและหัวเราะ พ่อหั่นเนื้อไก่แบ่งใส่จานลูกเล็กเหมือนกับว่านี่คือวันเกิดหรืองานฉลองใดสักอย่าง ทั้งที่แท้จริงแล้ว… มันคือ “มื้อสุดท้าย”
หัวใจของนาวินสะท้าน เขาอยากหยุดและร่วมวงด้วย แต่เขารู้ว่ามีสิ่งสำคัญยิ่งกว่ารออยู่ข้างหน้า — ผู้หญิงที่เขารัก
ความโกลาหล
เมื่อเดินลึกเข้าไปในย่านกลางเมือง เขาเห็นกลุ่มผู้คนหลายร้อยยืนตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าตึกของหน่วยงานรัฐที่ประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิขึ้นยานอพยพ บางคนยังไม่ยอมแพ้ ตะโกนร้องขอความเมตตา บางคนสาปแช่งรัฐบาลด้วยคำหยาบคาย บางคนพยายามปีนรั้วเข้าไปแต่ถูกทหารสกัดกั้น
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดฟ้าผ่า กลุ่มคนแตกฮือไปชั่วขณะ บางคนกรีดร้อง บางคนล้มลงนั่งกับพื้นด้วยความกลัว นาวินหลบอยู่มุมตึก หัวใจเต้นแรง แต่เขาไม่หยุดเดิน
เขาพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “เราจะไม่เสียเวลาให้กับความสิ้นหวังของใคร เรามีสิ่งเดียวที่ต้องทำ…”
ความทรงจำ
ทุกก้าวที่เดินทำให้เขานึกถึงวันที่รู้จักพิมพ์ชนก วันแรกที่เจอกันในมหาวิทยาลัย เธอยิ้มหวานและยื่นสมุดเลคเชอร์มาให้เขาที่นั่งลืมจด วันแรกที่ไปกินข้าวด้วยกัน วันแรกที่จับมือกันเดินในสายฝน ทุกภาพพรั่งพรูเข้ามาเหมือนจะย้ำว่า เวลาของพวกเขาเหลือไม่มากแล้ว และมันยิ่งทำให้หัวใจเขาอยากวิ่งไปหาเธอให้เร็วขึ้น
การพบกัน
ในที่สุด เขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กของพิมพ์ชนกที่อยู่ชานเมือง บ้านไม้สองชั้นที่เขาเคยมาเยี่ยมบ่อยครั้ง ประตูยังคงเปิดอยู่ แสงไฟจากห้องนั่งเล่นลอดออกมา
เขาสูดลมหายใจลึก ยกมือเคาะประตูเบา ๆ
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมา ก่อนที่ประตูจะเปิดออก และดวงตาที่เขาคิดถึงที่สุดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“นาวิน…” เสียงเธอสั่นเครือ แต่รอยยิ้มยังคงสว่างไสว
เขาไม่พูดอะไร นอกจากโอบกอดเธอแน่นที่สุดเท่าที่เคยกอดมาในชีวิต
น้ำตาของเธอเปียกไหล่เขา และน้ำตาของเขาเปียกผมเธอ แต่ทั้งสองไม่สนใจ เพียงแค่กอดอยู่อย่างนั้นนานแสนนาน
คืนสุดท้าย
เวลาที่เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทั้งคู่ใช้ไปอย่างเรียบง่าย พวกเขานั่งบนโซฟา เปิดอัลบั้มรูปเก่า ๆ หัวเราะไปกับความทรงจำในอดีต ทำอาหารง่าย ๆ กินด้วยกัน และพูดคุยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหมือนจะไร้สาระ แต่กลับมีค่ามากที่สุดในชีวิต
“นาวิน… ถ้าเราเกิดใหม่ได้อีกครั้ง เราอยากให้เราได้พบกันอีก” เธอเอ่ยเบา ๆ
เขายิ้มทั้งน้ำตา “ไม่ว่าโลกไหน เวลาไหน เราจะหากันจนเจอ”
ในคืนนั้น พวกเขานั่งมองท้องฟ้าด้วยกัน ผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่น ดวงดาวมากมายทอประกายงดงามกว่าที่เคยเห็น เหมือนกับรู้ว่านี่คือการแสดงครั้งสุดท้ายของจักรวาลที่จะมอบให้มนุษย์
วันสิ้นโลก
รุ่งเช้า ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจากการเสียดสีของอุกกาบาตขนาดมหึมาที่ใกล้เข้ามา เสียงไซเรนดังลั่นไปทั่วเมือง แม้แต่สัตว์ก็รับรู้ถึงความผิดปกติ สุนัขเห่า นกบินหนีจ้าละหวั่น
นาวินและพิมพ์ชนกจับมือกันแน่นที่สุด พวกเขายิ้มให้กัน แม้จะมีน้ำตาไหล แต่หัวใจกลับสงบ เพราะรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
“เรารักเธอนะ” เขากระซิบ
“เราก็รักนาวิน…”
แล้วท้องฟ้าก็สว่างวาบ ราวกับแสงแห่งพันดวงอาทิตย์ปรากฏพร้อมกัน เสียงระเบิดกึกก้องดังลั่น โลกทั้งใบสั่นสะเทือน
ในวินาทีสุดท้าย มือของพวกเขายังคงกุมกันแน่น ไม่ปล่อยเลยแม้แต่วินาทีเดียว
และเรื่องราวของเขาและเธอก็จบลงท่ามกลางความว่างเปล่า… แต่เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีสิ่งใดทำลายได้
สุดท้ายฝากกดหัวใจ เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยาย
นิยายสั้น
เรื่องสั้น
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย