1 ต.ค. เวลา 09:38 • ความคิดเห็น
เรื่องการเกิด จิตมาอาสัย กายพ่อแม่ ที่ว่ามีเลือดสองก้อน ประสมกันขึ้นมา ก็เติบโตขึ้น ต้องมีธาตุเข้าไปเสริม ให้มันโต ไม่ได้ไปเอาจากก้อนอิฐ ก้อนกรวดที่ไหน ต้องไปอาอาศัย เพื่อให้ได้มา น้ำเลือดน้ำหนองจากสังขารกรรม ไปเบียดเบียบสังขารผู้อื่น แม้กระทั้งเอารัดเอาเปรียบแรงกายผู้ให้ได้มา ซึ่งคำว่า น้ำเลือดน้ำหนอง มาหล่อเลี้ยงกายที่จิตอาศัย
พอมีกายตั้งขึ้นมา กายนี้ ก็แสดงอารมณ์ บอกจิตที่อาศัย มีอะไรเกิดบ้าง ที่กาย เดึยวก็เกิด หิว กายหิวแล้วทนไหวมั้ย ทนไม่ไหว ก็ต้องใช้กายเคลื่อนที่ไป หาของกิน ด้วยอารมณ์หิว ก็เกิดมีกรรมเกิดขึ้น แล้วชีวิตทั้งชีวิต มันก็ต้อง เกิดหิวกระหาย กินเข้าไป เอาเข้าไป ไม่ถ่ายออก มันทุกข์มั้ย กรรม เกิดอีกแล้ว ต้องไปหาที่ปลดทุกข์
เรื่องเกิดมาอาสัยกาย มันก็มีแต่สะสมกรรม สะสมคำว่า เกิด ไอ้นั่นไอ้นี่เกิด แล้วหยุดสิ่งที่มันเกิดในกายไม่ได้ ที่เป็นอารมณ์ เป็นทาสของอารมณื ชอบใช้กายตามอารมณื ก็มีกรรมต้องไปเกิด เกิดตรงนั้นตรงนี่ ที่กรรมพาไปเกิด ที่เค้าว่า ไปที่ชอบๆ ล่ะยามที่ ต้องจากกันไป รูปที่เคยเดินไปมาในโลก ไม่มีอีกแล้ว
คราวนี้ นานๆก็มีจิตดวงหนึ่ง มาเกิด เกิดแล้ว ท่านทำอย่างไรเพื่อยุติการเกิด ใครจะยุติการเกิด ก็ศึกษารอยของท่าน รอยที่ท่านทำเพื่อยุติการเกิด ท่านทำอย่างไร เราก็ฝึกหัด เดินตามรอยท่านไป สาวกของท่าน ก็เดินตามรอยของท่านไป เพื่อยุติการเกิด
ส่วนเราเป็นจิตน้อย เราก็ฝึกหัด ตามรอยท่าน ให้รู้จัก ทุกข์ รู้จักกรรม เมื่อไม่รู้จักกรรม แล้วจะไปหนีกรรม ยุติการเกิด มันก็เป้นไปไม่ได้ เหมือนที่เรากินน้ำเลือน้ำหนองเค้าเอร็ดอร่อย พอตัวกินเลือดมากินน้ำเลือดน้ำหนองในกายเรา เอร็ดอร่อยบ้าง กายนี้ก็ต้องเจ็บป่วย จิตอาศัยกายยึดกาย มีความสุขมั้ย นั่นก็เป็นกรรม อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่กาย
โฆษณา