6 ต.ค. เวลา 08:00 • ธุรกิจ

‘เช็งซิมอี๊’ จากรถเข็นอากง สู่ขนมหวาน ‘ร้อยล้าน’ รุ่นที่ 3 เล็งดันเข้าห้าง-สะดวกซื้อ

“เช็งซิมอี๊” ร้านขนมหวานที่มาพร้อมสีสันฉูดฉาด สร้างการจดจำจากท็อปปิ้งที่มีให้เลือกหลายสิบรายการ ที่สำคัญนี่ยังเป็นร้านของหวานเพียงไม่กี่แห่งที่เปิดดึกยาวๆ ไปจนถึงตีสอง โดย “เช็งซิมอี๊” เปิดให้บริการมานาน 67 ปี ยุคก่อนยังไม่มีหน้าร้านบนตึกแถวหรือเข้าไปขายบนห้างสรรพสินค้า ทว่า เติบโตจากรถเข็นขายเต้าทึงของอากงที่โล้สำเภามาจากเมืองจีน กระทั่งกิจการขยับขยายส่งต่อมาถึงทายาทรุ่นที่ 2 และมีทายาทรุ่นที่ 3 ทยอยเข้ามารับช่วงกิจการกันแล้ว
สาขาต้นตำรับของ “เช็งซิมอี๊” ภายใต้การก่อตั้งของทายาทรุ่นที่ 2 ตั้งอยู่บริเวณจุฬาฯ ซอย 5 เป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่คู่ย่านบรรทัดทองมาหลายสิบปี นอกจาก “เฮียตี๊-สมชาติ คงศักดิ์ศรีสกุล” ทายาทรุ่นที่ 2 และผู้ก่อตั้งร้านเช็งซิมอี๊ สาขาจุฬาฯ ซอย 5 ตอนนี้ยังมี พล-ภัทรภณ คงศักดิ์ศรีสกุล พาร์ท-ธนพล คงศักดิ์ศรีสกุล และ แพท-ศศธร คงศักดิ์ศรีสกุล ลูกๆ ของเฮียตี๊เข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจอีกแรง ทั้งสามคนบอกว่า หลังจากเรียนจบก็ไม่เคยคิดไปทำงานที่อื่นเลย คิดตลอดว่า ต้องกลับมาดูแลธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
ก่อนจะเป็น “เช็งซิมอี๊” ย้อนกลับไปในปี 2501 ร้านอากงมีของหวานเพียงไม่กี่อย่าง หลักๆ เป็นเมนูเต้าทึง ใช้รถเข็นเป็นพาหะนะเดินขายไปตามเส้นวัดดวงแข วัดหัวลำโพง เลียบย่านจุฬาฯ “แพท” เล่าว่า เหตุผลที่ต้องเป็นของหวาน เนื่องจากเป็นความรู้ติดตัวอากงมาจากแผ่นดินใหญ่เมื่อครั้งอพยพเสื่อผืนหมอนใบมาจากซัวเถา เคยทำอะไรขายที่นู่นก็หยิบมาประยุกต์ทำการค้าที่นี่ พื้นเพของคนแต้จิ๋วชอบกินของหวานมาก คนไทยเองก็ชอบกินหวานเช่นกัน แตกต่างกันตรงที่เมืองไทยอากาศร้อนจึงเติมน้ำแข็งลงไปด้วยในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นร้านก็เริ่มพัฒนามาเรื่อยๆ จนมาถึงรุ่นที่ 2 “พล” เล่าว่า อากงมีลูกเยอะมากถึง 10 คน พ่อของตนเป็นลูกคนสุดท้อง และเป็นผู้ริเริ่มนำร้านเช็งซิมอี๊มาสานต่อที่จุฬาฯ ในรูปแบบตึกแถว มีโต๊ะนั่งทานจริงจัง พร้อมกับเพิ่มท็อปปิ้งใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพ ต่อมาจึงเพิ่มน้ำกะทิ น้ำแดง ชาไทย ไมโล ไอศกรีม ฯลฯ จนทุกวันนี้ “เช็งซิมอี๊” มีจำนวนท็อปปิ้งมากกว่า 40-50 รายการ แต่ยังไว้ซึ่งเอกลักษณ์ท็อปปิ้ง “แผ่นแป้งกลม” ที่คนอื่นไม่มี
1
เห็นสาขาเยอะแบบนี้ แต่ “พล” เล่าว่า ทุกสาขายังเป็นธุรกิจในครอบครัวทำกันเอง แบ่งเป็นบริษัทของสมาชิกครอบครัวแต่ละคน เพราะเป็นธุรกิจที่เริ่มต้นจากอากง-อาม่า จึงอยากรักษาให้อยู่กับลูกหลานเท่านั้น ไม่มีการขายแฟรนไชส์ และยังไม่คิดทำโมเดลแฟรนไชส์เร็วๆ นี้ แม้จะมีคนมาขอซื้อเยอะมาก เยอะแบบที่ “พล” และ “พาร์ท” บอกว่า ติดต่อเข้ามาเกือบทุกวัน
“เรามีไปต่างจังหวัด ญาติๆ ไปเปิดที่หาดใหญ่ ครอบครัวเราไปโคราช และปีหน้าว่าจะไปขอนแก่นแต่เป็นรูปแบบเข้าไปอยู่ในห้างคงไม่ได้ไปเปิดหน้าร้าน มีคนมาติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ทุกวัน มีเข้ามาตลอด เหตุผลที่ยังไม่ขายเพราะครอบครัวอยากให้ทำกันเอง บริหารกันเอง เลยไม่ได้คิดขายให้ใคร ส่วนต่างประเทศเคยมีติดต่อเข้ามาแต่เราก็ไม่ได้ขาย แผนอยากไปต่างประเทศอาจจะมีในอนาคต เป็นสเตปการเติบโตไปเรื่อยๆ รุ่นลูกก็เพิ่งเริ่มเข้ามาทำได้ไม่นาน กำลังพัฒนาและเรียนรู้”
ถามว่า สาขาไหนขายดีที่สุด ทั้งสามคนระบุว่า ทุกสาขามียอดขายเฉลี่ยเท่าๆ กัน ขึ้นๆ ลงๆ ตามสถานการณ์ เช่น ฝนตกเยอะ หรือเป็นหน้าเทศกาล เป็นต้น แต่ข้อสังเกตที่น่าสนใจ ก็คือ สาขานอกห้างของ “เช็งซิมอี๊” จะมีลูกค้าเยอะเป็นพิเศษช่วงดึก โดยเฉพาะหลังเที่ยงคืนไปจนถึง 02.00 น. ทยอยมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ 21.00 น. คาดว่า เป็นช่วงที่ลูกค้ากินอาหารค่ำเสร็จแล้วมาหาของหวานกินต่อ ตรงนี้จะแตกต่างจากร้านในห้างที่มีลูกค้าแวะเวียนมากินตั้งแต่ช่วงกลางวัน
โฆษณา