เมื่อวาน เวลา 08:16 • ความคิดเห็น

แม้เส้นผมหงอกขาว แต่..ดอกไม้ยังสดชื่น

เมื่อเช้าหลังอาบน้ำเสร็จ ก็จัดแจงหวีผม มัดจุก เพื่อเตรียมพร้อมกับวันใหม่ และแล้ว...พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น #ผมหงอก ที่เริ่มงอกแซมประปรายล้อไปกับเส้นผมที่ยังดำสนิท หลังจากเคยภูมิใจมานานว่า ปูนนี้แล้ว...ยังไม่มีผมหงอก ทั้งๆ ที่คนรู้จักสนิทกัน หรือแม้กระทั่งรุ่นน้องหลายคนที่อายุน้อยกว่าผมเป็นรอบ ก็ผมหงอกแซงไปนานแล้ว (แต่ขนส่วนอื่นๆ ในร่างกายของผม หงอกมานานแล้ว เช่น หนวด เครา บลาๆ) แต่วันนี้ต้องคิดใหม่ หรือเพิ่งเห็นชัดๆ วันนี้เอง (ฮา)
ก็ดูดีสมวัย ความตั้งใจอย่างหนึ่งคือ ไม่ว่าผมจะหงอกมากแค่ไหน ก็จะไม่ย้อม ปล่อยมันอย่างงี้แหละดูเก๋า แลดูเป็นธรรมชาติดี มันสะท้อนใจอะไรอย่างหนึ่ง ถึงแม้ความคิดและอารมณ์หลายๆ อย่าง ยังรู้สึกไม่ค่อยต่างจากตอนวัยรุ่น (ยกเว้นประสบการณ์ที่ผ่านทุกข์ร้อนมาเยอะ ที่ต่างจากตอนหนุ่มๆ มาก) แต่สภาพร่างกายมันก็ฟ้องว่า...มันกำลังเสื่อมลงเรื่อยๆ
อ้อ...อยากอัพเดทอาการปวดขาจากโพสต์ “อุทาหรณ์ ยกของหนักแบบไม่ระวัง ” เมื่อวันที่ 19 กันยายน ‘68 สักหน่อย ที่ตอนแรกผมคิดว่าถ้ากินยาจากร้านเภสัชฯ เจ้าประจำใกล้บ้านแล้วยังไม่หายดี คงต้องถ่อไปถึงโรงหมอ ให้เค้าเช็คอาการให้ถ้วนถี่ แต่หลังจากได้รับยามาอีกชุด ชื่อยา Gabapentin GPO 300 จากเภสัชฯ คนเดิม (เป็นยากินก่อนนอน เพราะจะเกิดอาการง่วงซึม กินวันละเม็ด) อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นมาเรื่อยๆ ผ่านมา 10 วัน นับว่าดีขึ้นจากเดิมเยอะมาก จนคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปถึงโรงหมอแล้ว
วานก่อนยังแวะไปขอบคุณ คุณหมอยาเจ้าประจำ (ที่รู้จักกันมานานเกินกว่า 10 ปีแล้ว) ที่ให้ยาได้ตรงกับอาการ แต่แกก็ถ่อมตัวว่า ร้านขายยาจะจ่ายยารักษาเบื้องต้น สำหรับโรคทั่วๆ ไป แต่ที่โรงพยาบาลจะมีเครื่องไม้เครื่องมือ ที่ตรวจวิเคราะห์ได้มากกว่า
แถมแกยังบ่นกลายๆ ให้ผมฟังอีกว่า บางทีลูกค้าบางคนไม่เข้าใจ ว่าทำไมผมต้องสอบถามเยอะแยะเรื่องอาการ ก็เพื่อจะได้จัดยาให้ถูกกับโรคไง? แต่ลูกค้า (บางคน) กลับหงุดหงิดและบ่นใส่ว่า..ทำไมต้องถามซอกแซกเยอะแยะจัง ผมก็เอ่อ...ก็เราเป็นเภสัชฯ ตัวจริงนี่หว่า ไม่ใช่หมอตี๋ที่ไหน การซักถามให้ละเอียดจึงเป็นเรื่องปกติมากๆ ซึ่งผมมักจะเล่าอาการให้ฟังค่อนข้างละเอียดเสมอ ก่อนจะได้ยามาแต่ละชุด
เวลานี้รู้สึกว่า...ยังกินได้ นอนหลับดี ถือว่ามีบุญคุ้มกะลาหัวแล้ว แม้ความเสื่อมจะไล่หลังกวดตามมาติดๆ ที่กระทบมากหน่อยก็คือเรื่องสายตาที่ค่อยๆ เสื่อมลงๆ เพราะมีผลกับการวาดรูป หลังๆ ได้ยินข่าวรุ่นพี่ในวงการ ค่อยๆ ทยอยจากไปทีละคนๆ เพื่อนสนิทที่สุดของผมคนหนึ่งสมัยเรียนมหา’ลัย อย่าง อ.สุวัฒน์ ก็จากไปนานแล้ว ด้วยโรคยอดฮิตอย่าง #มะเร็ง
เวลานี้ #งานอดิเรก ที่ผมชอบมากที่สุดก็คือการ #ปลูกต้นไม้ ผมเป็นคนที่อยู่กับต้นไม้ได้เป็นวันๆ ไม่ค่อยเบื่อ (ชอบมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่มๆ แล้ว) เห็นแล้วสดชื่นมีความสุข ปลูกๆ ไป ก็มีทั้งต้นที่เติบโตแข็งแรงดี ออกดอกให้เราได้ชื่นชมบ้าง หรือไม่ก็..เน่าตายไปบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนกับชีวิตของคนเรา ที่สักวันหนึ่ง สิ่งที่ทุกคนต่างหวาดกลัวกันมากที่สุดก็คือ #ความตาย ก็จะเดินทางทักทายเซย์ Hello พร้อมร้องทักแบบชิวๆ ว่า... ‘เฮ้ย...เพื่อนสนิท เมิงพร้อมยาง.ง.ง..?’ แน่นอน...ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
บ่องตงถึงผมจะศึกษาธรรมะเชิงลึกจนเข้าใจพอสมควร แต่ลึกๆ กล้าบอกอย่างไม่อายว่า ยังมี...#ความรู้สึกกลัว อยู่ดี คงเพราะความรู้สึกหวงแหนตัวตนยังรุนแรง ตามวิสัยปุถุชน (แปลว่า “บุคคลที่ยังหนาไปด้วยกิเลส”) ถ้าหาก ละเลิก สลัดทิ้ง ได้สำเร็จเมื่อไหร่ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเกิดอีกต่อไป
แต่คนส่วนใหญ่กลับอยากเกิดอีกไปเรื่อยๆ จริงมะ? คุ้นๆ กับประโยคนี้ในนิยายโรแมนติกข้ามภพกันมั้ยว่า “อีกกี่ภพกี่ชาติ ก็จะตามไปเป็นคู่กัน” แม้ชาตินี้จะชีช้ำถูกรุมรังแกรุนแรงขนาดไหน อิฮั้นก็ไม่หวั่น (ฮา) ก็เพราะมันคือการตามหารักแท้เยี่ยงไร...ออเจ้า แค่นี้...ก็ฟินจิกหมอนกันตาแตก (ฮา) โหย...ผมฟุ้งไปโน่นแล้ว เดี๋ยวๆ กลับมาก๊อน.น.น..
แต่...การจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งว่า ความรักสุข...เกลียดทุกข์นั้น เป็นต้นตอของทุกสิ่ง หากเปรียบไป สุข-ทุกข์ ก็เหมือนกับปลายแต่ละด้านของเชือกเส้นเดียวกัน แม้คุณจะดิ้นรน..ตัดอีกด้านทิ้งสักเท่าไหร่ (แน่ละ...คนส่วนใหญ่เลือกตัดด้านทุกข์ทิ้ง ผมก็ด้วย (ฮา) แต่มันมีแต่จะร่นเข้ามาใกล้ๆ กันเรื่อยๆ อยู่ดี ยิ่งตัด...ก็ยิ่งไม่หายไปไหน ถ้าจะพูดให้เข้าใจยากยิ่งกว่าก็คือ เชือกเส้นนั้นไม่เคยมีอยู่จริง เป็นเพียงสิ่งสมมุติที่คุณหลงสร้างมันขึ้นมาเอง...ด้วย #ความไม่รู้ นั่นแหละ
และนั่นคือปลายทางที่ โค-ตะ-ระ ยาก... หากจะละ เลิกความหลงเข้าใจผิดนี้ออกไปได้ แต่..นั่นคือเส้นทางเดียว ที่ครูบาอาจารย์กล่าวกันว่า ต้องเอาชีวิตเข้าแลกกันเลยทีเดียว มันคือการต่อสู้กับปีศาจที่ชื่อว่า...ความหลง (เข้าใจ) ผิดของตัวเอง
ภาพประกอบบทความ: รูปดอกบัวฝรั่งสีชมพู 2 ดอก ที่กำลังออกดอกชูช่อไสว อยู่ในอ่างเลี้ยงปลาที่ผมย้ายมาจากบ้านเช่าเดิม ราว 2 เดือนเศษ หลังจากแยกหน่อมาปลูกใหม่ๆ ที่ใบยังมีแค่หลอมแหล็ม ตอนนี้บัวฟื้นตัวแข็งแรงใบดก จนกินพื้นน้ำในอ่างเกือบมิด (ปกติผมจะเด็ดใบแก่ทิ้งเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ปลาได้แหวกว่ายบนผิวน้ำบ้าง) ผมจะถ่ายน้ำในอ่างปลาทุกอาทิตย์ และใส่ปุ๋ยบำรุงดอกเดือนละครั้ง เดี๋ยววันศุกร์นี้ก็จะครบรอบการถ่ายน้ำอีกครั้งแล้ว ใครเป็นเหมือนผมบ้าง? อยู่กับต้นไม้แล้วมีความสุข
จิด.ตระ.ธานี: #เล่าสู่กันฟังนะครับ
#Jitdrathanee
อ้างอิงบทความ “อุทาหรณ์ ยกของหนักแบบไม่ระวัง”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา