29 ก.ย. เวลา 10:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🧠 ไม่ใช่แค่ลงพุง! งานวิจัยชี้ไขมันที่ ‘ต้นแขน’ และ ‘ในช่องท้อง’ ส่งผลต่อสมองและเสี่ยงอัลไซเมอร์

เรามักจะได้ยินกันอยู่เสมอว่าการมีไขมันส่วนเกินนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ “ไขมันหน้าท้อง” แต่คุณเคยรู้ไหมครับว่า ตำแหน่งที่ไขมันสะสมอยู่นั้น อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว, อารมณ์ และแม้กระทั่งความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ของคุณในรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
งานวิจัยล่าสุดได้เจาะลึกลงไปไกลกว่าแค่ไขมันหน้าท้อง และได้ค้นพบความเชื่อมโยงที่น่ากังวลระหว่างไขมันในส่วนต่างๆ ของร่างกายกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสมองของเรา
ทีมนักวิจัยนำโดย อันฉี ชิว (Anqi Qiu) จากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกง ได้วิเคราะห์ข้อมูลการสแกนองค์ประกอบร่างกายและภาพถ่ายสมองจากผู้ใหญ่กว่า 18,000 คน (อายุเฉลี่ย 62 ปี) ที่เข้าร่วมในโครงการ UK Biobank และนี่คือสิ่งที่พวกเขาค้นพบ
💪 ไขมันแต่ละส่วน...โจมตีสมองแตกต่างกัน
○ ไขมันที่แขนและลำตัว: มีความสัมพันธ์กับการที่สมองส่วนเซ็นเซอร์สั่งการ (sensorimotor cortex) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวบางลง นอกจากนี้ ไขมันที่แขนยังเชื่อมโยงกับการที่สมองส่วน ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) มีปริมาตรลดลง ซึ่งน่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะนี่คือสมองส่วนสำคัญเกี่ยวกับความทรงจำ และเป็นหนึ่งในบริเวณแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคอัลไซเมอร์
○ ไขมันที่ขา: มีความเชื่อมโยงกับการที่เครือข่ายลิมบิก (limbic network) ซึ่งควบคุมอารมณ์และการประมวลผลรางวัล มีการเชื่อมต่อที่ลดลง
🏥 ตัวการร้ายที่สุด: ไขมันในช่องท้อง
แต่ตัวการที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นไขมันที่อยู่รอบๆ อวัยวะภายในของเรา หรือที่เรียกว่าไขมันในช่องท้อง (visceral fat)
ไขมันชนิดนี้มีความเชื่อมโยงที่รุนแรงที่สุดกับการเปลี่ยนแปลงของสมอง และเป็นไขมันประเภทเดียวที่ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยรักษาเนื้อสีขาว (white matter) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างสมองส่วนต่างๆ แต่ยังกลับมีความสัมพันธ์กับการเสื่อมสภาพของมัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของโรคอัลไซเมอร์
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ซอนย่า อานันท์ (Sonia Anand) จากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ในแคนาดาให้ความเห็นว่า นี่อาจเป็นเพราะไขมันในช่องท้องผลิตโมเลกุลที่ก่อให้เกิดการอักเสบได้มากกว่าไขมันในบริเวณอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบในสมองได้
🏡 มองผลวิจัย ย้อนดูสุขภาพคนไทย
เรื่องนี้ใกล้ตัวคนไทยเรามากครับ โดยเฉพาะกับแนวคิดเรื่อง “ผอมแต่มีพุง” (Skinny Fat) ที่พบได้บ่อย หลายคนอาจดูไม่อ้วนเมื่อวัดจากดัชนีมวลกาย (BMI) แต่กลับมีไขมันในช่องท้องซ่อนอยู่จำนวนมาก
การค้นพบนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับระบบสาธารณสุขและการตรวจสุขภาพประจำปีในบ้านเรา ว่าเราอาจต้องมองให้ลึกไปกว่าแค่ตัวเลขบนตาชั่งหรือค่า BMI แต่ควรหันมาให้ความสำคัญกับการวัดองค์ประกอบของร่างกายและระดับไขมันในช่องท้องให้มากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพสมองในระยะยาวของคนไทย ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มตัว
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ตำแหน่งไขมันสำคัญต่อสมอง: งานวิจัยชี้ว่าไขมันส่วนเกินในแต่ละส่วนของร่างกายส่งผลกระทบต่อสมองในรูปแบบที่แตกต่างกัน
✅ แขนและลำตัวกระทบการเคลื่อนไหว: ไขมันที่แขนและลำตัวเชื่อมโยงกับสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหวที่บางลง
✅ แขนและขากระทบความจำและอารมณ์: ไขมันที่แขนเชื่อมโยงกับสมองส่วนความจำ (ฮิปโปแคมปัส) ที่เล็กลง ส่วนไขมันที่ขากระทบสมองส่วนควบคุมอารมณ์
✅ ไขมันในช่องท้องอันตรายที่สุด: เป็นไขมันชนิดเดียวที่เชื่อมโยงกับการเสื่อมของเนื้อเยื่อส่งสัญญาณในสมอง (white matter) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโรคอัลไซเมอร์
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
การได้รู้ว่าไขมันแต่ละส่วนส่งผลต่อสมองแตกต่างกัน ทำให้คุณอยากเปลี่ยนเป้าหมายในการดูแลสุขภาพ จากแค่ ‘การลดน้ำหนัก’ ไปเป็นการ ‘ลดไขมันเฉพาะส่วน’ ที่อันตรายที่สุดหรือไม่ครับ?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🩺 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจสุขภาพของตัวเองในมุมที่ลึกขึ้นนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Zhang, D., et al. (2025). Regional adiposity shapes brain and cognition in adults. Nature Mental Health. https://doi.org/g933hs
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
ผมตั้งใจทำเนื้อหาเชิงสารคดีแบบนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างพื้นที่แห่งความรู้ที่เข้มข้นและเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เนื้อหาทุกชิ้นเกิดขึ้นจากการค้นคว้าและเรียบเรียงอย่างสุดความสามารถโดยไม่มีองค์กรใดสนับสนุน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานชิ้นนี้ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้ผมสามารถสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพแบบนี้ต่อไปได้ เพื่อให้เราทุกคนได้มีพื้นที่ในการเรียนรู้และเปิดโลกไปด้วยกัน
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา