27 ก.ย. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์เทือกเขาแอลป์ จากการข้ามเขาของกองทัพฮันนิบาลสู่โปรเจกต์อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในโลก

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีข่าวสำคัญอีกข่าวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมขนส่ง ตลอดจนโลจิสติกส์ครั้งสำคัญอีกข่าวหนึ่งหลังจากที่นายกรัฐมนตรีอิตาลีและนายกรัฐมนตรีออสเตรียเข้าร่วมการเดินเครื่องจักรไฮดรอลิกเจาะเจาะก้อนหินก้อนสุดท้ายที่จะผ่าทะลุเทือกเขาแอลป์ หนึ่งในเทือกเขาสำคัญของยุโรป
ซึ่งโครงการการขุดเจาะอุโมงค์นี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งนโยบาลสำคัญของสหภาพยุโรปที่เกิดขึ้นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของเครือข่ายรถไฟยุโรปที่มุ่งเป้าสร้างเส้นทางรถไฟจากกรุงเฮลชิงกิ ประเทศฟินแลนด์ลงมายังเมืองปาแลร์โมของเกาะซิซิลี โดยอุโมงค์ลอดเทือกเขาแอลป์นี้ถูกตั้งชื่อว่า Brenner Base Tunnel ซึ่งจะเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในโลกทันทีหลังสร้างเสร็จ
เทือกเขาแอลป์นับว่าเป็นเทือกเขาประวัติศาสตร์ที่มีชื่ออยู่ในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มากมาย และบ่อยครั้งมักเกี่ยวข้องกับความพยายามของมนุษย์ที่จะข้ามเทือกเขาแห่งนี้ด้วยวัตถุประสงค์หลายอย่าง ตั้งแต่ในเรื่องของสงครามเช่นในกรณีของฮันนิบาลที่ยกกองทัพขี่ช้างจะมาโจมตีโรม ไปจนถึงการข้ามเทือกเขาแอลป์ของพระเจ้านโปเลียนที่ 1
ความทะเยอทะยานของมนุษย์ที่ปรารถนาที่ข้ามเทือกเขาแอลป์ได้นำมาซึ่งคุณค่าของเทือกเขาแห่งนี้ในบริบทของเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจต่อศิลปวัฒนธรรมของชาวยุโรป ตลอดจนยังมีสถานะที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของชาวยุโรปด้วย ซึ่งใน All About History สัปดาห์นี้ เราจะพาไปดูเรื่องราวของเทือกเขาแอลป์กันว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เทือกเขาแห่งนี้มีบทบาทอะไรในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติกันบ้าง
⭐เทือกเขาที่กว้างยาวและสูงที่สุดในยุโรป
เทือกเขาแอลป์เป็นอีกหนึ่งเทือกเขาสำคัญของยุโรปที่ทั้งกว้างยาวและสูงที่สุดในภูมิภาค พาดผ่านพื้นที่ของประเทศในกลุ่มอัลไพน์ทั้ง 8 ประเทศ คือโมนาโก ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ลิกเตนสไตน์ เยอรมัน ออสเตรีย และสโลวีเนีย โดยเป็นเทือกเขาอายุหลายสิบล้านปีที่เกิดขึ้นมาหลังการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค ซึ่งแผ่นทวีปแอฟริกาได้มุดลงใต้แผ่นทวีปยูเรเซีย โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดคือยอดเขามงต์บลังนี่เอง
ความเก่าแก่ของเทือกเขาแอลป์ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์หลายประการได้ส่งผลให้เกิดการอพยพและการตั้งถิ่นฐานในบริเวณใกล้เคียงกับเทือกเขาแอลป์มาอย่างยาวนาน อย่างน้อย ๆ ก็คือในยุคหินเก่า ดังที่ปรากฏหลักฐานกิจกรรมของมนุษย์โบราณในมวลเขาสูงแวร์คอร์
1
ตลอดจนในยุคหินใหม่ที่ปรากฏหลักฐานสำคัญเป็นมัมมี่โบราณนาม “เอิตซี” อายุมากกว่า 5,300 ปี และมีความเป็นไปได้ว่าราวช่วงศตวรรษที่ 13 ถึงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล พื้นที่บริเวณเทือกเขาแอลป์เป็นที่อยู่อาศัยของอนารยชนต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน ดังที่ปรากฏอยู่ในหลักฐานที่เป็นบันทึกที่เก่าถึงยุคโรมัน
⭐จากฮันนิบาลถึงนโปเลียน: เทือกเขาแอลป์กับหน้าด่านอิตาลีในประวัติศาสตร์
ในสมัยอาณาจักรโรมัน จนถึงยุคสาธารณรัฐโรมัน เทือกเขาแอลป์เป็นดินแดนที่ไม่ได้ถูกยึดครองโดยโรมัน หากแต่มีสถานะเป็นเหมือนกับป่ากันดารที่เต็มไปด้วยอันตรายจนชาวโรมันไม่ได้เข้าไปบุกเบิกหรือตั้งถิ่นฐานกัน อย่างไรก็ดี เทือกเขาแอลป์ได้ถูกบันทึกผ่านข้อเขียนของนักประวัติศาสตร์ยุคโรมันสำคัญหลายท่าน โดยพวกเขาได้จดจำเทือกเขาแอลป์ผ่านความทะเยอทะยานในการก้าวข้ามภูเขาแห่งนี้ของกองทัพช้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคโบราณอย่างกองทัพของฮันนิบาล
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าฮันนิบาลกรีฑาทัพช้างของเขามาทางไหน ซึ่งตลอดทั้งเทือกเขาก็มีช่องเขาเล็ก ๆ อยู่เต็มไปหมด ซึ่งทัพของฮันนิบาลเมื่อเดินทางข้ามเทือกเขาแอลป์มาถึงอิตาลีก็พบกับอุปสรรคหลายประการจนกำลังพลสูญเสียกำลังใจและสูญเสียไพร่พลไปมากกว่าครึ้งหนึ่งเลยทีเดียว
1
ซึ่งสมรภูมิต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของอิตาลีในสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 หลายสมรภูมินั้นก็มีฝ่ายของคาร์เธจเป็นผู้ชนะ แต่ทั้งนี้ในระหว่างที่ฮันนิบาลกรีฑาทัพทางบก ทางทะเลกลับถูกทัพเรือโรมันจู่โจมแทน ซึ่งในท้ายที่สุดสงครามนี้ก็จบลงที่การสูญเสียอำนาจของคาร์เธจในไอบีเรียจากการถูกโรมนัเข้าครอบครองแทน และเทือกเขาแอลป์เองก็เริ่มถูกชาวโรมันเข้าไปยึดครองเรื่อย ๆ ผ่านการทำสงครามกับกลุ่มอนารยชนในเทือกเขาแอลป์ โดยโรมันครอบครองแอลป์อย่างสมบูรณ์ตั้งแต่สมัยของจูเลียส ซีซาร์เป็นต้นมา
1
การข้ามเทือกเขาแอลป์ของฮันนิบาลนับว่าเป็นการกรีฑาทัพครั้งใหญ่ครั้งแรกผ่านเทือกเขาแอลป์ อย่างไรก็ดีในยุคหลังก็มีการพยายามข้ามแอลป์หลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการข้ามเทือกเขาแอลป์ของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ในช่วงสงครามนโปเลียน การข้ามเทือกเขาแอลป์ของนายพลซูโวรอฟในช่วงสงครามสหพันธมิตรครั้งที่ 2
⭐ยุคโรแมนติกและการพิชิตยอดเทือกเขาแอลป์
แน่นอนว่าการกรีฑาทัพนั้นเป็นเรื่องการใช้สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างช่องเขาเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายคนจำนวนมหาศาล และคงไม่มีใครจะบ้าบิ่นถึงขั้นปีนยอดเขาเพื่อข้ามเขาเป็นแน่ แต่อย่างไรก็ดี ความสูงใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ก็นับว่าเป็นอะไรที่ท้าทายมนุษย์มาอย่างยาวนาน
ความพยายามในการไต่ยอดเขาในหมู่เทือกเขาแอลป์เกิดขึ้นมามากมาย อย่างเช่นในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลที่ 7 แห่งฝรั่งเศสก็เคยโปรดฯให้สมุหพระราชวังของพระองค์ไปปีนยอดเขาเอกิเยร์ ซึ่งก็ได้ไปปีนจริง ๆ แต่เป็นการปีนยอดเขารอคเคียเมโลนในช่วงศตวรรษที่ 14 ไม่เพียงเท่านั้นแม้แต่ศิลปินชื่อดัง ลีโอนาร์โด ดาวินชี เองก็เคยปีนเทือกเขาแอลป์เช่นเดียวกัน
ผู้คนในช่วงยุคกลางมองเทือกเขาแอลป์ว่าเป็นสถานที่ที่น่ากลัวและหวาดเสียวตลอดจนเต็มไปด้วยภยันตรายต่าง ๆ อย่างไรก็ดี พอเข้าสู่ศตวรรษที่ 18 เทือกเขาแอลป์กลับถูกมองในฐานะของสิ่งสวยงามและบริสุทธิ์ กระทั่งในศตวรรษที่ 19 ก็เกิดความนิยมเดินทางมาชมความสวยงามของเทือกเขาแอลป์กันเป็นอันมาก
ตั้งแต่คนดังอย่างเกอเธ่ หรือวิลเลียม เทอเนอร์ ก็เคยเดินทางมาชมและเกิดเป็นแรงบันดาลในการเขียนหนังสือมากมาย และนี่เองที่ทำให้เกิดยุคทองแห่งอัลไพน์ ที่เทือกเขาแอลป์กลายเป็นสถานที่ที่มีมูลค่าทางการท่องเที่ยวสูงมาก ๆ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ใคร ๆ ก็อยากพิชิตยอดเขาสูง ๆ ในเทือกเขาแอลป์
⭐เศรษฐกิจบนเทือกเขาแอลป์
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ตลอดจนทัศนียภาพที่สวยงามทำให้การท่องเที่ยวที่เทือกเขาแอลป์ได้รับความนิยมอย่างมากมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้น นอกเหนือจากการท่องเที่ยวที่มีมาในสมัยหลัง เศรษฐกิจของเทือกเขาแอลป์ยังคงวนเวียนอยู่กับการเกษตรและการปศุสัตว์เป็นหลัก โดยในที่สูงของเทือกเขาเป็นการเลี้ยงปศุสัตว์ ในขณะที่พื้นที่ต่ำจะถูกใช้สำหรับการเกษตรและเพาะปลูกพืชบางชนิดที่เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่
อย่างไรก็ดี ในช่วงศตวรรษที่ 19 นั้น นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแล้ว ในพื้นที่บางส่วนก็ได้รับการจัดตั้งโรงงานอันเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม
หนึ่งในส่งที่เทือกเขาแอลป์ได้มอบให้ในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมก็คือในเรื่องของพลังงาน ที่ซึ่งเทือกเขาสูงชันเต็มไปด้วยขั้นต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการไหลที่รุนแรงของกระแสน้ำ ทำให้เกิดความคิดที่จะใช้ธารน้ำในเทือกเขาแอลป์ในการสร้างกระแสไฟฟ้าจากพลังงานน้ำขึ้นมา ทำให้เกิดโรงงานขึ้นหลายแห่งในอาณาบริเวณเทือกเขาแอลป์ในศตวรรษดังกล่าว
1
แต่ถึงจะมีทั้งภาคเกษตร ภาคปศุสัตว์ และภาคอุตสาหกรรม แหล่งรายได้หลักของเทือกเขาแอลป์ในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมายังคงเป็นการท่องเที่ยวที่เติบโตสูงและรวดเร็ว โดยในยุคแรกผู้คนนิยมมาเที่ยวในหน้าร้อนและสัมผัสทัศนียภาพอันสวยงาม ทว่าเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 วัฒนธรรมการเล่นสกีเริ่มเป็นที่นิยม ทำให้สกีรีสอร์ทเริ่มได้รับความนิยมขึ้นมาและดึงดูดนักท่องเที่ยวมาจนถึงปัจจุบัน
⭐อุโมงค์ Brenner Base Tunnel ความทะเยอทะยานที่จะก้าวข้ามแอลป์ครั้งสุดท้ายของมวลมนุษย์?
ความพยายามในการก้าวผ่านเทือกเขาแอลป์ไม่ได้หยุดอยู่ที่การเดินทัพหรือการพิชิตยอดเขาสูงเท่านั้น ในด้านของการคมนาคมขนส่งเชื่อมระหว่างประเทศผ่านเทือกเขาแอลป์เองก็ปรากฏการขุดอุโมงค์หลายอุโมงค์มาตั้งแต่อดีต โดย Brenner Base Tunnel เป็นอุโมงค์ล่าสุดที่ถูกขุดขึ้นมาทว่ากลับเป็นอุโมงค์ที่ยาวระดับทำลายสถิติโลก
แต่ถึงแม้ว่า Brenner Base Tunnel จะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่กาลเวลาที่เวียนผ่านได้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์ อุโมงค์ลอดเทือกเขาแอลป์ถูกสร้างมาหลายครั้ง และเชื่อว่า Brenner Base Tunnel ไม่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแน่นอน ตราบใดที่การเชื่อมต่อยุโรปผ่านเทือกเขาแอลป์อำนวยความสะดวกให้ผู้คนมาเท่าไหร่ เศรษฐกิจก็ยิ่งเฟื่องฟูมากเท่านั้น ความทะเยอทะยานในการข้ามผ่านแอลป์จึงยังคงมีอยู่เรื่อย ๆ และคงไม่หมดลงไปง่าย ๆ เพียงเพราะมีอุโมงค์ Brenner Base Tunnel อย่างแน่นอน
เรื่อง : ณัฐรุจา งาตา
ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
#ประวัติศาสตร์ #เศรษฐกิจ #ยุุโรป #เทือกเขาแอลป์ #อุโมงค์รถไฟ #โลจิสติกส์ #ข่าวต่างประเทศ #Bnomics #BBL #BangkokBank #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา