28 ก.ย. เวลา 05:03 • นิยาย เรื่องสั้น

เกมส์มรดก ตอนที่ 2 – สำนักงานในเงา

สวัสดีครับคุณคนอ่านทุกท่าน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของผมให้ทุกคนได้รับรู้ ผมอยากจะสอดแทรกหลักกฎหมายและหลักการดำเนินชีวิตที่ผมได้เรียนรู้จากการทำงาน เพราะผมเชื่อเสมอว่า การเอาเรื่องของครอบครัวมาปะปนกับงานที่เราทำ... มันจะไม่มีความสุขในการทำงานเลย ดั่งคำโบราณที่ว่าไว้ "ศึกภายนอกแม้นหลับพักผ่อนก็หายเหนื่อย ศึกภายในไซร้เหนื่อยจนวันตาย"
ผมเพิ่งจัดการให้เสมียนทนายของผมคนหนึ่งพักงานเอกสารชั่วคราว เพื่อไปดูแลการไลฟ์สดเปิดตัวสินค้าใหม่ให้คุณอาเป็นการเฉพาะกิจ นี่เป็นเกมที่ผมวางไว้อย่างดี เพื่อให้ผมมีเวลามาจัดการคดีอื่น ๆ ที่คั่งค้างอยู่ที่สำนักงานกฎหมาย เพราะวันนี้ยังมีเรื่องต้องเคลียร์อีกมาก
ลูกค้าคนสำคัญ... กับคำขู่ที่ไม่อาจมองข้าม
"เลขาวันนี้มีงานอะไรให้ผมจัดการบ้าง" ผม ทนายทรรศกร หันไปถามเลขานุการสาวของผมทันทีที่เดินเข้ามาในห้องทำงาน
"วันนี้ เฮียเหลียง จะมาปรึกษาคดีความเรื่องทำร้ายร่างกายค่ะ เขานัดคิวไว้ที่ Line official ของสำนักงาน" เลขาตอบกลับอย่างฉะฉาน
ระบบการบริหารงานของ ชูศักดิ์อินเตอร์ลอว์ เป็นระบบที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบ ถ้าเป็นคดีใหม่ ๆ ต้องติดต่อผ่าน Line official เพื่อจองคิวปรึกษา แต่สำหรับลูกค้า VIP หรือลูกค้าคนสำคัญอย่างเฮียเหลียง ย่อมมีช่องทางพิเศษและสิทธิ์ในการลัดคิวอยู่แล้ว
ประวัติของ เฮียเหลียง ไม่ธรรมดา เขาคือหนึ่งใน ซัพพลายเชน (Supply Chain) คนสำคัญของคุณอาผม ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ธุรกิจมันมีทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ คุณอาผมทำธุรกิจปลายน้ำ ขายสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนเฮียเหลียงเป็นเหมือนคนคุมกลางน้ำ ดูแลเรื่องการ นำเข้าสินค้าแทบจะทั้งหมด
คุณอาผมเคยพยายามจะ "ฮุบ" กิจการของเฮียเหลียงมาแล้วหลายครั้ง เสนอแม้กระทั่งหุ้นส่วนหนึ่งของบริษัทให้ เพื่อให้เฮียเหลียงเข้ามาเป็นหัวหน้าการนำเข้าสินค้า แต่เฮียเหลียงไม่ยอม มักจะปฎิเสธและบอกว่า "อยู่ช่วย ๆ กันแบบนี้ก็แฮปปี้ดี"
แต่พอมีปัญหาก็มาปรึกษากับทนายทรรศกรแบบเราทุ๊กรอบ! ผมบ่นกับตัวเองในใจ—เหนื่อยกับคดีจริงๆ
บ่นไม่ทันขาดคำ เฮียเหลียง พร้อมคนสนิทก็ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของผม
"ไม่เจอกันนานเลยนะทัศ" เฮียเหลียงทักทายแบบเป็นกันเอง
"ไม่เจอก็ดีแล้วครับเฮีย อาชีพแนวผมไม่มีใครอยากเจอหรอกครับ เพราะถ้าเจอแสดงว่าต้องเจอเรื่องที่ไม่ดีมาแน่ ๆ ไม่เราก็เขาที่เป็นฝ่ายกระทำ วันนี้ เราหรือเขาครับ ที่เป็นฝ่ายกระทำมา" ผมตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
"ต่อปากต่อคำเก่งเหมือน ชูศักดิ์ พ่อเอ็งเลยนะ เมื่อก่อนเราซี้กันสามคน มีพ่อเอ็ง อาของเอ็ง แล้วก็ข้า ทำธุรกิจอะไรเราจะปรึกษากันตลอดเลย" เฮียเหลียงเริ่มรำลึกความหลัง
"มีอะไรก็ว่ามาครับเฮีย ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่พ่อผมมีชีวิต ย้อนความหลังไปผมไม่ได้อินไปกับเฮียหรอกนะครับ เสียเวลาเคลียร์คดีผม" ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเต็มที
เฮียเหลียงชะงักไปเล็กน้อย แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
"เอาเป็นว่า ถ้าเอ็งช่วยเฮีย... เฮียจะเล่าเรื่องพ่อของเอ็งให้ฟัง ที่เอ็งต้องรู้ อาจเกี่ยวพันกับสำนักงานกฎหมายของพ่อเอ็งด้วย แต่ถ้าเอ็งไม่ช่วยเฮีย... เฮียจะไปหาคนอื่นและ ถอนการจ้างงานของสำนักงานกฎหมายนี้ทั้งหมด" เฮียตอบกลับพร้อมคำขู่ที่รู้ดีว่าบาดลึก
ใช่แล้วครับ... รายได้หลักของเราไม่ใช่แค่การดำเนินคดีในชั้นศาลเพียงอย่างเดียว ชูศักดิ์อินเตอร์ลอว์ ปรึกษากฎหมายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ จัดทำสัญญา และวางโครงสร้างต่าง ๆ ให้บริษัท การที่เฮียเหลียงเป็นลูกค้าคนสำคัญด้านนำเข้าและส่งออกสินค้า หมายถึงเอกสารทางกฎหมาย ภาษี และการจัดการด้านต่าง ๆ ที่มีมูลค่ามหาศาลต้องพึ่งพาเรา หากเขาถอนตัว สำนักงานของเราย่อมสะเทือน
ผมบ่นในใจเสร็จจึงตอบกลับเฮียเหลียงด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตาคมกริบ
"ว่ามาเลยครับเฮีย"
จุดแตกหักของความลับ
"ซาอู หนึ่งในแรงงานต่างด้าวที่ข้าชุบเลี้ยงมาอย่างดีกับเนรคุณ ฟ้องข้าในข้อหาทำร้ายร่างกาย" เฮียเหลียงเปิดประเด็น
"คดีทำร้ายร่างกายมองไปที่เจตนาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่ครับ ให้ทนายท่านอื่นช่วยยังได้ทำไมต้องเป็นผม" ผมถามด้วยความสงสัย
"ก็ซาอูนี่แหละที่เป็น แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และมันรู้ความลับของบริษัท มันมีเอกสารปลอมจำนวนมาก ของบริษัท มันไม่จบที่คดีทำร้ายร่างกายแน่ ๆ ถ้ามันเล่นงานจริง ๆ" เฮียเหลียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแสดงความกังวลอย่างแท้จริง
ผมกุมขมับทันที "เฮีย! ผมบอกแล้วไงให้ยื่นเรื่องมาให้ผม ผมจะเดินเอกสารให้เรื่องแรงงานต่างด้าว ทำไมเฮียไม่ทำ ทีนี้ปัญหาเลยบานปลายไปใหญ่" ผมตอบกลับด้วยความหงุดหงิด
"ก็ข้าคิดว่ามันแค่ไม่กี่คนจะไม่มีปัญหาอะไรนี่หว่า... เอ็งต้องช่วยเฮียนะโว้ย ทำยังไงก็ได้ให้ซาอูถอนแจ้งความ" เฮียเหลียงอ้อนวอน
"ได้ครับ... แต่ผมอยากรู้ข้อมูลเชิงลึก"
การเผชิญหน้า
ผมใช้เวลาเก็บรายละเอียดจากเฮียเหลียงอย่างรวดเร็ว นายซาอู ชายชาวพม่าวัย 28 ปี เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายเพราะญาติ แต่ด้วยความรับผิดชอบในการดูแลโกดัง เขาจึงล่วงรู้ความลับเรื่องการนำเข้าแรงงานเถื่อนจำนวนมาก
เหตุเกิดจากการทำงานผิดพลาดของซาอู จนเฮียเหลียงโมโห ตบหน้าอย่างรุนแรงต่อหน้าคนงานหลายคน แม้จะมีพยาน แต่พยานเหล่านั้นก็กลัวถูกตรวจสอบเรื่องสถานะแรงงาน ส่วนกล้องวงจรปิด... ก็ถูกคนของเฮียเหลียงลบทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว
ปมสำคัญจึงไม่ใช่แค่การทำร้ายร่างกาย แต่คือ ไพ่ลับ ที่ซาอูถืออยู่ในมือ
"ว่าไงครับเฮีย" ผมหันไปถาม "ถ้าต้องการให้จบเรื่อง ไม่ให้ลามไปถึงคุณอาและธุรกิจ... เราต้องเจรจาเดี๋ยวนี้"
และทันทีที่ได้ข้อมูล ผมก็พาเฮียเหลียงไปที่บ้านของนายซาอูทันที
บ้านของซาอูเป็นเพียงห้องแถวเล็ก ๆ ซาอูนั่งกอดอกอยู่กลางห้อง ดวงตาแข็งกร้าว จ้องมองมาที่พวกเราอย่างไม่เป็นมิตร ส่วนเฮียเหลียงนั่งไขว่ห้าง มองด้วยแววตาไม่แยแสราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการเสียเวลาเล็กน้อย
ผมเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เพื่อพูดคุยกับซาอู "คุณซาอู… ผมเข้าใจนะครับ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ คุณโดนทำร้ายร่างกายจากคนที่คุณไว้ใจ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ถ้าเรื่องนี้ขึ้นศาล… คุณแน่ใจหรือครับว่าคุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ?"
ซาอูมองผมด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ "ผมแค่ต้องการ ความยุติธรรม! เขาตีผมต่อหน้าคนงานคนอื่น เหมือนผมไม่ใช่คน! แล้วผมรู้ความลับทั้งหมดของบริษัทเขาด้วย ถ้าจะลากกันเข้าศาล… ผมก็พร้อม!"
"ไอ้เด็กนี่มันปากดีจริง ๆ" เฮียเหลียงหัวเราะหึ ๆ พูดข่ม "เอ็งลืมไปแล้วหรือ ว่าเอ็งเองก็ผิดกฎหมาย… ไม่มีเอกสาร อยู่ผิดวิธี ตำรวจเขาจะเอาเอ็งก่อนใครนั่นแหละ"
ผมรีบยกมือกันสถานการณ์และหันไปทางซาอู "ใจเย็นครับเฮีย… ผมขอคุยกับคุณซาอูตรง ๆ"
"คุณซาอู… ผมถามตรง ๆ เลย คุณอยากได้อะไร? ความยุติธรรมในศาล… หรือการรับรองว่าคุณจะปลอดภัย และมีชีวิตที่ดีกว่าการวิ่งหนีตำรวจไปวัน ๆ?" ผมเน้นเสียงคำว่า 'ปลอดภัย'
ซาอูเงียบไปครู่หนึ่ง มองสายตาผมอย่างพิจารณา "ผมอยากได้ สิทธิ์ในฐานะคน ไม่ใช่แค่แรงงานเถื่อน… ถ้าเฮียจะไม่เคารพผม งั้นผมก็จะเอาเรื่อง!"
"ถ้าคุณยืนยันจะฟ้อง…" ผมพูดด้วยเสียงนุ่มแต่จริงจัง "คุณก็เสี่ยงที่จะถูกตรวจสอบเรื่องเอกสาร นั่นหมายความว่าคุณอาจถูกส่งกลับประเทศ แต่ถ้าคุณถอนฟ้อง… ผมจะบังคับให้เฮียเหลียงเซ็นสัญญา จัดการเรื่องเอกสารแรงงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้คุณทันที และคุณจะได้ค่าชดเชยตามสมควร"
"ไอ้ทัศ… แกกล้ามาต่อรองแทนมันเหรอ?" เฮียเหลียงหน้าเสีย แต่ยังข่มขู่
ผมหันไปมองเฮียเหลียงตรง ๆ ด้วยสายตาที่ไม่มีความเกรงใจ "นี่ไม่ใช่การต่อรองครับเฮีย… แต่มันคือวิธีเดียวที่จะทำให้ ทั้งสองฝ่ายไม่พังไปพร้อมกัน"
บรรยากาศในห้องเงียบกริบ ซาอูเริ่มลังเล แววตาอ่อนลงเพราะเห็น แสงแห่งโอกาส ในชีวิต ขณะที่เฮียเหลียงกัดฟันกรอด แต่ก็รู้ดีว่าถ้าปล่อยให้ซาอูเปิดโปงความลับ คดีนี้จะลามไปถึงคุณอาและห่วงโซ่ธุรกิจทั้งหมดแน่นอน
เรื่องราวการเจรจาจะเป็นอย่างไรต่อไป? ซาอูจะถอนฟ้องไหม? ทนายทรรศกรจะเคลียร์ปัญหาและรักษาผลประโยชน์ของสำนักงานไว้ได้อย่างไร? มาร่วมลุ้นกันในตอนหน้าครับ
โฆษณา