1 ต.ค. เวลา 15:19 • ข่าวรอบโลก

ตัดงบ Medicaid ต้นตอชัตดาวน์อเมริกา

Government Shutdown ของรัฐบาลอเมริกา สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการความล้มเหลวทางเทคนิคในการผ่านร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณ (Appropriations Bills) เท่านั้น แต่เป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ถูกจุดชนวนโดยข้อขัดแย้งเชิงนโยบายด้านสุขภาพในระดับรากฐาน โดยมีโครงการ Medicaid เป็นแกนกลางของการต่อสู้ครั้งนี้
Medicaid ถือเป็นโปรแกรมสุขภาพหลักที่ให้ความคุ้มครองแก่ชาวอเมริกันประมาณหนึ่งในห้าส่วน โดยครอบคลุมกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุด ได้แก่ เด็ก, ผู้สูงอายุ, ผู้ทุพพลภาพ, และกลุ่มที่มีรายได้น้อย
ด้วยเหตุนี้ การตัดลดงบประมาณที่มีขนาดใหญ่และมีลักษณะการปฏิรูปโครงสร้างตามที่เสนอ จึงถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงด้านสุขภาพของชาติอย่างแท้จริง ซึ่งนี่เป็นความขัดแย้งทางโครงสร้างที่ปลอมตัวมาในรูปแบบของความขัดแย้งด้านงบประมาณรายปี
พรรครีพับลิกันมีเป้าหมายในการลดการขาดดุลงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการเสนอให้ตัดลดงบประมาณ Medicaid รวมกันสูงถึง $2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระยะเวลา 10 ปี การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจำกัดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางและถ่ายโอนความรับผิดชอบทางการเงินบางส่วนไปยังรัฐบาลท้องถิ่น
ข้อเสนอการตัดลดงบประมาณ Medicaid ที่ผลักดันโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมและพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ระบุไว้ในแผนงานต่าง ๆ มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนรูปแบบการจัดหาเงินทุนของรัฐบาลกลางสำหรับโครงการ Medicaid โดยมีมาตรการสำคัญ
คือการจำกัดเพดานการรรักษาต่อหัว และการตัดเงินอุดหนุน จากระบบที่รัฐบาลกลางจับคู่เงินทุน (Federal Medical Assistance Percentage - FMAP) ตามค่าใช้จ่ายจริงของรัฐ ไปเป็นระบบที่ให้เงินก้อนเดียวต่อปี
สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงใน Medicaid จากกฎหมายงบประมาณจะส่งผลให้จำนวนผู้ไม่มีประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น 7.5 ล้านคนภายในปี 2034 นอกจากนี้นโยบายตัดงบดังกล่าว จะทำให้หลายมาตรการที่แบกระบบสาธารณสุขอเมริกา เช่น การพักชำระหนี้ (Moratorium) จากการตัดลดงบประมาณ Medicaid Disproportionate Share Hospital (DSH) ซึ่งเป็นเงินทุนที่สำคัญสำหรับโรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยยากไร้จำนวนมาก ได้หมดอายุลง
หากไม่มีการขยายเวลา ทำให้โรงพยาบาลที่ทำหน้าที่เป็นตาข่ายความปลอดภัยทางสังคมต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเงินอย่างฉับพลัน (แบบที่เกิดขึ้นกับประเทศแถวๆนี้ เพราะคนถือเงินไม่ยอมจ่าย)
สมาคมโรงพยาบาลอเมริกัน (AHA) ได้ออกมาเตือนว่าโรงพยาบาลและระบบสุขภาพไม่สามารถรับภาระทางการเงินที่ซ้อนกันได้ ทั้งการตัดลดงบประมาณ Medicaid ในอนาคต และการสูญเสียเงินทุน DSH ในปัจจุบัน. การที่ CR ล้มเหลวเนื่องจากการต่อสู้เพื่อ Medicaid จึงได้ก่อให้เกิดการตัดลดเงินทุนแก่โรงพยาบาล
การตัดลดงบประมาณครั้งใหญ่ตามข้อเสนอจะนำไปสู่วิกฤตผู้ไม่มีประกันสุขภาพครั้งใหม่ องค์กร American Hospital Association (AHA) ประเมินว่ามาตรการที่ถูกผลักดัน (เช่น The One Big Beautiful Bill Act) อาจทำให้ชาวอเมริกัน 11.8 ล้านคนถูกตัดออกจากความคุ้มครอง การสูญเสียความคุ้มครองจำนวนมากนี้จะเปลี่ยนภาระค่าใช้จ่ายไปสู่โรงพยาบาลในรูปของ Uncompensated Care (การดูแลที่ไม่ได้รับการชดเชย)
ผลกระทบเชิงปฏิบัติที่ตามมาคือ โรงพยาบาลจะต้องดำเนินการลดบริการ (Service Line Reductions), ลดจำนวนพนักงาน (Staff Reductions), และอาจทำให้เวลารอคอยในห้องฉุกเฉินยาวนานขึ้น. การปรับลดเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะผู้ป่วยยากไร้เท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและปริมาณการดูแลสำหรับผู้ป่วยทุกกลุ่ม
นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรงแล้ว ยังมีผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างด้วย การสูญเสียความคุ้มครองที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดการทำงานเพียงอย่างเดียวอาจทำให้มีการสูญเสียงานมากถึง 449,000 ตำแหน่งในปี 2026 โดยงานที่สูญเสียไปส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคการดูแลสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลและเภสัชกรรม การลดการใช้จ่ายเพื่อสุขภาพที่ตั้งใจให้เป็นการลดต้นทุน กลับกลายเป็นการบั่นทอนโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพของประเทศ, เพิ่มอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิต, และก่อให้เกิดการหดตัวทางเศรษฐกิจในภาคส่วนการจ้างงานที่สำคัญ
หากวิฤตร่างงบประมาณไม่ได้รับการแก้ไข หรือการตัดงบประมาณหลายภาคส่วนโดยขาดการศึกษาผลกระทบที่เพียงพอ อาจเป็นตัวเร่งความถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่ยากจะกู้คืนกลับมาได้
อ้างอิง
โฆษณา