Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่าเรื่องสั้น
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 03:24 • นิยาย เรื่องสั้น
เจ้าชายแห่งลุสกับสงครามไม้
ดวงอาทิตย์สีแดงค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยลงหลังขอบฟ้า ทาบทาลงบนทะเลสีครามเข้มเหมือนผืนผ้ากำมะหยี่ ประเทศเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า ลุส ตั้งอยู่ตรงปลายคาบสมุทรซึ่งโอบล้อมด้วยทะเลทั้งสามด้าน แม้จะมีพื้นที่ไม่กว้างใหญ่ แต่ก็เต็มไปด้วยประชาชนที่รักสงบ รู้จักทำมาหากินด้วยแรงงานของตนเอง และอยู่กันอย่างสามัคคี
แต่ความสงบก็เหมือนสายหมอกที่จางหายไปเมื่อแสงแดดแรงกล้าส่องถึง…
กษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์แห่งลุสอาพาธลงอย่างกะทันหัน โรคร้ายทำให้พระองค์ไม่อาจลุกขึ้นบัญชาการกองทัพได้อีกต่อไป ขณะเดียวกัน ประเทศใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงนามว่า กัมปะนี ก็เริ่มส่งข่าวลือแพร่สะพัดมาถึงชายแดนว่า พวกเขากำลังรวมพลเพื่อรุกรานลุส อาณาจักรที่อ่อนแอซึ่งแทบไม่มีทางต่อกรได้
ราชสภาลุสตกอยู่ในความสิ้นหวัง เพราะกองทัพที่มีอยู่เพียงหมื่นเศษ ไม่อาจต้านทานศัตรูที่มีหลายหมื่นถึงสามเท่าได้ แต่เมื่อเสียงของราชสภาตกลงเงียบ ก็มีเพียงชื่อหนึ่งที่ทุกคนต้องหันไปมอง
เจ้าชายอีเรน
พระโอรสองค์เดียวของกษัตริย์ แม้จะเป็นผู้สืบสันตติวงศ์เพียงคนเดียว แต่ชื่อของอีเรนไม่เคยเกี่ยวข้องกับสงคราม ไม่เคยได้ยินว่าชำนาญการใช้ดาบหรือขี่ม้า แต่สิ่งที่ผู้คนรู้จักคือความหลงใหลใน ไม้ …
อีเรนสามารถสร้างหุ่นเชิดได้ตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ต่อมาก็ประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้จากไม้ ทั้งกับดักสัตว์ เครื่องกว้านน้ำ ไปจนถึงอาวุธง่าย ๆ เขามักเดินทางไปตามป่า ลัดเลาะหุบเขา หรือแม้แต่ล่องเรือออกสู่ทะเลเพื่อค้นหาสถานที่ที่สงบ เงียบงาม และเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ
และเมื่อเคราะห์ร้ายถาโถมมาถึงลุส คนที่ไม่เคยแตะต้องดาบอย่างจริงจังกลับต้องขึ้นมาเป็น แม่ทัพใหญ่แทนกษัตริย์
แผนการแห่งไม้
คืนวันหนึ่ง ขณะที่อีเรนล่องเรือออกไปยังทะเลไกลเพื่อหาความสงบ เขาได้พบกับเกาะลึกลับที่ไม่มีในแผนที่ เกาะนั้นใหญ่โตจนสามารถรองรับผู้คนทั้งอาณาจักรได้ และอุดมไปด้วยทรัพยากรทั้งไม้หายาก น้ำจืด และแร่ธาตุ เกาะนั้นเหมือนสวรรค์ที่สวรรค์ส่งมอบให้กับลุสโดยเฉพาะ
อีเรนกลับมาพร้อมแผนลับที่น้อยคนจะเข้าใจ
“เราจะไม่สู้รบตรง ๆ เพราะนั่นคือหายนะ” อีเรนเอ่ยกับแม่ทัพผู้ภักดี “แต่เราจะ ซื้อเวลา เพื่อให้ประชาชนอพยพทั้งหมดไปยังเกาะใหม่ และเพื่อให้สำเร็จ เราจะใช้… ไม้”
แม่ทัพและขุนนางบางคนหัวเราะเยาะในตอนแรก แต่เมื่ออีเรนแสดงสิ่งประดิษฐ์แรกต่อหน้าพวกเขา — หุ่นไม้ขนาดเท่าคนจริง ที่สวมชุดเกราะ จัดเรียงเป็นแถวทหาร — ทุกคนก็เงียบงัน
ไม่เพียงเท่านั้น อีเรนยังนำกลไกหุ่นเชิดมาแปลงเป็นเครื่องยิงลูกไฟ เครื่องกว้านที่ปล่อยห่าฝนเพลิง และกำแพงไม้กลวงที่ดูแข็งแรงแต่จริง ๆ เป็นเพียงฉากหลอกตา อีกทั้งยังสร้างเรือไม้เล็กหลายร้อยลำที่ภายนอกดูเหมือนกองเรือรบใหญ่โตล่องอยู่ในทะเล
สิ่งเหล่านี้ถูกเตรียมเพื่อแผนกลลวงครั้งสำคัญ
ไฟสงคราม
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา กองทัพกัมปะนีเคลื่อนพลมาถึงชายแดน เสียงกลองศึกและเกราะกระทบกันดังสนั่นแผ่นดิน แผ่นฟ้าถูกบดบังด้วยธงรบสีดำแดงที่สะบัดไหว
แม่ทัพกัมปะนีหัวเราะเมื่อเห็นกองทัพลุสที่ตั้งแถวต้อนรับ… แต่เสียงหัวเราะนั้นค่อย ๆ เงียบลง เมื่อมองไปรอบ ๆ เห็นกองทัพลุสมีจำนวนทหารหนาแน่นกว่าที่ข่าวกรองรายงานไว้หลายเท่า หุ่นไม้ที่สวมเกราะดูไม่ต่างจากทหารจริงในสายตาที่ห่างออกไป
เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ห่าฝนไฟจากเครื่องยิงไม้ก็พุ่งออกมาเป็นสาย เปลวไฟลุกท่วมสนามหญ้าและรถศึกของกัมปะนี เสียงกรีดร้องดังระงม พวกเขาไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเพียงกลไกไม้ที่ทำงานเหมือนหุ่นเชิดในโรงละคร
แต่ความลับไม่มีวันซ่อนเร้นตลอดไป…
เมื่อกัมปะนีรุกล้ำเข้ามาใกล้ ก็พบว่าทหารจำนวนมากที่เห็นนั้นเป็นเพียงหุ่นไม้ กำแพงที่ดูแข็งแรงก็พังลงง่ายดายเหมือนกระดาษ และเรือที่เห็นลอยกลางทะเลก็เป็นเพียงลำเล็ก ๆ ที่คลุมด้วยผืนผ้าใหญ่หลอกตา
กัมปะนีโกรธแค้นสุดขีด โจมตีหนักหน่วงกว่าเดิม
การเสียสละ
ขณะเดียวกัน ประชาชนลุสก็กำลังอพยพขึ้นเรือทีละลำ มุ่งหน้าสู่เกาะที่อีเรนค้นพบ ทุกชั่วโมงที่ได้มาคือชีวิตของประชาชนหลายร้อยหลายพัน
อีเรนยืนอยู่บนกำแพงไม้ที่เขาเองสร้างขึ้น แม้จะรู้ว่ามันเปราะบาง แต่ก็ยืนหยัดเพื่อให้เวลาประชาชนได้หนี เขาใช้กลไกหุ่นไม้ติดระเบิดเพลิงส่งเข้าไปกลางกองทัพศัตรู ทำให้เกิดการระเบิดสว่างวาบกลางคืน
เสียงระเบิดนั้นกลายเป็นสัญญาณแห่งความหวัง ทหารลุสที่เหลือฮึกเหิมขึ้นสู้ แม้รู้ว่าตนเองมีโอกาสรอดน้อยนิด แต่ก็พร้อมตายเพื่อซื้อเวลาให้ครอบครัวและเพื่อนบ้านหนีรอด
อีเรนเองได้รับบาดเจ็บจากห่าลูกธนู แต่ยังฝืนยืนบนกำแพงไม้ ตะโกนสั่งการด้วยเสียงอันดัง
“ปกป้องเส้นทาง! อย่าให้ศัตรูผ่านไปได้ก่อนที่ประชาชนจะปลอดภัย!”
แฝงความหวัง
ในที่สุด ประชาชนลุสทั้งหมดก็ขึ้นเรือและมุ่งหน้าสู่เกาะใหม่ กองทัพกัมปะนีแม้จะบุกเข้ามาได้ แต่กลับไม่พบผู้คน เหลือเพียงหุ่นไม้พังพินาศและเมืองที่ร้างเปล่า
ประเทศลุสบนแผ่นดินใหญ่สูญสิ้นไปในคืนนั้น แต่ประชาชนลุสยังคงมีชีวิต และนั่นคือชัยชนะที่แท้จริงของเจ้าชายผู้ไม่ถนัดศึกสงคราม
การกำเนิดอาณาจักรใหม่
เมื่อกองเรือถึงเกาะ ประชาชนต่างตื้นตันใจ น้ำตาเอ่อเมื่อได้เหยียบผืนดินใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ พวกเขาห้อมล้อมเจ้าชายอีเรนที่บาดเจ็บแต่ยังยืนหยัด
“พระองค์คือผู้ช่วยชีวิตพวกเรา” เสียงผู้เฒ่าคนหนึ่งเอ่ย
“พระองค์คือกษัตริย์ที่แท้จริง” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกน
แม้กษัตริย์พระบิดายังมีลมหายใจอยู่ แต่ก็อ่อนแรงเกินจะกลับมาครองบัลลังก์ ประชาชนจึงพร้อมใจกันถวายบัลลังก์แห่งเกาะใหม่นี้แก่เจ้าชายอีเรน
และในวันนั้นเอง กษัตริย์องค์ใหม่แห่งลุส ก็ถือกำเนิดขึ้น
อีเรนปฏิญาณต่อประชาชนว่า “เราจะสร้างอาณาจักรใหม่ที่มั่นคงกว่าที่เคย เราจะใช้ไม้และหิน ใช้ทรัพยากรและสติปัญญา สร้างบ้านเมืองที่ไม่มีใครพรากไปได้อีก”
บนเกาะกลางทะเลนั้น อาณาจักรลุสใหม่เริ่มก่อร่างสร้างตัว และกษัตริย์อีเรนก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความกล้าหาญ ปัญญา และความรักประชาชน
บทส่งท้าย
แม้ดินแดนเดิมของลุสจะถูกกัมปะนียึดครอง แต่เกาะใหม่กลับเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และกองทัพไม้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงกลลวง ก็ถูกพัฒนาเป็นกลไกจริงเพื่อปกป้องอาณาจักร
ผู้คนเล่าขานเรื่องราวของเจ้าชายที่ไม่เคยจับดาบ แต่ใช้เพียงไม้และปัญญาในการกอบกู้ชีวิตประชาชนทั้งอาณาจักร จนกลายเป็นตำนานว่า…
“กษัตริย์ไม้ ผู้ก่อกำเนิดอาณาจักรกลางทะเล”
และนั่นคือทั้งความหวังและจุดเริ่มต้นของความรุ่งโรจน์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด…
นิยาย
นิยายสั้น
เรื่องสั้น
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย