2 ชั่วโมงที่แล้ว • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Bon Appétit, Your Majesty: ถอดรหัส วิธีการทำงานของ "แม่ครัวยอน"

“ฝ่าบาท สำรับพิเศษ
พร้อมถวายแล้วพะยะค่ะ”
“เข้ามาได้!”
.
.
.
“รอช้าอยู่ไยเล่า? บอกมาสิว่า
สำรับนี้ของเจ้าคืออะไร มีดียังไง”
“พะยะค่ะฝ่าบาท สำรับนี้พิเศษยิ่ง
มีชื่อว่า ‘พาเซลลิซิเย่’ ที่แปลกใหม่
ชนิดที่พระองค์ไม่เคยเสวยที่ใดมาก่อน
ซึ่งกระหม่อมไม่เพียง
คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีทั่วแผ่นดิน
หากแต่ยังผสมผสานกรรมวิธีปรุงแต่ง
ที่จะส่งรสชาตินุ่มละมุนฉ่ำแตะปลายลิ้น
ร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยได้ยิน
ทั้งเครื่องเคียง เครื่องปรุง และจานหลัก
ที่จะสื่อแทนหัวใจรักและความทรงจำแสนอร่อย
ของพระองค์อย่างละเมียดละไมที่สุด”
“ความทรงจำนั้นคือสิ่งใดเล่า?
แล้วมันเข้ากับโจทย์อาหาร
ความรักและการทำงานอย่างไรกัน?”
“เข้าอย่างถึงที่สุดเลยพะยะค่ะ
เพราะสำรับนี้ข้าได้จัดเตรียมทุกอย่าง
เกี่ยวกับนวลนางผู้ข้ามเวลามาสู่อดีตกาล
ผ่านการบดสับเนื้อหาออกมาอย่างละเอียด
ถึงแนวคิด จิตวิญญาณ และวิธีการทำงานของนาง
ออกมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน พร้อมเติมแต่งจานให้งดงาม
คนอ่านบทความนี้ไม่เพียงแต่จะได้อรรถรสเพิ่มเติม
จากการรับชมซีรีส์ แต่ยังได้วิธีคิดในการทำงาน
กลับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงด้วย”
​เพราะนี่คือบทความที่จะถอดรหัสเสน่ห์ปลายจวักของ “ยอนจียอง” เชฟสาวรุ่นใหม่ระดับมิชลินสตาร์ ที่จับพลัดจับผลูย้อนเวลามา​ในยุคที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งสำรับอาหาร วัฒนธรรม และเปลวไฟแห่งการแข่งขันในห้องเครื่องโบราณ ซึ่งเธอคนนี้สามารถใช้ "ปลายจวัก" แทนดั่งพู่กัน วาดลวดลายแห่งรสชาติที่สามารถสั่นสะเทือนได้ทั่วแผ่นดินยุคโชซอน
จากซีรีส์ "เมนูรัก พิชิตใจราชา: Bon Appétit, Your Majesty” ซึ่งยิ่งดูไปจะยิ่งพบว่านางไม่ใช่เพียงแม่ครัวมือทอง แต่เป็นนักกลยุทธ์ผู้ใช้ศาสตร์และศิลป์แห่งอาหารมาพิชิตพระราชหฤทัยและไพร่ฟ้าทั่วหล้าที่ได้พบเธอ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าแนวคิดการทำงานของหัวหน้าห้องเครื่องเอวบางร่างน้อยผู้นี้ ช่างมีความล้ำค่าทั้งในแง่ของคนทำอาชีพเชฟและคนทำงานในยุคปัจจุบันได้อย่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน
เมื่อ​เบื้องหลังสำรับอาหารแต่ละมื้อที่นางรังสรรค์ขึ้นถวาย คือกระบวนการคิดอันซับซ้อนและจิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยชุดความคิดอันมากมายพรั่งพรูอยู่ข้างใน และวันนี้เราจะมาถอดรหัสเคล็ดลับทั้งที่ทำให้แม่ครัวยอนก้าวข้ามอุปสรรคและครองใจทุกคนที่ได้ลิ้มรสมือเธอ
“ราชเลชา ช่วยแจ้งผู้อ่านที ว่าบทความนี้จะมีราชาศัพท์ใส่ไปพอกล้อมแกล้มเป็นอรรถรส ผสมผสานกับภาษาคนทั่วไปให้เข้าใจง่าย ไม่ได้เคร่งตามตำราไวยกรณ์มาก (พะยะค่ะ ฝ่าบาท!)”
.
.
.
​1. ต้อง ‘รู้ใจ’ เข้าถึงอินไซต์ผู้ลิ้มรส
​- สังเกตได้ว่าในทุกฉาก ทุกตอน แม่ครัวยอนไม่เคยทำอาหารแบบขอไปที เมื่อนางมีหัวใจสำคัญทุกครั้งก่อนลงมือทำนั่นคือการพยายามศึกษา “กลุ่มเป้าหมาย” รู้ให้ได้ว่าสำรับนี้ “ทำให้ใครกิน?” เป็นคนอายุประมาณไหน ทำอาชีพอะไร โปรดปรานรสอาหารแบบไหน หรือมาจากเมืองไหนและพื้นเพอาหารถิ่นที่นั่นเป็นยังไง
ศึกษาอินไซต์ทั้งหมดอย่างลึกซึ้งเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วนำมาวิเคราะห์ขมวดรวมกับวัตถุดิบต่างๆ ที่มีรอบตัว ไม่ใช่การทำอาหาร "ให้ใครก็ได้" แต่เป็นการทำแบบ "Personalize" เพื่อใครคนหนึ่ง หรือคนกลุ่มหนึ่งอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำสำรับถวาย “กษัตริย์อีฮอน ผู้ได้รับการกล่าวขานเรื่องความเป็นทรราชและทรงขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเรื่องมากในการเสวยยิ่งกว่าผู้ใด ชนิดที่หากทำมาแล้วมิได้ทรงโปรด ก็เตรียมหัวหลุด ชะตาขาดได้เลย
แบบที่แม่ครัวยอนสามารถวิเคราะห์พระองค์ได้อย่างหมดเปลือก ว่าทรงมี Pain Point ด้านการเสวยแบบไหน และทรงมองหา Solution มาแก้ยังไง ด้วยอินไซต์ที่พระองค์ทรงมีลิ้นทองคำที่โหยหารสชาติอันซับซ้อน แปลกใหม่ ตระการตา และเรื่องราวเบื้องหลังอาหารที่สมเหตุสมผลสมอารมณ์ เช่นนี้การจะทำสำรับถวาย จึงต้องเต็มไปด้วยความละเอียดใส่ใจทุกกระบวนการ
ทุกครั้งเวลาจะทำสำรับใดๆ ขึ้นมา แม่ครัวยอนไม่เพียงแต่จะค้นหาวัตถุดิบชั้นดีรอบตัว แต่จะศึกษาพระองค์อย่างดี ว่า ณ ตอนนี้พระองค์กำลังรู้สึกเช่นไร หาก
กำลังกริ้วหรือเหนื่อยล้า ควรเสวยสิ่งใดเพื่อปลอบประโลม ฟื้นกำลังวังชา หรือ ณ เพลานั้นพระองค์กำลังจะ “เสวยกับใคร” ณ โอกาสใด มีเวลาให้ทำเท่าไหร่
แล้วค่อยๆ รังสรรค์เมนูที่ทั้ง “แปลกใหม่” ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมายในตอนนั้นอย่างดีที่สุด หรือบางทีที่ต้องเสิร์ฟเมนูเก่าที่มีอยู่แล้วในอดีต แม่ครัวยอนก็จะวิเคราะห์จนแน่ใจแล้วว่านั่นคือจานที่ผู้กินโหยหาที่สุด ทั้งการชวนให้พระราชาและพระหมื่นปีย้อนรำลึกถึงรสชาติแห่ง “คืนวันเก่าๆ” ผ่านรสมือเสด็จแม่ ซึ่งไม่ว่าคนเราจะเติบโตมาแค่ไหน อาหารฝีมือแม่ย่อมดีที่สุดเสมอ
หรือตอนที่ 7 ที่ทำอาหารบ้านๆ ให้ “จางชุนแซง” ก็มาจากการศึกษาที่มาของเขา ว่าพื้นเพเป็นคนปูซาน ย่านใด ทางนั้นเขาชอบกินอะไรกัน จนได้มาซึ่งพันธมิตรนักประดิษฐ์มากฝีมือและหม้อพิเศษมาประลองกับเหล่าพ่อครัวหมิง เดิมพันชะตาบ้านเมือง
​บทเรียนในชีวิตจริง: สิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจาก Content Creator, นักการตลาด หรือนักสื่อสารองค์กรใดก็ตามที่ต้องทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (Audience) อย่างถ่องแท้ถึงข้างใน เราต้องรู้ว่าพวกเขาสนใจอะไร มีปัญหา (Pain Point) แบบไหน เพื่อที่จะสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือผลิตภัณฑ์ที่ "ใช่" และ "โดนใจ" ที่สุด และการปรุงอาหารโดยไม่รู้จักผู้กินให้มากพอ ก็เหมือนการสร้างแคมเปญการตลาดโดยไม่อ่าน Data ของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
​2. พลิกแพลงข้อจำกัด ให้เป็นความไร้ขีดจำกัด
- ​การทะลุมิติมาสู่ยุคโชซอน ไม่เพียงทำให้ยอนจียองปราศจากเครื่องครัวทันสมัยและวัตถุดิบจากโลกปัจจุบันที่คุ้นเคย เพลานี้นางยังต้องทำงานภายใต้ความกดดันและ Culture Shock ที่มาจาก Gen Gap มากมาย
ทว่าแม่ครัวสาววัย 27 ปีไม่เคยตีโพยตีพาย ซ้ำยังมองว่าข้อจำกัดต่างๆ คือความท้าทายอันหอมหวาน ระหว่างรอที่จะได้ย่ามและ “มังอุนรก” หนังสือพิศวงกลับคืนมา ฉันก็จะทำให้พวกคนในยุคโชซอนรู้ว่าเชฟระดับมิชลินสตาร์ที่กำลังจะได้เป็นหัวหน้าห้องครัวชื่อดัง มีฝีมือฉมังเพียงใด
ตลอดเวลาที่นี่ แม่ครัวยอนอาศัยประสบการณ์และความสามารถทั้งชีวิต คอย “มองหา” วัตถุดิบรอบตัวที่มี และ “มองเห็น” ว่าสิ่งใดจะช่วยตอบโจทย์การทำสำรับนั้นๆ ขึ้นมา พร้อมกับคิดต่อยอดว่าจะเนรมิตทุกอย่างออกมายังไงให้แปลกใหม่ถึงใจผู้กินที่สุด ซึ่งกระบวนทั้งหมดผ่านการประมวลผลตกผลึกเพียงเศษหนึ่งส่วนพันล้านวินาทีในห้วงความคิด ก่อนจะรีบตัดสินใจโชะๆ ว่าจะเอาอะไร ไม่เอาอะไร คิดอ่านอย่างเด็ดขาดต่อไป เพราะทุกเสี้ยววินาทีล้วนมีค่า เดิมพันทั้งชีวิตเธอและคนใกล้ตัวอีกมากมาย
จะเห็นได้ว่าแม่ครัวยอนใช้เพียงวัตถุดิบทั้งพื้นบ้าน ทั้งในวัง และผลผลิตตามฤดูกาล มาผสมผสานกับเทคนิคที่เรียนรู้จากต่างแดน สร้างสรรค์เป็นเมนูที่ไม่เคยมีใครในโชซอนได้ลิ้มลอง เพราะนี่คือทักษะการบริหารจัดการทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเธอ
​บทเรียนในชีวิตจริง: ไม่ว่าคุณจะทำงานในองค์กรเล็กหรือใหญ่ ทรัพยากรคือสิ่งที่มีจำกัดเสมอไม่ว่าจะในเชิงข้อจำกัดด้านงบประมาณหรือเวลา ซึ่งคนที่จะประสบความสำเร็จจริงๆ ย่อมเป็นคนที่ไม่รอให้ทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยทำ แต่สามารถนำสิ่งที่มีอยู่มาสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้กับชิ้นงานและกลุ่มเป้าหมายที่จะได้คุณค่ากลับไป
เหมือนที่แม่ครัวยอนสามารถใช้วัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องเสวยอันเลิศรสโอชาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เธอทำงานกับข้อจำกัดเหล่านั้น เสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่คุ้นเคยดี เพราะเคยเจอมาเยอะทีเดียวในยุคที่ตนจากมา จึงรู้ดีว่าจะพลิกแพลงข้อจำกัดยังไง ให้กลายเป็นเมนูอันแปลกใหม่ เป็นไปได้แบบไร้ขีดจำกัด
​3. สติแกร่งดุจขุนเขา ใจเบาแม้ยามคับขัน
- ถ้าจะยกให้คำว่า "ใจดีสู้เสือ" เป็นคำจำกัดความของยอนจียองก็คงไม่เกินเลยไปนัก เพราะไม่ว่าเธอจะถูกกรรมการกดดันหนักในรายการวัดความเป็นหนึ่งปลายจวักที่ปารีส ฝรั่งเศส ทั้งชีวิตพลิกผันจากหน้ามือที่กำลังจะรุ่งโรจน์ในอาชีพสุดขีด กลับลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ลองนึกภาพตัวเราเองถ้าอยู่ๆ เกิดย้อนเวลามาในอดีต ไม่มีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่เคยต้องปรับวิถีชีวิตขนาดนี้มาก่อน ทั้งช่องวางแห่งการสื่อสารที่แอบซับซ้อน ทั้งการวางตัวในอีกยุคสมัยของประเทศที่หากพลาดไปสักนิดอาจไม่มีชีวิตกลับไปเจอหน้าพ่อ
ไหนจะถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากพระสนมตัวดี และบรรดาข้ารับใช้ในมือนาง รวมถึงเหล่าเสนาบดี ขุนนางในวังหลวงที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความเย่อหยิ่งกระหายในอำนาจ พร้อมจะกระชาก “กวีนยอ” ผีร้ายในร่างหญิงสาวผู้บังอาจเสนอหน้าลงให้ได้แต่สิ่งที่แม่ครัวยอนทำ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคหรือสิ่งที่ไม่คาดคิดใดๆ เธอจะยิ้มไว้ก่อนเสมอ ขณะที่ภายในเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงบนิ่งและสติปัญญาพร้อมพลิกตำราแก้
ขณะที่อีกมุมก็ใช่ว่าจะยอมเป็นนางเอกใสซื่อโดนจิกหัวถูกบูลลี่ไปเรื่อยๆ เพราะเธอเองก็ใช่เล่น ถึงจะเป็นคนใจเย็น แต่ถ้าอีกฝ่ายเริ่มเยอะ เริ่มประกาศสงครามประสาทขึ้นมา ก็พร้อมเอาคืนอย่างมีชั้นเชิง ก่อนจะยิ้มเย้ยหยันกลับไปอย่างมั่นใจ เธอทำ
เช่นนี้ได้เพราะใช้หลัก “รู้เข้า รู้เรา” เสมอมา รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอ่านอะไรและจะทำสิ่งใดต่อ แล้ววิธีโต้ตอบแบบไหนจะได้ผลที่สุด โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับองค์ราชาที่อารมณ์แปรปรวนดั่งพายุคลั่ง นางกลับใช้ความนิ่งสงบและรอยยิ้มที่จริงใจเป็นเกราะป้องกัน ก่อนจะใช้ทั้งวาจา ปัญญา และเสน่ห์ปลายจวักเป็นอาวุธในการพิชิตใจพระองค์
แบบที่ตอกกลับพระสนมจนใบ้จุกอก หรือหากต้องสู้เพื่อความยุติธรรม เธอก็กัดไม่ปล่อยอย่างตอนที่ต้องประลองกับทีมพ่อครัวหมิงแห่งแดนมังกร เมื่อรู้ว่า “หยาเฟยซิว” วางอุบายขโมยวัตถุดิบที่เป็นดั่งอาวุธลับในรอบแรกไป เธอในฐานะหัวหน้าห้องเครื่องยิ่งต้องใช้ทักษะวาทศิลป์และใจอันแกร่งกล้าที่มีกราบทูลพระราชา ตลอดจนคณะราชทูตออกไปจนทำให้ทีมโชซอนเลี่ยงความปราชัย ต่อลมหายใจสู้ต่อไปได้ จุดนี้ถ้าใจไม่แน่วแน่พอ ไหนเลยจะชิงไหวชิงพริบกับข้าศึกต่างแดนและไส้ศึกภายในได้อย่างดี
หรือตอนที่เธอถูกองค์ชายใหญ่เจซานและพระสนมซุกวอนใส่ร้าย แอบเอาสมุนไพรโอรยองจีที่มีฤทธิ์หักล้างกับโสมและก่อเกิดเป็นยาพิษใส่องค์ชาย “จินมยอง” พระอนุชาต่างมารดาของฝ่าบาท หลังจากพวกเขาเพิ่งได้ชิมมื้อพิเศษจากแม่ครัวยอน แท้จริงโอสถส่วนพระองค์ได้ถูกปนเปื้อนด้วยพิษร้ายที่มุ่งให้องค์ชายตัวน้อยเป็นเครื่องมือสังเวย เพื่อล่อให้ฝ่าบาทตบะแตกกลายเป็นทรราชเต็มตัว เพื่อเขี่ยแม่ครัวยอนออกไป เพียงเท่านี้การก่อกบฎชิงบัลลังก์ย่อมง่ายราวพลิกฝ่ามือ
ในบรรดาอุปสรรคต่างๆ ที่แม่ครัวยอนเคยเจอมา ตั้งแต่การถูกประนามเป็นกวีนยอผีร้ายเข้าวังมาก็ต้องนอนคุก เสี่ยงถูกตัดมือหากแพ้การประลอง ครั้นชนะศึกระหว่างสองเมือง ก็ยังจะโดนพาตัวไปเป็นนางบรรณาการถวายให้ฮ่องเต้เฉยเลย จนมาครั้งนี้ที่เจอพระพันปีขององค์ชายจินมยอง ที่เข้าใจผิดจนตัดสินและเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ จับทรมานทรกรรมในคุก พร้อมพวกสนมซุกวอน องค์ชายใหญ่เจซานที่รอพิฆาต นับว่าสาหัสสากรรจ์เกินคาดเหลือเกิน
แต่เมื่อได้รับโอกาสทองจากพระหมื่นปี ปล่อยตัวออกมาหาหลักฐานให้เจอใน 3 วัน เธอก็ยังคงความมุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่หวั่นไหวแม้เวลากำลังค่อยๆ หมดลง พยายามวิเคราะห์ทุกความเป็นไปได้ร่วมกับฝ่าบาท ราชเลขา และหมอในวัง หยิบจับเบาะแสต่างๆ เอามาประกอบเข้าด้วยกันจนหาคำตอบเจอ
และแม้ว่ายาถอนพิษที่บำรุงพระวรกายฝ่าบาทจนฟื้นตัว จะไม่ได้ผลกับองค์ชายจินมยองจนชีวิตของแม่ครัวยอนพาดอยู่บนกิโยตินอีกครา ทว่าเธอก็ยังมีสติเยือกเย็นพอที่จะวิเคราะห์คำตอบจนรู้ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์และโภชนาการว่าเหตุที่พระองค์มิอาจเสวยยาถอนพิษได้จนเกิดอาการชัก เพราะน้ำตาลตกขาดสารอาหาร ก่อนจะขออนุญาตวิ่งกลับไปเข้าครัว ทำอาหารที่มีทั้งคุณค่าทางโภชนาการสูงและย่อยง่าย มาฟื้นกำลังวังชาให้พระองค์ ก่อนจะได้เสวยยาถอนพิษอีกที
ซึ่งเพลานี้เธอก็ได้พิสูจน์ตัวเองอีกเช่นเคยว่าเป็นคนหัวไว อ่านขาด มองสถานการณ์ออก และสื่อสารกับทีมห้องเครื่องไม่ให้ตื่นตระหนก ช่วยกันตั้งใจทำสำรับพิเศษอย่างดีที่สุดและเร็วที่สุด จนกระทั่งสามารถช่วยชีวิตน้อยๆ ได้สำเร็จ กลับคืนสู่อ้อมกอดพระพันปี ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความปรีดา โล่งยิ่งกว่ายกภูเขาออกจากอก ถ้าไม่ได้ปัญญาอันล้ำเลิศและสติอันเยือกเย็นของเธอเข้าช่วย สงครามการเมืองในวังมีหวังได้ปะทุบานปลายจนเกิดการล้างบางเป็นแน่
รวมถึง Ep.11 เมื่อยามถวายสำรับพิเศษแด่พระหมื่นปี เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพ ขณะที่พระองค์ทรงพอพระทัยกับสำรับนี้มาก จนสนมซุกวอนแซะทันใดว่ารสชาติเหมือนเนื้อเพียงนี้ สงสัยจะแกล้งหลอกว่าเป็นมังฯ แต่ใช้เนื้อจริงกระมังเพคะ แม่ครัวยอนเลยยิ้มอ่อน และฟาดกลับนิ่มๆ ว่า “อ๋าา แบบนี้หม่อมฉันถือว่าชมนะคะ ขอบคุณมากเลย” หน้าชากันไป ฮ่าา
กระทั่งใน Ep.12 ตอนจบที่แม่ครัวยอนถูกองค์ชายใหญ่เจซาน กบฎทรราชตัวจริงจับไปเป็นตัวประกัน เธอก็ยังหาทางพลิกสถานการณ์เอาเศษขวดมาตัดเชือกหลุดพันธนาการ เข้าไปช่วยชีวิตฝ่าบาทได้ทันท่วงที โดยไม่คิดเกรงกลัวใดๆ เห็นการเสียสละทุ่มเทเพื่อพระองค์ด้วยรักขนาดนี้ ต้องยอบรับว่าหัวใจเธอยิ่งใหญ่เหลือเกิน
​บทเรียนในชีวิตจริง: ทุกสายอาชีพเต็มไปด้วยความกดดัน การควบคุมอารมณ์และมี สติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือทักษะสำคัญที่จะพาเราข้ามผ่านวิกฤต ยามที่ปัญหาถาโถมเข้ามา การตั้งหลักให้มั่นคงเหมือนยอนจียอง จะทำให้เรามองเห็นทางออกที่คนอื่นมองไม่เห็น ก่อนจะหาทางฝ่ามันไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม
​4. ภาวะผู้นำที่พิสูจน์ด้วย ‘ฝีมือ’ หาใช่ ‘เพศสภาพ’ ใดๆ
​- เป็นที่รู้กันว่าห้องเครื่องในยุคโชซอนหรือโลกสมัยก่อนคือโลกของผู้ชาย การที่สตรีจะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ย่อมถูกต่อต้าน กังขาในฝีมือและประสบการณ์ แต่แม่ครัวยอนนั้นไม่เคยใช้คำสั่งหรืออำนาจเพื่อควบคุมใครโดยตรงเลย
เสน่ห์ผู้นำของเธอคือการใช้จิตวิทยา ละลายพฤติกรรมและความซ่าของเหล่าพ่อครัว ปั่นมาปั่นกลับไม่โกv เพราะคุ้นเคยดีกับการเจอพ่อครัวชายแทร่ทั้งหลายบูลลี่ในโลกปัจจุบัน มายุคนี้ตอนแรกอาจตั้งตัวไม่ทัน แต่ด้วยความเป็นคนฉลาด ไหวพริบดี หัวไว เธอจึงพลิกเกมได้ง่ายในพริบตา
ก่อนจะทำให้เห็นว่า "การกระทำ" และ "ฝีมือ" สุดยอดห้องเครื่องเป็นยังไง ทำไมเธอถึงได้รับเลือกจากองค์ราชา และอะไรที่ทำให้เธอแตกต่างจากเชฟมากมายแม้ในเวทีสากล คนจะเป็นผู้นำห้องเครื่องที่เป็นดั่งหัวใจสำคัญของพระราชวังได้ ต้องคิดอ่านและมองนอกกรอบต่างจากคนทั่วไปยังไง? พร้อมลงมือทำอาหารที่แปลกแตกต่างด้วยตนเอง ถ้ายังกังขาไม่ฟัง ก็ต้องเจอพระเดช เจอจิตวิทยาฟาดกลับไป
ขณะเดียวกัน แม่ครัวยอนก็ซื้อใจเหล่าพ่อครัวด้วย “พระคุณ” ที่เปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นลูกทีมผู้พร้อมเดินร่วมทางกันจากใจจริง ตั้งแต่การออกตัวปกป้อง “พ่อครัวออม” และ “พ่อครัวแมง” มิให้โดนทำโทษตัดแขนที่เปรียบดั่งชีวิตพ่อครัวออกไป ทั้งการแอบหยอดความรู้ให้พวกเขาสองคน ทั้งทีมพ่อครัว และแม่นาง “กิลกึม” สหายคนสนิทได้ครูพักลักจำตลอดทาง
เปลี่ยนให้ห้องครัวแห่งนี้เป็น Comfort Zone ที่ทุกคนกล้าจะเป็นตัวเอง และเรียนรู้ไปด้วยกัน สุขก็ยกจอกสุราออกสเต็ปแร็ปโย่วโดยพลัน ยามทุกข์นั้นก็พร้อมปกป้องและแก้ปัญหาให้ทุกคน จนในที่สุด ทีมพ่อครัวชายทั้งหมดก็ยอมรับในตัวนางด้วยความเคารพจากใจจริง
ที่สำคัญคือแม่ครัวยอนเป็นผู้นำที่พร้อมจะ “ให้โอกาส” พ่อครัวคนอื่นๆ ได้เรียนรู้จากเธอ และผลักดันให้พวกเขาได้เปล่งประกายออกมาในฐานะทีม หรือแม้แต่แม่
นางกิลกึม สหายคนสนิทที่แทบจะไม่มีประสบการณ์ทำอาหารใดๆ แต่พอรู้ว่าแอบซุ่มฝึกใช้มีดกับพ่อครัวแมงจนแผลเต็มมือ และเมื่อยามคับขันที่มือเธอเจ็บจากการถูกทหารฝ่ายองค์ชายใหญ่ซุ่มโจมตีหมายปลิดชีวิต ทำเอาสองมือที่เคยควงมีดสับวัตถุดิบได้แม่นยำราวจับวาง ไม่อาจทำได้อย่างเดิม
กระนั้นพอสหายเสนอมา แม่ครัวยอนก็ยินดีที่จะให้กิลกึมลองดู ผลคือในที่สุดก็สามารถแล่หนังเป็ดปักกิ่งออกมาได้ดีจริงๆ ท่ามกลางการประลองอันดุดันและมีชะตาบ้านเมืองเป็นเดิมพัน ภาพที่เห็นออกมานั้นกลับเป็นภาพของทีมห้องเครื่องโชซอนที่ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันด้วยความภูมิใจ นับถือ เชื่อใจกัน
แม้แต่ก่อนหน้านั้นที่พ่อครัวแมงมาสารภาพกับเธอว่าเขาถูกใครบางคนขู่ให้ล้มมวย หาทางทำให้ทีมแพ้ เธอก็ไม่ตัดสินเขา เพราะรู้ดีว่าต้องเป็นพระสนมตัวแสบ กดขี่และขู่จะพรากบางอย่างไปเป็นแน่ ก่อนจะหาทางแก้ร่วมกันอย่างแยบยลจนผ่านไปได้จริงๆ
อีกจุดที่น่าชื่นชมของแม่ครัวยอนคือเธอเป็นผู้นำที่มี “แพลนบี” หรือแผนสำรองเผื่อไว้เสมอมา ยิ่งในเพลาที่ศึกสุดท้ายกำลังเข้มข้นขึ้นทุกที ขณะที่ฝาหม้อของจางชุนแซงยังไม่มาส่งตามนัดจนทีมพากันกระวนกระวาย เธอก็รีบสั่งการให้ใช้แผนนี้ทันที แต่โชคยังดีที่นักประดิษฐ์สติเฟื่องร่อนเครื่องลงมาทันท่วงที ได้อาวุธชั้นดีมาเป็นตัวเปลี่ยนเกมในการประลอง
กระทั่งเมื่อครั้งที่ทีมโชซอนสามารถเฉือนเอาชนะทีมหมิงไปได้ด้วยคะแนน 28:27 แม่ครัวยอนยังแสดงให้ทีมได้เห็นถึงสปิริตน้ำใจนักกีฬาที่นอกจากจะไม่เคยดูหมิ่นดูแคลนทีมพ่อครัวหมิงเลย เธอยังแสดงความเคารพนับถืออีกฝ่ายด้วยใจ ไม่ว่าสถานการณ์ทางการทูตกำลังดุเดือดแค่ไหน เธอเองก็พร้อมจะเรียนรู้และชื่นชมเหล่าเชฟชั้นครูจากแดนมังกรเช่นกัน ความจริงใจที่ว่านั้น
หัวหน้าทีมหมิงอย่าง “ถังไป๋หลง” เองก็รับรู้และนับถือเธอไม่ต่างเลย แม้แต่หยาเฟยซิวและขงเหวินหลีเองก็ได้รับการเปิดใจ ทุกคะแนนความสำเร็จที่ได้ ก็ล้วนมาจากการชนะทั้งรสชาติ ชนะทั้งใจคู่แข่งอย่างแท้จริง
จนทุกคนในทีมพากันกรูเข้ามาขอบคุณหัวหน้าห้องเครื่องที่รักของพวกเขาจากใจ แต่สิ่งที่แม่ครัวยอน ตอบกลับยิ่งใหญ่เกินกว่ามหาสมุทรอันลุ่มลึกชุ่มเย็น ด้วยการบอกว่าชัยชนะทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของฉันหรอกนะ แต่เป็นของ “พวกเรา” ต่างหาก ทำเอาทุกคนต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รักในตัวผู้นำของพวกเขามากขึ้นไปอีก
จากเดิมที่ทีมโชซอนเริ่มประสานงานกันอย่างเข้าใจ ชัยชนะครั้งนี้ยิ่งทำให้ทุกคนต่างพร้อมใจรับฟังคำขอของเธอแบบมองตาหรือพูดไม่กี่คำก็รู้ใจกันดี สุดท้ายทุกคนต่างก็ค่อยๆ เก่งขึ้น จนสามารถทำอาหารอร่อยขึ้นได้ด้วยตัวเอง แม้ในยามที่เธอถูกกลั่นแกล้งเข้าคุกอีกครา พอได้พระหมื่นปีช่วยพาออกมาไขคดีช่วยชีวิตองค์ชายใหญ่จินมยองภายใน 3 วัน ระหว่างทางนั้นคือรอยยิ้มแห่งความภูมิใจของแม่ครัวยอน เมื่อได้ลองชิมสำรับถวายฝ่าบาทและพบว่าเหล่าพ่อครัวของเธอ ทำอาหารเก่งขึ้นกันเยอะเลย : )
รวมถึงใน Ep.12 คอร์สสุดท้ายที่แม่ครัวยอนสามารถพลิกหน้าประวัติศาสตร์ และได้กลับมายังยุคสมัยปัจจุบัน ก่อนจะได้พบทีมห้องเครื่องยุคโชซอนกลับชาติมาพบกันทุกคน แม้จะเซอร์ไพรส์ปนดีใจเหลือล้น ทว่าในเนื้องานเธอก็ยังมืออาชีพ เป็นผู้นำคนได้ดีเช่นเคย ปรับโทนภาษาเป็นคำพูดยุคนี้ และสื่อสารคล่องแคล่วว่าทีมต้องทำงานยังไง สร้างสรรค์เมนูที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ยังไง ถึงจะได้ดาวมิชลินมาประดับบารมีให้ร้านเรา
ก่อนจะได้เป็นเมนูร่วมสมัยที่มีไว้เสิร์ฟชาววังยุคโชซอน สร้างปรากฏการณ์กระหึ่ม
โซเชียลได้ทันควัน สื่อให้เห็นว่าเธอเป็นคนปรับตัวเก่ง และมืออาชีพมากไม่ว่าจะหลุดไปอยู่ในยุคสมัยใด พอเข้าโหมดงานขึ้นมาก็ฟันฉับว่าจะรังสรรค์เมนูแบบไหน ใช้กรรมวิธีแบบใด ก่อนจะมอบหมายให้ทีมเชฟโชซอนไปโฟกัสที่งาน (Task) ของแต่ละคน จนนำมารวมกันอีกที เก่งทั้งการบริหารงาน เก่งทั้งการบริหารคนเลย
​บทเรียนในชีวิตจริง: ภาวะผู้นำที่แท้จริงไม่ได้มาจากตำแหน่ง แต่มาจากการสร้างความไว้วางใจ (Earning Trust) และการเป็นแบบอย่างที่ดี (Lead by Example) แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความทุ่มเท จะสามารถเอาชนะใจทีมและขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้ดีกว่าการใช้อำนาจเพียงอย่างเดียว
​5. ความใส่ใจในรายละเอียดที่ถักทอเป็น ‘รสชาติแห่งความทรงจำ’
- ​หัวใจของอาหารที่ยอนจียองทำ ไม่ได้เป็นเพราะเทคนิคการทำอาหารระดับปรมาจารย์เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ "ความใส่ใจ" อันลึกซึ้งเกินบรรยาย ที่เธอปรารถนาให้ผู้ใดก็ตามที่ได้ลิ้มรสฝีมือ จะมีความสุขกับมื้อนั้นในทุกคำ ราวกับได้ดื่มด่ำงานศิลปะที่ผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์มาอย่างดี ทั้งสัมผัสแห่งรสชาติ กลิ่น และภาพการจัดจานที่แสนละเมียดละไม
ซึ่งหากมองลึกลงไป กระบวนการที่ว่านั้นของแม่ครัวยอนล้วนผ่านขั้นตอน การขบคิด ศึกษาผู้กินมาอย่างดีอย่างที่ได้เล่าไปในข้อด้านบน แล้วค่อยๆ ประเมินร่วมกับสถานการณ์ บริบท และความเป็นไปต่างๆ รอบตัว ว่า ณ ตอนนั้นคนกินเขาน่าจะอยากกินอะไร อยู่ในสภาวะแบบไหน ถ้าหิวมากก็ต้องได้รับพลังจากมื้ออาหารแบบเต็มสตรีม ถ้าเครียด เหนื่อยล้า โรยแรง
ก็ควรได้ลิ้มลองรสชาติอาหารอันอ่อนโยน นุ่มนวลมาปลอบประโลม หรือถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายมีสุขภาพไม่ดีตรงไหนยังไง อาหารของเธอก็จะต้องมีส่วนช่วยให้คนกินได้รับการกระตุ้นต่อมลิ้มรสมากกว่าเดิม พร้อมเสิร์ฟสรรพคุณฟื้นบำรุงร่างกาย เป็นยาที่กินง่าย เสริมภูมิคุ้มกัน และอร่อยถึงใจ
เมื่อครั้งเธอต้องประลองกับบรรดาพ่อครัว โดยมีแขนเป็นเดิมพัน ภายใต้โจทย์อาหารแห่งความกตัญญูระหว่างที่พ่อครัวออม-พ่อครัวแมง กำลังขมักเขม้นเนรมิตสุดยอดเมนูระดับชาววัง โดยอาศัยข้อได้เปรียบที่เคยพิชิตใจพระหมื่นปี (เสด็จย่า) มาก่อนหน้านี้ ก่อนที่พระองค์จะเกิดอาการไม่อยากอาหารมานาน
แต่แม่ครัวยอนกลับมองต่าง ว่า 2 เมนูดังกล่าว ยังมิใช่สิ่งที่จะตอบโจทย์อาการของพระองค์ได้ดีที่สุด ผนวกกับอินไซต์ลับสุดยอดที่ท่านขันทีได้บอกว่าพระหมื่นปีนั้นทรงมีปมอดีตที่เจ็บปวดยังไง ในการต้องจากบ้านและอ้อมอกของพระมารดา ผู้คอยฟูมฟักเลี้ยงดูและปรุงซุปเลิศรสที่ให้ทั้งความกลมกล่อมและสดชื่นถึงวิญญาณ
เมื่อเข้าใจทั้ง Pain Point และ Solution ที่จะช่วยพระองค์ได้ แม่ครัวยอนจึงบรรจงปรุงซุปรสชาติที่ว่าขึ้นมาใหม่ด้วยความตั้งใจถึงที่สุด แม้ต้องเผชิญข้อจำกัดทั้งด้านเวลา วัตถุดิบ และการกลั่นแกล้งจากพระสนม จนสหายรักกิลกึมเกือบไม่ได้นำวัตถุดิบสุดท้ายมาส่ง เธอก็ยังคงดึงสติ รวบรวมสมาธิขั้นสุด เพื่อปรุงสำรับนี้ออกมาให้พอดีที่สุด น้อยไปก็ไม่ได้ มากไปก็ไม่ดี ก่อนจะออกมาเป็นซุปแกงบ้านๆ ที่ทำเอาทั้งคณะชาววังอึ้งกันไปเลย เพราะไม่คิดว่าการประลองอันเข้มข้นขนาดนี้ เหตุใดถึงทำสำรับบ้านๆ ขึ้นมาได้ บ้าไปแล้วหรือไร?
จนครั้นถึงเพลาที่พระหมื่นปีได้เสวยขึ้นมา ก็ทรงหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปิติยินดี เพราะรสชาตินี้ได้ปลุกความทรงจำอันล้ำค่าในอดีตให้ฟื้นคืนโอบกอดพระองค์อีกครา และหันมายอมรับแม่ครัวยอนจากใจจริง ทั้งรักและเอ็นดูเสมือนลูกหลานอีกคน เมื่อยามเธอเดือดร้อนหรือถูกใส่ร้าย ก็ทรงให้ความช่วยเหลือ และเช่นกันใน Ep.11 เธอก็ยังใส่ใจพระองค์เหมือนเดิม ในงานฉลองวันพระราชสมภพ 70 พรรษา
เมื่อรู้ว่าพระแม่หมื่นปีไม่เสวยเนื้อมานานแล้ว แต่ทีมห้องเครื่องยันหนักแน่นว่างานพิธีใหญ่เช่นนี้ ทุกปีต้องมีสำรับเนื้อถวาย แม่ครัวยอนเลยพลิกหามุมคิดว่าทำยังไงถึงจะได้ทั้งรสชาติแห่งเนื้อและมอบคุณค่าทางโภชนาการแบบมังสวิรัตในเวลาเดียวกัน ก่อนจะได้เป็นสำรับเนื้อที่ทำจากถั่วเหลืองเสิร์ฟคู่กับพาย สร้างเซอร์ไพรส์ให้เสด็จย่าได้ดีเช่นเคย ทำเอาพระองค์มีทั้งความปิติพระทัยและอวยพรเธอกลับไป
รวมถึงตอนที่แม่ครัวยอนสังเกตอาการของ “ขงเหวินหลี” หนึ่งในทีมพ่อครัวหมิงที่มีท่าทีกระวนกระวาย มิอาจหยิบ “โกเยทังหม้อแรงดัน” ของทีมโชซอนขึ้นมาชิมเพื่อให้คะแนนตัดสินได้ เธอจึงรู้ทันทีว่านี่คืออาการของเชฟที่บรรลุการทำอาหารขั้นสูงจนถึงจุดที่เบื่ออาหาร และการที่ทั้งชีวิตอยู่กับการเข้าครัว ปรุงรส จัดจานให้งดงามเพื่อถวายฮ่องเต้เสมอมา และอาจมีปมอดีตที่ว่าเคยมีเมนูโปรดจากใครบางคน
ซึ่งยังไม่มีอะไรมาแทนที่จานนั้นได้เลย เช่นนี้แม่ครัวยอนจึงรีบเข้าครัว นำซุป ไก่ และเครื่องปรุงต่างๆ มาคลุกเคล้าให้เข้ากันใหม่สไตล์บ้านๆ ให้ดูเป็นเมนูที่เข้าถึงง่าย ชวนให้นึกถึงวันวานอันแสนอร่อย แบบเดียวกับที่ช่วยแก้อาการเบื่ออาหารของพระหมื่นปีได้
แสดงให้เห็นชัดยิ่งขึ้นว่าแม่ครัวยอนเป็นคนคิดไว ทำไว ยิ่งถ้ารู้ว่าอะไรไม่ได้ผล ก็จะเปลี่ยนวิธีการเพื่อให้ได้ผลที่ต่างจากเดิม ก่อนจะนำเสนอเมนูเดิมในรูปแบบใหม่ พร้อมกับหยอดว่ากินคลุกๆ กันแบบนี้จะอร่อยกว่าเดิมอีกนะคะ ทำเอาหัวใจของพ่อครัวหมิงผู้เปลี่ยวเหงา ค่อยๆ ถูกเร้าไปกับภาพและกลิ่นของอาหารที่แอบให้ความรู้สึกคุ้นเคยชอบกล
ที่แท้นี่คือ “รสชาติแห่งรัก” ที่เขาตามหามานาน จากวันวานที่มีเพียงย่าของเขาเท่านั้นที่ทำได้ แม้จะฝึกหนักพยายามแค่ไหนก็ยังมิอาจเทียบ และในที่สุดก็เจอจนได้ จากรสมือของแม่ครัวที่ในเนื้อผ้าคือศัตรูคู่แข่ง แต่ที่จริงแล้วความเมตตา อ่อนโยน ใส่ใจของเธอต่างหาก ที่อยากจะให้ใครก็ตามที่ได้ชิมอาหารของเธอ มีความสุขกลับไปมากที่สุดในฐานะเชฟด้วยกัน และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่มีพรมแดนเชื้อชาติใดๆ
คุณธรรมที่สำคัญสุดของผู้มีปัญญา ว่ากันว่าคือความเมตตาค่ะ ความใส่ใจและห่วงใยผู้อื่น ฉันทำอาหารจานนี้ขึ้นมาโดยคำนึงถึงพ่อครัวขงเหวินหลีค่ะ อาหารที่คุณย่าทำให้คุณ ก็คงเต็มไปด้วยความใส่ใจเช่นกันนะคะ
แม่ครัวยอน
ข้าเข้าใจแล้วล่ะ พ่อครัว-แม่ครัวที่สามารถนำพาความสุขมาให้ทัั้งตนเองและผู้อื่น คือผู้มีปัญญาอย่างแท้จริง ข้าพ่ายแพ้ให้แม่นางแล้วล่ะ
พ่อครัวขงเหวินหลี
และนี่คือการปรุงอาหารด้วยหัวใจอย่างแท้จริง แม้นเมนูหน้าตาบ้านๆ ก็มีความหมายนับล้าน ถ้ามันช่วย “สร้างประสบการณ์” ที่งดงามให้กับผู้กินได้ เป็นการ “ทำถึง” รสชาติ-โจทย์ที่ได้ และ “ทำเกิน” ความคาดหมายแก่ผู้กินด้วย
​บทเรียนในชีวิตจริง: ไม่ว่าจะเป็นงานบริการ การออกแบบ หรือการสร้างสรรค์ใดๆ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ (Attention to Detail) คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างและประสบการณ์ที่น่าประทับใจ การทำงานด้วยความใส่ใจเสมือนทำให้คนในครอบครัว และสิ่งนั้นจะสร้างผลลัพธ์ที่ตราตรึงใจและมีคุณค่าทางใจทั้งกับผู้ให้-ผู้รับเสมอมา รวมถึงนั่นคือการเสริมมูลค่าแก่ผู้ให้ เป็นภาพจำในใจว่าคนๆ นี้ช่างใส่ใจยิ่ง
​6. มีศาสตร์และศิลป์แห่งการเล่าเรื่อง
​- ยอนจียองคือ “Food Storyteller” ชั้นครู อาหารทุกจานของเธอล้วนมีเรื่องเล่า ที่มา และมีความหมายซ่อนอยู่อย่างน่าฟัง ชวนให้นึกภาพตาม โดยใช้อาหารเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร ทั้งการปลอบโยน ให้กำลังใจ หรือแม้แต่การทัดทานองค์ราชาอย่างแยบยล จนพระองค์คล้อยตามแบบไม่รู้ตัว อีกจุดคือเธอสามารถปรับเรื่องราวนั้นๆ ให้เข้ากับบริบทสังคมและภาษาที่คนยุคโชซอนจักเข้าใจ มีจังหวะจะโคนในการพูด มีความมั่นใจเสมอในการเล่า ซึ่งความมั่นใจนี้ก็มาจากความรู้และความรักในอาหารอย่างลึกซึ้ง คลุกเคล้าจนเข้ากันอย่างถึงรส
หรือในยามที่กดดันสุดๆ นำสำรับพิเศษมาถวายองค์ชายจินมยอง แล้วเจอพระพันปีจ้องตาเขม็ง ไม่มีความเชื่อใจ แถมอคติกับเธอเต็มประตู ครั้นฝ่าบาทให้พรีเซนท์สำรับนี้ขึ้นมา เธอก็ยังเล่าได้คล่องแคล่ว มั่นใจ ว่าสำรับนี้ดียังไง ทำจากวัตถุดิบชั้นเลิศแค่ไหน มีสรรพคุณที่สามารถช่วยแก้พระอาการได้ดีเพียงใด
ถึงจะยังทำให้พระพันปีเชื่อไม่ได้ แต่ฝ่าบาทและพระหมื่นปีก็ทรงเชื่อ นี่คือพลังแห่งการเล่าเรื่องอย่างแท้จริง เจอกรรมการในรายการระดับมิชลินสตาร์ว่ากดดัน เจอสถานการณ์ยุคโชซอนที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน เธอก็ยังมืออาชีพพอจะเล่าได้ว่าเมนูนี้พิเศษและตอบโจทย์ยังไง
​บทเรียนในชีวิตจริง: ทักษะการเล่าเรื่อง (Storytelling) เป็นสิ่งจำเป็นในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนองาน การขายสินค้า หรือการสร้างแบรนด์ การผูกเรื่องราวที่น่าสนใจเข้ากับสิ่งที่เราทำ จะทำให้สารของเราทรงพลังและเข้าถึงหัวใจของผู้ฟังได้มากกว่าการให้ข้อมูลแบบตรงไปตรงมา
​7. จิตวิญญาณแห่งนักบุกเบิก ผู้ฉีกขนบด้วยรสชาติใหม่
​- จริงอยู่ว่าแม่ครัวยอน มีข้อได้เปรียบที่มาจากโลกอนาคต แต่นั่นก็เป็นเพียงองค์ประกอบเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับจิตวิญญาณของนักสร้างสรรค์ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง กล้าที่จะนำเสนอ "มาการอง" ขนมหวานจากฝรั่งเศส ในยุคที่ไม่มีใครรู้จัก กล้าที่จะทำ "พาสต้า" หรือเมนูระดับมิชลินต่างๆ ด้วยวัตถุดิบโชซอน สร้างความแปลกใจมิรู้ลืมแก่ทุกคนที่ได้ชิม
เพราะเธอคือคนที่มองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ อยู่เสมอมา โดยเชื่อมั่นว่ารสชาติที่ดีสามารถทลายกำแพงแห่งขนบธรรมเนียมได้ หรือต่อให้ไม่มีความรู้จากอนาคต ก็เชื่อได้ว่าเธอจะยังคงเป็นเชฟที่หาทางพลิกมุมมองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการอาหารแห่งโชซอนอยู่ดี
​บทเรียนในชีวิตจริง: โลกธุรกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Innovation) การกล้าที่จะคิดต่าง ทดลองทำในสิ่งใหม่ และไม่ยึดติดกับความสำเร็จแบบเดิมๆ คือหัวใจของการเติบโต การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า คือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง
8. จรรยาบรรณดีเยี่ยม อดทนเป็นเลิศ
- ทุกอย่างที่กล่าวมาจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง หากยอนจียองไม่มีจรรยาบรรณแม่ครัวเป็นเครื่องเตือนใจการทำงานของเธอเสมอมา ไม่ว่าโจทย์จะยากโหดหินเพียงใด ทุกเมนู ทุกกระบวนการทำอาหารต้องโปร่งใส พิสูจน์ได้ ชนะด้วยความมั่นใจและภูมิใจกับผลงานได้อย่างแท้จริง
ซึ่งสิ่งนี้ได้สอนให้หยาเฟยซิว แม่ครัวคนสวยตาคมแห่งแดนหมิง ยอมศิโรราบคำนับขอโทษเธอจากใจ โทษฐานที่ร่วมมือกับองค์ชายใหญ่ลักลอบพริกโกชูมาทำเมนูใหม่และเคลมเสียเอง เรียกเสียงปรบมือทั้งจากทีมโชซอนและทีมพ่อครัวหมิง โดยเฉพาะคุณลุง “ถังไป๋หลง” ที่เคารพนับถือเธอทั้งฝีมือและจิตวิญญาณแม่ครัว
รวมถึงความอดทนต่ออุปสรรคขวากหนามมากมายที่เข้ามา อดทนต้องเสียงนินทา ข่าวปลอม การกลั่นแกล้ง และการถูกปองร้ายหมายฆ่าจนบาดเจ็บมาถึงสนามประลอง แต่แม่ครัวยอนก็ยังคงกัดฟันอดทน พยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ให้ทีมโชซอนเสียขวัญกำลังใจ พยายามเต็มที่จวบจนเปลวไฟสุดท้ายของเครื่อง
ระบุเวลา
บทเรียนในชีวิตจริง: ในโลกแห่งการแข่งขัน ทั้งความซื่อสัตย์ในหน้าที่ (Integrity) และความอุตสาหะ (Resilience) คือ "อาวุธที่มองไม่เห็น" ซึ่งจะพาเราไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน การรักษาจรรยาบรรณในอาชีพ แม้ต้องเผชิญกับแรงกดดันหรือทางลัดที่ผิดจริยธรรม จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความเคารพจากผู้อื่นได้อย่างแท้จริง ส่วนความอดทนก็คือการมีภูมิต้านทานต่อความยากลำบาก ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็พร้อมลุกขึ้นสู้ใหม่เสมอ ดังที่ยอนจียองแสดงให้เห็นว่าอุปสรรคไม่ได้มีไว้ให้หลีกเลี่ยง แต่มีไว้ให้เรียนรู้และเติบโต
​ท้ายที่สุดแล้ว เหตุผลที่กษัตริย์อีฮอนทรงยอมมอบพระราชหฤทัยให้แก่สตรีสามัญชนผู้นี้ ไม่ใช่เพียงเพราะรสชาติอาหารอันเลิศล้ำอย่างเดียว แต่เพราะพระองค์ได้ "เสวย" คุณค่าและตัวตนทั้งหมดของนางผ่านสำรับอาหารเหล่านั้นจนตราตรึง
ทั้งความฉลาด ความกล้าหาญ ความเมตตา และความคิดสร้างสรรค์ ทั้งหมดนี้คือ "เครื่องปรุงลับ" ที่ทำให้ยอนจียองเป็นที่รัก และเป็นบทเรียนล้ำค่าที่คนทำงานทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อพิชิต "ความสำเร็จ" ในเส้นทางของตนเองได้เช่นกัน
“เจ้าพิชิตใจข้าด้วยสำรับชั้นเลิศ และตัวตนที่ใส่ใจผู้คนเสมอมา โปรดอย่าได้กลับไปเลย อยู่เคียงข้างกันทุกวัน ทุกเพลา เป็นชายา เป็นหัวหน้าห้องเครื่อง ที่ข้ารักและภูมิใจเสมอมานะ แม่ครัวยอน ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างข้าทุกเพลา และวันนี้เราก็ได้ข้ามเวลากลับมาพบกัน ข้าจะทำบิบิบัมสุดพิเศษให้เจ้ากินทุกวัน ส่วนที่กลับมาได้เพราะเหตุใดนั้น ไม่สำคัญเท่ากับที่เราได้อยู่ด้วยกันจริงๆ แล้วนะ (ปัง!)”👩‍🍳🇰🇷🇫🇷
โฆษณา