27 ก.ย. เวลา 23:17 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

ประวัติความเป็นมาของ Linux

บทนำ
ในยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวัน ระบบปฏิบัติการ (Operating System: OS) ถือเป็นหัวใจหลักที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบปฏิบัติการทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานและควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
ปัจจุบันระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมมีอยู่หลายตระกูล เช่น Windows, macOS และ Linux โดยเฉพาะ “ลินุกซ์” ซึ่งถือเป็นระบบปฏิบัติการแบบ โอเพนซอร์ส (Open Source) ที่เติบโตจากการร่วมมือของนักพัฒนาทั่วโลก และมีอิทธิพลอย่างมากในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ระบบเซิร์ฟเวอร์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงอุปกรณ์ IoT
บทความนี้จะกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของระบบปฏิบัติการลินุกซ์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น แนวคิดการพัฒนา ความสัมพันธ์กับระบบยูนิกซ์ การทำงานของเคอร์เนล บทบาทของชุมชนนักพัฒนา ไปจนถึงความสำคัญของลินุกซ์ในปัจจุบัน
ความหมายและลักษณะของ Linux
“Linux” หรือ “ลินุกซ์” คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นโดย Linus Benedict Torvalds นักศึกษาชาวฟินแลนด์ ขณะกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ (University of Helsinki) ในปี ค.ศ. 1991 จุดเด่นสำคัญของลินุกซ์คือเป็นระบบปฏิบัติการที่เปิดเผย รหัสต้นฉบับ (Source Code) ให้สาธารณชนเข้าถึงได้อย่างอิสระ ภายใต้สัญญาอนุญาตแบบ GNU General Public License (GPL) ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนสามารถนำไปศึกษา ดัดแปลง พัฒนา หรือเผยแพร่ต่อได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
https://successstory.com/people/linus-benedict-torvalds
ลินุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการแบบ มัลติยูสเซอร์ (Multi-user) และ มัลติทาสก์ (Multitask) หมายความว่าสามารถรองรับผู้ใช้หลายคนพร้อมกัน และสามารถทำงานหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังรองรับการใช้งานกับสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ที่ใช้หน่วยประมวลผลตระกูล Intel หรือ AMD รวมถึงสถาปัตยกรรมอื่น ๆ เช่น MIPS, SPARC, Alpha และ PowerPC ซึ่งทำให้ลินุกซ์มีความยืดหยุ่นสูงและถูกนำไปใช้งานในหลากหลายอุปกรณ์
ความสัมพันธ์ระหว่าง Linux กับ UNIX
ลินุกซ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากระบบปฏิบัติการ UNIX ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 โดยบริษัท Bell Labs UNIX มีชื่อเสียงในด้านความเสถียร ความปลอดภัย และความสามารถในการรองรับผู้ใช้หลายคนพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม UNIX เป็นระบบปฏิบัติการเชิงพาณิชย์และมีข้อจำกัดด้านสิทธิ์การใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับการศึกษาและพัฒนาอย่างอิสระ
Linus Torvalds ได้นำแนวคิดหลักของ UNIX มาใช้เป็นต้นแบบในการออกแบบลินุกซ์ โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องโครงสร้างของระบบ การจัดการโปรเซส และการทำงานแบบมัลติทาสก์ ถึงแม้ลินุกซ์จะได้รับแรงบันดาลใจจาก UNIX แต่ ไม่ได้คัดลอกรหัสต้นฉบับมาจาก UNIX เลย Linus เขียนระบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น และปฏิบัติตามมาตรฐาน POSIX (Portable Operating System Interface) ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ทำให้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาสำหรับ UNIX สามารถทำงานบนลินุกซ์ได้เช่นกัน
ผลลัพธ์คือระบบลินุกซ์สามารถทำทุกสิ่งที่ UNIX ทำได้ และยังสามารถใช้รหัสต้นฉบับร่วมกันได้ในระดับหนึ่ง เช่น โปรแกรมที่พัฒนาบนลินุกซ์สามารถคอมไพล์ให้ทำงานบนระบบ UNIX ได้โดยแทบไม่ต้องแก้ไข และในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน
ความหมายของคำว่า “Linux”
คำว่า “ลินุกซ์” มีความหมายที่แตกต่างกันตามบริบทที่ใช้งาน
1. ในความหมายเฉพาะทาง – “ลินุกซ์” หมายถึง “เคอร์เนล (Kernel)” ซึ่งเป็นแกนกลางของระบบปฏิบัติการ มีหน้าที่สำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ เช่น การแบ่งเวลาทำงานของซีพียูให้แต่ละโปรเซส การจัดสรรและบริหารหน่วยความจำ การควบคุมอุปกรณ์อินพุต/เอาต์พุต และการสื่อสารระหว่างซอฟต์แวร์กับฮาร์ดแวร์
2. ในความหมายทั่วไป – “ลินุกซ์” หมายถึง “สภาพแวดล้อมของระบบปฏิบัติการ (Operating Environment)” ซึ่งประกอบด้วยเคอร์เนลและโปรแกรมพื้นฐานที่ทำให้ระบบพร้อมใช้งาน เช่น X Window System, เดสก์ท็อปเอนไวรอนเมนต์ (Desktop Environment), คอมไพเลอร์, อินเทอร์พรีเตอร์, และเครื่องมือแก้ไขข้อความ
สำหรับผู้ใช้ทั่วไป คำว่าลินุกซ์จึงมักหมายถึงระบบปฏิบัติการทั้งชุด แต่สำหรับนักพัฒนา คำนี้อาจหมายถึงเพียง “ลินุกซ์เคอร์เนล” ที่เป็นหัวใจหลักของระบบเท่านั้น
จุดเริ่มต้นของ Linux
https://successstory.com/people/linus-benedict-torvalds
เรื่องราวของลินุกซ์เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1991 เมื่อ Linus Torvalds ซึ่งมีความสนใจด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิและมีโอกาสได้ใช้ระบบปฏิบัติการ UNIX ในช่วงเวลานั้น ระบบปฏิบัติการที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลส่วนใหญ่ยังคงเป็น MS-DOS ซึ่งแตกต่างจาก UNIX อย่างสิ้นเชิง การได้สัมผัสกับ UNIX ทำให้ Linus สนใจโครงสร้างและกลไกการทำงานของระบบปฏิบัติการอย่างจริงจัง
หนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของ Linus คือหนังสือ Operating Systems: Design and Implementation เขียนโดย Andrew Tanenbaum อาจารย์ชาวดัตช์ที่สร้างระบบปฏิบัติการขนาดเล็กชื่อ “Minix” เพื่อใช้ในการเรียนการสอน Minix เป็นระบบที่คล้าย UNIX แต่มีขนาดเล็กและเปิดให้ศึกษาได้ ทำให้ Linus ได้เข้าใจแนวคิดการทำงานของระบบปฏิบัติการมากขึ้น
ต่อมา Linus ได้ซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้หน่วยประมวลผล Intel 80386 ซึ่งติดตั้งระบบปฏิบัติการ MS-DOS มาด้วย อย่างไรก็ตามเขากลับเลือกติดตั้ง “Minix” เพื่อศึกษาเพิ่มเติม แต่ Minix มีข้อจำกัดหลายอย่างเนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อการศึกษา ไม่ใช่เพื่อใช้งานจริง หนึ่งในสิ่งที่ Linus ไม่พอใจคือ Terminal Emulator ของ Minix ที่ทำงานได้ไม่ดีนัก
เพื่อแก้ปัญหานี้ Linus จึงเริ่มเขียน โปรแกรมเทอร์มินัลเอมูเลเตอร์ ขึ้นมาใหม่ด้วยภาษาแอสเซมบลี เพื่อเชื่อมต่อโมเด็มและอ่านกลุ่มข่าวจากบ้าน โปรแกรมนี้ต้องสามารถทำงานสองอย่างพร้อมกัน คืออ่านข้อมูลจากโมเด็มและแสดงผลบนหน้าจอ รวมถึงรับข้อมูลจากคีย์บอร์ดและส่งกลับไปยังโมเด็ม การทำงานสองอย่างพร้อมกันนี้เป็นแนวคิดพื้นฐานของ Task Switching ซึ่งเป็นหัวใจของระบบปฏิบัติการสมัยใหม่
โปรแกรมเทอร์มินัลเล็ก ๆ นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อ Linus ต้องการเพิ่มฟังก์ชันการดาวน์โหลดไฟล์และบันทึกลงฮาร์ดดิสก์ เขาจำเป็นต้องศึกษาเรื่อง File System และเขียน ไดรเวอร์ฮาร์ดดิสก์ ขึ้นมาเอง จนกระทั่งสามารถทำให้โปรแกรมเก็บข้อมูลลงฮาร์ดดิสก์ได้สำเร็จ
จากโปรแกรมเล็ก ๆ สู่ระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบ
เมื่อโปรแกรมของ Linus มีความสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มันก็เริ่มเปลี่ยนจากโปรแกรมธรรมดาไปสู่ระบบปฏิบัติการ เขาเริ่ม พอร์ต (Port) โปรแกรมเชลล์ (Shell) ซึ่งเป็นตัวรับคำสั่งจากผู้ใช้เข้าสู่ระบบ และต่อมาคือ คอมไพเลอร์ภาษา C (C Compiler) ที่ทำให้เขาสามารถคอมไพล์โปรแกรมอื่น ๆ เพื่อใช้งานกับระบบได้
การเพิ่มคอมไพเลอร์ภาษา C ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะมันทำให้ระบบที่ Linus พัฒนาขึ้นสามารถนำโปรแกรมที่เขียนด้วย C มารันได้จริง ระบบเริ่มมีความสมบูรณ์และสามารถใช้งานได้เหมือนระบบปฏิบัติการเช่น UNIX
ในที่สุด ด้วยความพยายาม ความมุ่งมั่น และความไม่ย่อท้อของ Linus Torvalds ระบบปฏิบัติการใหม่ที่ชื่อว่า “Linux” ก็ถือกำเนิดขึ้น
การเติบโตและการพัฒนาโดยชุมชน
หลังจาก Linus เผยแพร่รหัสต้นฉบับของระบบปฏิบัติการบนอินเทอร์เน็ต นักพัฒนาซอฟต์แวร์จากทั่วโลกก็เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โปรแกรมต่าง ๆ ที่เคยใช้บนระบบ UNIX ถูกพอร์ตให้สามารถทำงานบนลินุกซ์ได้ เช่น X Window System และโปรแกรมจาก GNU Project ของ Free Software Foundation
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมใหม่ ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับลินุกซ์โดยเฉพาะ เช่น GNOME ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปเอนไวรอนเมนต์ที่ได้รับความนิยมสูง รวมถึงยูทิลิตี้และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ทำให้ลินุกซ์กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่สมบูรณ์และใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
ความเปิดกว้างของลินุกซ์ยังทำให้มันสามารถถูกพอร์ตให้ทำงานบนสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น Atari, Alpha และ SPARC ซึ่งทำให้ลินุกซ์ไม่จำกัดอยู่เพียงเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานได้บนระบบขนาดใหญ่ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ฝังตัว (Embedded Systems)
บทบาทและความสำคัญของ Linux ในปัจจุบัน
จากระบบปฏิบัติการเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นจากความต้องการส่วนตัวของนักศึกษาคนหนึ่ง ปัจจุบัน ลินุกซ์กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่สำคัญที่สุดระบบหนึ่งของโลก ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งในภาคธุรกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ในด้านเซิร์ฟเวอร์: ลินุกซ์ถูกใช้เป็นระบบปฏิบัติการหลักในเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก เนื่องจากมีความเสถียร ปลอดภัย และสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ
ในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์: กว่า 90% ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในโลกใช้ลินุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการหลัก เพราะรองรับการประมวลผลขนาดใหญ่และสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับงานเฉพาะทางได้
ในโทรศัพท์มือถือ: ระบบปฏิบัติการ Android ที่ใช้ในสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ก็มีพื้นฐานมาจากลินุกซ์
ในอุปกรณ์ IoT: ลินุกซ์ถูกใช้ในอุปกรณ์อัจฉริยะและอุปกรณ์ IoT จำนวนมาก เนื่องจากสามารถทำงานบนฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายและมีขนาดเล็ก
สรุป
“ลินุกซ์” คือระบบปฏิบัติการที่ถือกำเนิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของนักศึกษาคนหนึ่งแต่ได้เติบโตจนกลายเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีระดับโลก จากจุดเริ่มต้นของโปรแกรมเทอร์มินัลเอมูเลเตอร์ธรรมดาในปี ค.ศ. 1991 ลินุกซ์ได้พัฒนาไปเป็นระบบปฏิบัติการที่ทรงพลัง ยืดหยุ่น ปลอดภัย และเปิดกว้างสำหรับทุกคน
ความสำเร็จของลินุกซ์สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ โอเพนซอร์ส และความร่วมมือของนักพัฒนาทั่วโลก ที่ไม่เพียงสร้างระบบปฏิบัติการเท่านั้น แต่ยังสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้และนวัตกรรมที่ไม่มีที่สิ้นสุด ปัจจุบันลินุกซ์ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในโลก ตั้งแต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไปจนถึงสมาร์ตโฟน
“ลินุกซ์” จึงไม่ใช่เพียงระบบปฏิบัติการธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือเสรี ความคิดสร้างสรรค์ และการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งจะยังคงมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยีต่อไปอีกยาวนาน
ฝากติดตามซีรีส์การใช้ Linux ขั้นพื้นฐานด้วยนะครับ
ติดตามตอนต่อไปได้ที่ - > https://www.blockdit.com/series/68dc9f8ccfbe2a355b6c87d6

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา