Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สุขภาพดีไม่มีในขวด
•
ติดตาม
27 ก.ย. เวลา 03:08 • สุขภาพ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินคืออะไร? ใช้เมื่อไหร่ และใช้อย่างไรให้ได้ผล
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency Contraception: EC) คืออะไร?
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือ EC คือวิธีช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ที่ใช้ในกรณี “ฉุกเฉิน” เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือถุงยางหลุด/รั่ว โดย ไม่ใช่ยาที่ใช้เป็นประจำ ทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีที่ใช้มี 2 แบบหลัก
- ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน : ออกฤทธิ์โดยยับยั้งหรือชะลอการตกไข่ ทำให้ไข่ไม่พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ
- ห่วงอนามัยทองแดง (Copper IUD) : เมื่อใส่เข้าไปในโพรงมดลูก จะรบกวนกระบวนการปฏิสนธิและการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว
🛑 EC ไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และไม่ใช่ยาทำแท้ง
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มีกี่แบบ? มียาอะไรบ้าง?
ปัจจุบันมียาคุมกำเนิดฉุกเฉินและวิธีอื่น ๆ ที่สามารถใช้ได้ภายในไม่กี่วันหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ทางเลือกหลัก:
1. ยาเลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel – LNG)
- ขนาด 1.5 มิลลิกรัม แบบเม็ดเดียว รับประทานครั้งเดียว
- ควรใช้ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ และได้ผลดีที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน)
- ยังสามารถใช้ได้ถึง 120 ชั่วโมง (5 วัน) แต่ประสิทธิภาพจะลดลงตามระยะเวลา
- จากการศึกษาพบว่าอัตราการตั้งครรภ์หลังใช้ อยู่ที่ประมาณ 1.2–2.1%
2. (Ulipristal Acetate – UPA)
- ขนาด 30 มิลลิกรัม รับประทานครั้งเดียว
- ใช้ได้ถึง 120 ชั่วโมง (5 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์
- มีประสิทธิภาพดีกว่า LNG โดยเฉพาะเมื่อใช้นานกว่า 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
3. ห่วงอนามัยทองแดง (Copper IUD)
- ต้องใส่โดยแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุขที่ได้รับการฝึกฝน
- ใส่ได้ภายใน 120 ชั่วโมง (5 วัน) หลังเพศสัมพันธ์
- มีประสิทธิภาพสูงมากกว่า 99%
- ข้อดีเพิ่มเติมคือ สามารถใช้ต่อเนื่องเป็นวิธีคุมกำเนิดระยะยาวได้
🔍 หมายเหตุเพิ่มเติม
แนวทางบางประเทศรายงานว่า ห่วงอนามัยชนิดฮอร์โมน LNG-IUD ขนาด 52 มิลลิกรัม อาจใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินได้หากใส่ภายใน 5 วัน และให้ผลใกล้เคียงกับห่วงทองแดง แต่การใช้จริงขึ้นกับระบบบริการและการเข้าถึงในแต่ละประเทศ
ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเมื่อใด?
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (EC) ควรใช้ในกรณีที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ต่อไปนี้:
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
- การคุมกำเนิดล้มเหลว เช่น
- ถุงยางอนามัยแตก หรือหลุด
- ใช้ถุงยางผิดวิธี
- ลืมรับประทานยาคุมรายวัน
- ลืมไปฉีดยาคุมแบบฉีด หรือฉีดยาช้าเกินกำหนด
💔 กรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศ:
ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสม เช่น
- การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- การพิจารณาการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- การพิจารณาให้ยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (PEP) ซึ่งต้องเริ่มภายใน 72 ชั่วโมง
ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด? (ทำตามขั้นตอนนี้)
✅ ขั้นที่ 1: เลือกวิธีให้เหมาะกับช่วงเวลา
- ภายใน 72 ชั่วโมงแรก (3 วัน)
→ ใช้ได้ทั้ง ยาเลโวนอร์เจสเตรล (LNG) และ ยาอูริพริสทาลอะซีเตต (UPA)
➕ แต่ถ้าเลือกได้ ให้พิจารณาใช้UPA เพราะออกฤทธิ์ได้ดีแม้ใช้ยาช้าในช่วงวันที่ 4–5
- ระหว่าง 72–120 ชั่วโมง (วันที่ 4–5)
→ แนะนำใช้ UPA หรือห่วงอนามัยทองแดง (Copper IUD)
➕ เพราะให้ผลดีกว่า LNG ในช่วงเวลานี้
✅ ขั้นที่ 2: วิธีใช้แต่ละแบบ
- ยาเลโวนอร์เจสเตรล (LNG 1.5 มก.)
→ รับประทาน 1 เม็ด ครั้งเดียว ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์
- ยาอูริพริสทาลอะซีเตต (UPA 30 มก.)
→ รับประทาน 1 เม็ด ครั้งเดียว ให้เร็วที่สุดหลังเหตุการณ์
- ห่วงอนามัยทองแดง (Copper IUD)
→ นัดพบแพทย์เพื่อใส่ห่วง ภายใน 5 วัน
➕ หลังใส่สามารถใช้คุมกำเนิดระยะยาวต่อเนื่องได้
✅ ขั้นที่ 3: หากอาเจียน
- หาก อาเจียนภายใน 3 ชั่วโมง หลังรับประทานยา
→ ให้รับประทานยาซ้ำอีก 1 เม็ด โดยเร็วที่สุด
→ และอาจพิจารณาใช้ยากันคลื่น เพื่อป้องกันอาเจียนซ้ำ
✅ ขั้นที่ 4: เริ่ม/กลับไปใช้การคุมกำเนิดประจำ
- หลังใช้ LNG
→ เริ่มหรือกลับไปใช้ยาคุมแบบปกติได้ทันที
→ แนะนำให้ใช้ถุงยางร่วมด้วยในช่วง 7 วันแรก
- หลังใช้ UPA
→ ควรรออย่างน้อย 5 วัน ก่อนเริ่มใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมน
→ เพราะยาฮอร์โมนอาจลดประสิทธิภาพของ UPA
→ เมื่อเริ่มใช้แล้ว ให้ใช้ถุงยางร่วมด้วยในช่วง 7 วันแรก
✅ ขั้นที่ 5: ตรวจการตั้งครรภ์
- หากประจำเดือนไม่มา ภายใน 3 สัปดาห์หลังใช้ EC
→ ควรตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความแน่ใจ
❓ คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับ “ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน” (Emergency Contraception: EC)
สามารถใช้ EC บ่อย ๆ ได้ไหม?
สามารถใช้ซ้ำได้เมื่อมีความจำเป็น แม้ในรอบเดือนเดียวกัน
แต่‼️ ไม่ควรใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดประจำ เพราะ:
- ประสิทธิภาพสู้วิธีคุมกำเนิดแบบประจำไม่ได้
- อาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดมากกว่าปกติ หรือมากะปริดกะปรอยบ่อยครั้ง
📌 แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมในระยะยาว เช่น:
- ยาเม็ดคุมกำเนิดรายเดือน
- ห่วงอนามัย (IUD)
- ยาฝังคุมกำเนิด
EC ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ได้หรือไม่?
ไม่ได้ค่ะ/ครับ
EC มีหน้าที่แค่ป้องกันการตั้งครรภ์แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (เช่น หนองใน ซิฟิลิส เอชไอวี ฯลฯ)
✅ เพื่อความปลอดภัย:
- ควรใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หากถูกล่วงละเมิดทางเพศ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อ:
- ประเมินความเสี่ยงของโรคติดต่อ
- พิจารณาให้ PEP (ยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี) ซึ่งต้องให้ภายใน 72 ชั่วโมง
- รับการสนับสนุนด้านจิตใจ
ทำไมหลังใช้ UPA ต้องรอ 5 วันก่อนเริ่มยาคุมแบบประจำ?
ยา Ulipristal Acetate (UPA) เป็นยากลุ่ม antiprogestin
→ ถ้าเริ่มยาคุมชนิดฮอร์โมนเร็วเกินไป อาจรบกวนการออกฤทธิ์ของ UPA ได้
📌 จึงควร:
- เว้นระยะอย่างน้อย 5 วัน ก่อนเริ่มใช้ยาคุมแบบประจำ
- เมื่อเริ่มใช้แล้ว ควร ใช้ถุงยางร่วมในช่วง 7 วันแรก เพื่อความมั่นใจว่ามีการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย