26 ก.ย. เวลา 08:00 • ข่าว

บังกลาเทศประเทศที่มีประชากรหนาเเน่นเเละเเออัดมากที่สุดในโลก ขึ้นชื่อว่ายากจนอันดับ 2 ของประเทศ

👕 บังกลาเทศ: ประเทศยากจน สู่ผู้ส่งออกเสื้อผ้าอันดับต้นของโลก 🌍
🐅 เสือเศรษฐกิจตัวใหม่ของเอเชียอาจมีชื่อว่า “บังกลาเทศ” ปัจจุบันบังคลาเทศส่งออกเสื้อผ้ามากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน รายได้จากการส่งออกเสื้อผ้า คิดเป็น 81% ของรายได้การส่งออกทั้งหมด
🧑‍🎓 บังกลาเทศมีประชากรอายุต่ำกว่า 25 ปีมากถึง 80 ล้านคน จาก 161 ล้านคน กลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ คือแรงงานที่พร้อมปรับตัวสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัล ปัจจุบันมีฟรีแลนซ์สาย IT มากถึง 600,000 คน ซึ่งมากที่สุดในโลก และเมืองธากากำลังกลายเป็นศูนย์กลางส่งออกซอฟต์แวร์🏢
🏗️ รัฐบาลลงทุนสร้างนิคมอุตสาหกรรม High-tech 28 แห่ง และเขตเศรษฐกิจพิเศษกว่า 100 แห่ง
📈 FDI เพิ่มจาก 28,300 ล้านบาทในปี 2010 เป็น 50,000 ล้านบาทในปี 2018 GDP เติบโตเฉลี่ย 7–8% ต่อปี ขึ้นแท่นหนึ่งในประเทศโตเร็วที่สุดในโลก คนจนลดลงกว่า 8 ล้านคนในรอบทศวรรษ รายได้เฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ภายใน 10 ปี
🧵 จากอดีตประเทศยากจน วันนี้แซงปากีสถานทั้งขนาดเศรษฐกิจและรายได้ต่อหัว โดย GDP ปี 2019 อยู่ที่ 9.8 ล้านล้านบาท คาดว่าในปี 2030 จะติดอันดับ 24 ของโลก บังกลาเทศเคยเป็น “ปากีสถานตะวันออก” ก่อนแยกเป็นประเทศเมื่อปี 1971 การเปลี่ยนแปลงนี้ชี้ให้เห็นว่า “โอกาสทางเศรษฐกิจ” เกิดได้ แม้จากจุดเริ่มต้นที่ต่ำที่สุด 🔥
ความเเออัดบนสถานีรถไฟในบังกลาเทศ
รามาดูรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของประชากรใน 3 ประเทศนี้
ในอดีตเทียบกับปัจจุบัน อ้างอิงจาก World Bank
ปี 1980
- ปากีสถาน 9,400 บาท
- อินเดีย 8,300 บาท
- บังกลาเทศ 7,100 บาท
ปี 2020
- บังกลาเทศ 69,000 บาท
- อินเดีย 60,000 บาท
- ปากีสถาน 48,000 บาท
รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวบังกลาเทศเติบโต 9.7 เท่า
ขณะที่อินเดียเติบโต 7.2 เท่า และปากีสถานเติบโต 5.1 เท่า
ประชากรหนาเเน่นเเละเเออัดมาก
เรียกได้ว่า วันนี้บังกลาเทศคือประเทศร่ำรวยแซงหน้าอินเดียและปากีสถานไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อวัดจากรายได้ต่อหัวของประชากร
จริง ๆ แล้วบังกลาเทศถือเป็นประเทศที่เกิดหลังจากอินเดียและปากีสถาน
เนื่องจากในปี 1971 หรือเมื่อ 50 ปีที่แล้ว บังกลาเทศ มีชื่อเดิมคือ ปากีสถานตะวันออก ได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองกับปากีสถานตะวันตก
ในช่วงแรกที่ปากีสถานตะวันออกต้องการแยกตัวออกจากปากีสถานตะวันตกนั้น
ทางปากีสถานตะวันตกไม่ยินยอม และใช้กำลังทหารเข้าไปจัดการปัญหา
แต่กลับมีตัวละครอีกตัวคือ อินเดีย
ที่ได้ส่งกองทัพเข้าไปช่วยปากีสถานตะวันออกรบกับปากีสถานตะวันตก
เเผนที่ติดกับมหาอำนาจทุกทิศทางเเต่ก็สามารถเติบโตทางเศรษฐกิจได้
จนสุดท้ายปากีสถานตะวันออกได้รับชัยชนะ
และประกาศเอกราชมาเป็นประเทศบังกลาเทศ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ส่วนปากีสถานตะวันตกก็เป็น ประเทศปากีสถาน จนถึงวันนี้
อย่างไรก็ตาม แม้บังกลาเทศจะสามารถแยกออกมาตั้งเป็นประเทศได้สำเร็จ
แต่ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่แร้นแค้นอย่างหนัก ความไม่มั่นคงทางการเมือง มีการทุจริตในวงกว้าง ระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่พร้อม
จึงทำให้ผู้คนนับล้านคน ไม่ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พวกเขาจึงต้องอพยพเข้าไปอยู่อินเดีย และบางส่วนอพยพด้วยช่องทางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยถูกทหารปากีสถานสังหาร
สะท้อนการขายเเรงงานข้ามชาติ
ความยากจนแร้นแค้นของประชาชน ทำให้ครั้งหนึ่งบังกลาเทศเคยเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก โดยเฉพาะช่วงแรกหลังจากประกาศเอกราชนั้น ประชากรกว่า 90% ของบังกลาเทศนั้นอาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจของบังกลาเทศเกิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เมื่อรัฐบาลได้นำเอาแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับใหม่มาใช้
โดยมีเรื่องสำคัญในแผนฉบับนั้น คือ
นโยบายการเปิดเสรีทางการค้าและบริการ หรือ “Trade Liberalization”
ซึ่งนโยบายนี้ มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อมาช่วยให้กลไกตลาดสามารถทำงานได้อย่างเสรีมากขึ้น
ผลของการเปิดเสรีทางการค้าและบริการ ทำให้การค้าและการลงทุนของประเทศนั้นเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว
อัตราการเติบโตของ GDP บังกลาเทศ เพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในช่วงปี 1980-1989 มาอยู่ที่ 4.7% ในช่วงปี 1990-199
สะท้อนการขายเเรงงานข้ามชาติ
เรียบเรียงโดย อาจารย์ต้นสัก สนิทนาม
#บังกลาเทศ #การเมือง #ความยากจน #หนาเเน่น #เเออัด
โฆษณา