วันนี้ เวลา 07:26 • ข่าว

จับตา "รีแพคเกจ" ฟอกไตฟรีทุกแห่ง หลัง "อนุทิน" สั่งฟื้นใน 2 เดือน

ย้ำผู้ป่วยไม่ถูกเก็บเงิน - เร่งลิสต์เพิ่มคุณภาพบริการ
หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศนำเรื่องฟอกไตฟรีกลับคืนมา พร้อมกำหนดเป็น KPI ให้แก่นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องทำให้สำเร็จใน 2 เดือน ถ้าทำไม่ได้จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเอง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2568 มีการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขนัดแรก หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ทั้งนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ โดยมีการตอบคำถามถึงกรณีดังกล่าว
โดยนายพัฒนายืนยันว่า ทำทันภายใน 2 เดือนแน่นอน ได้มอบหมายปลัด สธ.และเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไปดำเนินการทันที ซึ่งขณะนี้มีให้บริการฟรีทุกแห่งอยู่แล้ว โดยจะต้องครอบคลุมการฟอกไตทุกรูปแบบ ไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน รวมถึงเดินหน้าเรื่องการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะด้วย
สำหรับการฟื้นโครงการฟอกไตฟรีทุกแห่งนั้น เท่าที่มีการสัมภาษณ์ นพ.สมฤกษ์และ นพ.จเด็จ พบว่า สิ่งสำคัญมีอยู่ 3 ประเด็น คือ
1.ต้องไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับบริการ
นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า การจัดบริการฟอกไตฟรี ทำทุกรูปแบบ ทั้งฟอกไตด้วยเครื่อง และการล้างไตทางหน้าท้อง ทำครอบคลุมทุกอำเภอมา 2-3 ปีแล้ว ศูนย์ฟอกไตมีความครอบคลุม มีเพียงประเด็นที่บางครั้งมีการเก็บค่าบริการเพิ่ม ได้หารือกับเลขาธิการ สปสช. แล้วว่าจะมีการกำชับว่าไม่ให้มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้รับบริการ
นพ.จเด็จ ระบุว่า หลักการการล้างไตฟรีสามารถทำได้ทันที ทุกที่ เพียงแต่ นายกรัฐมนตรีอาจจะมีข้อมูลในกรณีที่ผู้ป่วยไปรับบบริการล้างไตแล้วยังถูกเรียกเก็บเงิน จะต้องลงไปดูแลก่อน
2.เพิ่มคุณภาพการให้บริการ
นพ.จเด็จระบุว่า ในช่วงเวลา 2 เดือนจะต้องมาพิจารณาว่ายังมีประเด็นที่สามารถต่อยอดในเชิงคุณภาพ ที่จะต้องไปดูในรายละเอียด เช่น
- ค่าเดินทางเข้ารับบริการของคนไข้ อาจจะมีบางแห่งที่อำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ แต่ไม่ได้เป็นนโยบายระดับชาติ อาจจะต้องดูว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะเสริมเรื่องนี้ เพราะมีบางคนที่ไปรับบริการไม่ครบ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- มีทีมสหวิชาชีพที่เป็นทีมระดับเขต เพื่อประเมินคนไข้ตั้งแต่ก่อนที่จะถึงระยะล้างไต เพื่อพิจารณาการดูแลรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย เพราะที่ผ่านมาอาจจะมีกรณีที่นำผู้ป่วยที่ยังไม่สมควรล้างเข้ามาล้างไต เป็นต้น เพื่อเป็นยกระดับคุณภาพการดูแลรักษาให้กับคนไข้ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นล้างไตทางช่องท้องเป็นวิธีแรก แต่จะเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด
"จริงๆ หลักการล้างไตจะเป็นการรีแพคเกจ ต้องไม่มีการเรียกเก็บเงินผู้ป่วย และเพิ่มคุณภาพให้ได้ในศูนย์ล้างไตทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันศูนย์ล้างไตเอกชนมี 4,000 แห่ง ผู้ป่วยล้างไตมีประมาณแสนราย ปีงบประมาณ 2569 ของบรองรับ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 3,000 ล้านบาท และวันที่ 6 ต.ค.นี้อาจจะมีการนำเสนอเข้าสู่บอร์ด สปสช." นพ.จเด็จกล่าว
โฆษณา