30 ก.ย. เวลา 13:47 • ปรัชญา
ณ ทะเลสาบอันกว้างใหญ่ กัปตันเรือผู้หนึ่งกำลังขับเรือของตนกลับเข้าฝั่งในยามเช้ามืด เขามีชื่อเสียงในเรื่องความเก่งกาจในการเดินเรือ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นที่เลื่องลือในเรื่องอารมณ์ที่ฉุนเฉียวและมักจะระเบิดความโกรธออกมาได้ง่ายๆ
ในเช้าวันนั้น หมอกได้ลงจัดเป็นพิเศษ ทัศนวิสัยเลวร้ายจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใดเกินกว่าปลายจมูก กัปตันต้องใช้สมาธิและประสบการณ์ทั้งหมดที่มีเพื่อนำเรือฝ่าม่านหมอกหนาทึบนั้นไป
ทันใดนั้นเอง... ขณะที่เขากำลังขับเรืออย่างตั้งอกตั้งใจ เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกอย่างจังที่ด้านข้างของเรือ!
"โครม!"
เรือของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเกือบจะล่ม ความโกรธของกัปตันพุ่งขึ้นสู่ขีดสุดในทันที
"นี่มันเรือของใครกัน! ขับเรือภาษาอะไรวะ! ไม่มีตาหรือไง!" เขาตะโกนก่นด่าเข้าไปในม่านหมอกด้วยความเดือดดาล "ไอ้คนไร้ความสามารถ! ทำให้เรือข้าเสียหายหมด! ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
เขายิ่งตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา มีเพียงความเงียบของสายหมอกเท่านั้นที่ตอบรับ ยิ่งเงียบ เขาก็ยิ่งโกรธ เขาจินตนาการไปถึงกัปตันเรือคู่กรณีที่คงจะเป็นคนโง่เง่าเบาปัญญา หรือไม่ก็เป็นคนขี้ขลาดที่ได้ยินคำด่าของเขาแล้วไม่กล้าตอบโต้
ด้วยความโมโหสุดขีด เขาจึงตัดสินใจขับเรืออ้อมไปยังอีกฟากหนึ่งของสิ่งที่ชนเรือของเขา เพื่อจะไปเผชิญหน้าและสั่งสอนให้รู้สำนึก
แต่เมื่อเขาขับเรืออ้อมไปถึง... ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาต้องนิ่งงัน
สิ่งที่ชนเรือของเขานั้น...เป็นเพียงเรือเปล่าลำหนึ่ง
มันเป็นเรือหาปลาลำเล็กๆ ที่คงหลุดจากท่ามา แล้วลอยเคว้งคว้างมาตามกระแสลมและสายน้ำอย่างไร้ทิศทาง
ในฉับพลันนั้น... ความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดของกัปตันที่เคยพลุ่งพล่านเมื่อครู่ ได้มลายหายไปสิ้น มันไม่มีเป้าหมายให้โกรธอีกต่อไป เขาจะตะโกนด่าเรือเปล่าลำนั้นไปเพื่ออะไร? เขาจะไปชกต่อยเรือที่ไม่มีคนพายได้อย่างไร?
ณ วินาทีนั้นเอง กัปตันเรือก็ได้เรียนรู้สัจธรรมอันยิ่งใหญ่
ความโกรธ...ไม่ได้อยู่ในเรือลำนั้น ความโกรธ...ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ความโกรธ...มันอยู่ในตัวของเขาเองต่างหาก
เรือเปล่าลำนั้นเป็นเพียง "เหตุปัจจัย" ที่เข้ามากระทบ แต่ตัวที่ปรุงแต่งและสร้างความเดือดดาลเผาลนจิตใจขึ้นมา ก็คือจิตของเขาเองที่ขาดสติและเต็มไปด้วยเชื้อแห่งโทสะ
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่มีใครมาพูดจาหรือกระทำการไม่ดีกับเขา เขาก็จะนึกในใจเสมอว่า...
"อ้อ...นี่ก็เป็นเพียงเรือเปล่าอีกลำหนึ่งที่ลอยมา"
เขามองเห็นว่า คนที่มาด่าทอหรือทำร้ายเขานั้น ก็เปรียบเสมือนเรือเปล่าลำนั้น พวกเขาถูกกระแสลมแห่งกิเลส (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) พัดพามาอย่างไร้การควบคุม พวกเขาเองก็เป็นทุกข์และน่าสงสาร การจะไปโกรธตอบก็ไม่ต่างอะไรกับการตะโกนด่าเรือเปล่าในม่านหมอก มีแต่จะทำให้จิตใจของตนเองขุ่นมัวและเป็นทุกข์เสียเปล่าๆ
ข้อคิดจากเรื่องนี้:
เรื่องเล่านี้สอนให้เราเห็นว่า บ่อยครั้งที่ความทุกข์และความโกรธของเราไม่ได้มาจาก "คนอื่น" หรือ "สถานการณ์" ภายนอก แต่เกิดจาก "การปรุงแต่ง" ของจิตใจเราเอง พระบรมศาสดาทรงสอนให้เรามีสติรู้ทันอารมณ์ที่มากระทบ เมื่อมีสิ่งใดมากระทบ (ผัสสะ) หากเรามีสติ เราจะสามารถหยุดกระบวนการปรุงแต่งนั้นได้ และจะไม่สร้างความทุกข์ขึ้นมาเผาลนตนเอง
ขอให้ท่านลองนำอุบาย "เรือเปล่า" นี้ไปพิจารณาใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อใดที่ถูกโลกธรรมอันไม่น่าพอใจเข้ามากระทบ ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า...มันก็เป็นเพียงเรือเปล่าลำหนึ่งที่ลอยมาเท่านั้นเอง
โฆษณา