วันนี้ เวลา 10:00 • ไอที & แก็ดเจ็ต

ตุรกีแชมป์ iPhone แพงสุด! ไทยท้ายตารางสาวก Apple จ่ายน้อย

เคยสงสัยไหมว่าทำไมสมาร์ตโฟนเรือธงอย่าง iPhone ที่เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก ถึงมีป้ายราคาที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวในแต่ละประเทศ? คำถามที่ว่า "ซื้อ iPhone ที่ไหนถูกที่สุด" กลายเป็นหัวข้อสนทนาสุดคลาสสิกของเหล่าสาวก Apple ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ และมันไม่ใช่แค่เรื่องของค่าเงินที่ผันผวน แต่มีปัจจัยลึกลับซับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้บางประเทศต้องจ่ายแพงจนน่าตกใจ ขณะที่บางประเทศกลับได้ครอบครองในราคาที่ยิ้มออก
คำตอบของเรื่องนี้ซ่อนอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า "ดัชนีราคา iPhone" (iPhone Price Index) ซึ่งเป็นการสำรวจและจัดอันดับราคา iPhone ในแต่ละประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจ ภาษี และกำลังซื้อที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ในสมรภูมิราคานี้ มีทั้งประเทศที่ครองบัลลังก์แชมป์ราคาแพงสุดโหด และประเทศที่อยู่ท้ายตารางซึ่งผู้บริโภคจ่ายน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด และข่าวดีก็คือ ประเทศไทยของเราอยู่ในจุดที่น่าสนใจมาก มาเจาะลึกกันว่าเกิดอะไรขึ้นบนแผนที่ราคา iPhone โลก และทำไมสาวก Apple ชาวไทยถึงอาจเป็นหนึ่งในผู้โชคดี
📌 ‘ตุรกี’ แชมป์ iPhone แพงสุดในโลก
เมื่อพูดถึงประเทศที่ราคา iPhone แพงที่สุดในโลก ชื่อของ ตุรกี คือแชมป์ที่นอนมาแบบม้วนเดียวจบแบบไม่มีใครเทียบได้ จากข้อมูลล่าสุดของ iPhone Price Index ในปี 2025 พบว่าการจะเป็นเจ้าของ iPhone 16 Pro ในตุรกีนั้นต้องควักกระเป๋าจ่ายสูงถึง 2,182 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 80,000 บาท! ราคานี้สูงกว่าราคาในสหรัฐอเมริกาเกือบสองเท่าตัวเลยทีเดียว
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาพุ่งทะยานไปไกลขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะ Apple ตั้งใจจะขายแพง แต่เป็นเพราะกำแพงภาษีมหาศาลที่รัฐบาลตุรกีกำหนดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย (Luxury Goods Tax) ที่สูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และอากรนำเข้าอื่นๆ อีกจิปาถะ เมื่อรวมร่างกันแล้วจึงเกิดเป็นป้ายราคาที่ทำให้แม้แต่แฟนพันธุ์แท้ของ Apple ก็อาจจะต้องคิดหนัก ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่านโยบายภาษีของแต่ละประเทศคือตัวแปรสำคัญที่สุดที่กำหนดชะตากรรมราคาของแกดเจ็ตในฝันของเรา
📌 แล้วประเทศไหนจ่ายถูกสุด?
ในอีกฟากหนึ่งของสเกล ประเทศที่ได้ชื่อว่าซื้อ iPhone ได้ในราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์มากที่สุดอาจทำให้หลายคนประหลาดใจ เพราะไม่ใช่สหรัฐอเมริกาที่เป็นบ้านเกิดของ Apple เสมอไป แต่เป็น เกาหลีใต้ ที่ซื้อ iPhone ได้ในราคาประมาณ 1,063 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกกว่าในสหรัฐฯ เล็กน้อยด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับ ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง ที่มักจะติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่ราคา iPhone สบายกระเป๋าอยู่เสมอ
เหตุผลที่ทำให้ประเทศเหล่านี้รักษาระดับราคาที่ต่ำไว้ได้ มาจากการแข่งขันในตลาดที่สูงมาก รวมถึงโครงสร้างภาษีที่ไม่ซับซ้อนและไม่สูงเท่าประเทศอื่นๆ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงนวัตกรรมจาก Apple ได้โดยไม่ต้องเผชิญกับภาระด้านราคาที่หนักหน่วงเกินไปนัก นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าตลาดที่มีการแข่งขันสูงและนโยบายภาษีที่เป็นธรรมจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคโดยตรง
1
อ่านต่อ :
โฆษณา