30 ก.ย. เวลา 03:27 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Steve Jobs เคยเปรียบคอมพิวเตอร์ว่าเป็น “จักรยานสำหรับสมอง”

เครื่องมือที่ช่วยให้มนุษย์ไปได้ไกลกว่าที่ธรรมชาติให้มา งานวิจัยใหม่จากสามนักเศรษฐศาสตร์ Ajay Agrawal, Joshua Gans, และ Avi Goldfarb หยิบอุปมาเก่านี้มาขยายเป็นโมเดลเศรษฐศาสตร์ว่าด้วย “เครื่องมือทางปัญญา” (cognitive tools) อย่าง AI และตั้งคำถามว่ามันมีผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอย่างไร
ในโมเดลของเขาได้แยกการทำงานของมนุษย์ออกเป็นสามส่วนด้วยกันคือ:
1. Implementation ลงมือทำ
2. Opportunity Judgment มองเห็นโอกาส ปรับปรุงหรือเริ่มใหม่
3. Payoff Judgment ตัดสินใจว่าอะไรคุ้มค่าและสำคัญ
ซึ่งถ้าแบ่งแบบนี้ เราคงเห็นได้ชัดว่า AI กำลังยึดพื้นที่แรกไปทั้งหมด มันเขียนโค้ด ออกแบบ หรือสร้างเนื้อหาได้รวดเร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่สิ่งที่มันไม่สามารถทำแทนได้ดีคือการมองเห็นโอกาสและการตัดสินใจเชิงคุณค่า
โมเดลของนักเศรษฐศาสตร์แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ได้ทำให้มนุษย์ไร้ค่า แต่กลับยกระดับความสำคัญของ judgment
• ยุคคอมพิวเตอร์ (1990s): คนเก่งได้ประโยชน์มาก → ความเหลื่อมล้ำสูง
• ยุค AI ระยะต้น (วันนี้): ทุกคนถูกยกระดับใกล้กัน → ความเหลื่อมล้ำลดลง
• ยุค AI ระยะถัดไป: เมื่อ implementation กลายเป็นต้นทุนศูนย์ ความต่างจะอยู่ที่ judgment ใครเห็นโอกาส ใครรู้ว่าอะไรคุ้ม → ความเหลื่อมล้ำกลับมาสูงขึ้น
สรุปง่ายๆ ว่าทั้งสามเชื่อว่าในระยะสั้นนี้ AI ทำให้ความเหลื่อมล้ำลดลง เพราะคนด้อยโอกาสที่เข้าถึงทรัพยากร/ต้นทุนที่สูงในการ implementation จะสามารถใช้ AI ช่วยได้ และมาแข่งเรื่องของ judgment แทน
และถ้าทำให้เห็นเป็นภาพของความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเทียบกับการพัฒนาของ AI เราจะเห็นภาพประมาณนี้
โฆษณา