2 ต.ค. เวลา 09:20 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ขับรถโรงเรียน รวมถึงฉากฝ่าไฟป่าด้วยตัวเองใน “The Lost Bus”

หากพูดถึงผลงานของผู้กำกับฯ พอล กรีนกราส ที่มักถ่ายทอดด้วยวิธีการเชิงสารคดี ที่ทำให้ผู้ชมสัมผัสและรู้สึกถึงเรื่องราวได้สมจริงมากขึ้น และแบบ “The Lost Bus” ที่เล่าถึงวีรกรรมคนขับรถโรงเรียน ท่ามกลางไฟป่าที่โหมกระหน่ำสุดในประวัติสหรัฐฯ นั้น ก็ไม่เพียงแต่ต้องทำให้นักแสดงนำอย่าง แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ต้องขับรถโรงเรียนด้วยตัวเอง แต่เขาต้องขับฝ่าไฟที่เซ็ตไว้จริงอีกด้วย
โดยล่าสุด จากบทสัมภาษณ์ที่ทาง แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ให้ไว้กับทาง Entertainment Weekly เพื่อพูดถึงเบื้องหลังของ “The Lost Bus” ที่ตัวของ แม็คคอนาเฮย์ รับบทเป็น เควิน แม็คเคย์ ตัวละครที่มีอยู่จริงในเหตุเพลิงไหม้บัตต์เคาน์ตี้ในปี 2018 และถือเป็นศูนย์กลางที่มุมมองของเรื่องถ่ายทอดในรถโรงเรียนเป็นหลัก นั่นทำให้ แม็คคอนาเฮย์ ต้องใช้เวลาในการขับรถโรงเรียน ทั้งในฉากปกติและฉากสำคัญอย่างการขับรถฝ่าไฟป่า
“ผมได้ทำความรู้จักกับรถโรงเรียนนั้นดี จนขับมันได้เลยแหล่ะ“
“ผมภูมิใจที่จะพูดว่า ผมได้ขับรถคันนั้นเอง รวมถึงได้ทำการขับรถในเรื่องด้วยตัวเอง ซึ่งผมก็ชอบที่จะได้ขับมันเอง เพราะว่ามันจำเป็น ซึ่งมันทั้งสนุก รวมถึงน่ากลัวด้วย เพราะมันมีทั้งเปลวไฟ ทางตัน และหลายอย่างที่ผมต้องขับฝ่าไป ซึ่งมันก็มีเปลวไฟลูกใหญ่เหล่านี้ ถ้าถามว่า เราได้ซ้อมไหม? ก็มี แต่มันพุ่งออกมาแตกต่างกันทุกครั้งไหม? หรือผมตกใจทุกครั้งที่ผมต้องขับฝ่าไปไหม? คำตอบคือ ใช่เลย” แม็คคอนาเฮย์ กล่าว
ทั้งนี้ แม้จะฟังดูน่าหวาดหวั่น แต่ความปลอดภัยในฉากเสี่ยงใหญ่นี้ของ “The Lost Bus” ก็มาเป็นอันดับหนึ่ง และมันถูกควบคุมสถานการณ์ในการถ่ายทำด้วยผู้ชำนาญการเฉพาะทาง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด รวมถึงความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและนักแสดงที่ถ่ายทำ เช่น ฉากขับรถกลางแจ้ง ซึ่งแม็คคอนาเฮย์ต้องถ่ายในฉากใหญ่ที่มีเปลวไฟพวยพุ่งจริง กับฉากขับรถที่สร้างขึ้นในสตูดิโอ และมีการจัดไฟประกอบ สำหรับถ่ายฉากที่มีเหล่าเด็ก ๆ ในรถ
ซึ่ง แม็คคอนาเฮย์ ก็ยังพูดถึงการซักซ้อมที่ต้องมีการตระเตรียมก่อนถ่ายทำฉากจริง รวมถึงความท้าทายในการถ่ายทำฉากดังกล่าว ที่แม้มันจะได้รับรองความปลอดภัยก็ตาม แต่ความยากคือ มันต้องมอบมาซึ่งความฉุกเฉินและโกลาหลที่สมจริง
“คุณไม่อาจทำให้สิ่งแวดล้อม ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดเพลิงไหม้ได้” กรีนกราส ผู้กำกับฯ กล่าวเสริม “ดังนั้น เราจึงต้องควบคุมการเผาไหม้ของก๊าซในฉากดังกล่าว ด้วยเงื่อนไขที่เข้มงวด ซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงอย่างมากเป็นพิเศษ“
“ผมมักจะเดินไปดูเส้นทางของฉากนั้นในช่วงต้นของวัน และกลับมาดูว่า ‘โอเค ผมขับไปตรงนั้นแล้วก็ตู้ม ไฟจะพุ่งมาตรงนี้ โอเค เห็นล่ะ จากนั้นก็ขับถอยมาสามจุด ตู้ม จากนั้นเลี้ยวซ้าย ชนตู้ม แล้วก็ระเบิด โอเค นั่นคือจุดที่จะมี…’ และเราวางแผนเส้นทางกัน จากนั้นผมโดดขึ้นรถ แล้วขับไปยังแต่ละจุดอย่างช้า ๆ ซึ่งผมก็เริ่มได้ยินเสียงดนตรีจากฉากนี้ในหัวตัวเอง จากนั้นคุณต้องหยุดและเริ่มใหม่ เมื่อเสาโทรศัพท์เริ่มร่วงและสายไฟส่ายไปส่ายมา”
“คุณได้จับภาพเหล่านั้นตามเวลาจริง และขณะการซักซ้อมดำเนินไป คุณอาจถ่ายบางอย่างเกินกำหนด โดยที่ช่วงเวลาต่างออกไปเล็กน้อย และใช่เลย มันก็มีบางช่วงที่เฉียดฉิวเกือบชนอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เราก็จับภาพทุกอย่างไว้ได้หมด” แม็คคอนาเฮย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม็คคอนาเฮย์ ก็ชื่นชมในตัวผู้กำกับฯ อย่าง กรีนกราส ที่มีจุดแข็งในการถ่ายทอดเรื่องราวใน “The Lost Bus” ที่สามารถดุลได้ทั้งความพรั่นพรึงของการขับรถฝ่าไฟป่า และเรื่องราวที่ดึงอารมณ์ร่วมของผู้ชม ส่วนด้าน กรีนกราส ก็ชี้ผ่านฉากขับรถฝ่าไฟป่าเป็นตัวอย่าง ผ่านเงื่อนไขและปัจจัย ที่เปิดช่องให้สามารถถ่ายในแสงจริงช่วงพลบค่ำที่ค่อนข้างจำกัด ว่ามันช่วยมอบทั้งความสด รวมถึงความเร่งด่วนจากการแสดงออกมาได้ตามที่เขาต้องการจะใช้
“ให้ตาย กรีนกราสเขามีของจริง คือ พอล ทำในสิ่งที่เขาทำได้ดีในหนังเรื่องนี้ เขามอบความรู้สึกฉุกเฉินในฉากแอ็คชั่นที่แสนใหญ่โตอลังการแบบภาพยนตร์ โดยที่คุณยังอยู่ในเรื่องราวของมนุษย์ ที่ทั้งลึกซึ้งและแสนเป็นส่วนตัว ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ยากมาก ทั้งการดุลองค์ประกอบทางอารมณ์ภายใน และความยิ่งใหญ่ภายนอก และผมคิดว่า พอล ก็เป็นปรมาจารย์ในด้านนี้เลย” แม็คคอนาเฮย์ กล่าว
“ฉากที่ว่ามันมีให้ถ่ายในช่วงเวลาเดียว ที่คุณจะได้แสงตามที่กำหนดไว้ คือช่วงเวลาที่เราเรียกกันว่า ‘พลบค่ำ’ (magic hour) ที่กลางวันกำลังเปลี่ยนเป็นกลางคืน ซึ่งทำให้เรามีช่วงเวลาแคบ ๆ แค่ 40 นาทีต่อวันเท่านั้น ซึ่งวันนึง เรามักจะได้ถ่ายมาสามเทค โดยที่เทคนึงจะสว่างหน่อย เทคนึงกำลังดี อีกเทคจะมืดขึ้นมานิด แต่คุณอาจนำเทคเหล่านี้มาใช้ได้”
“ซึ่งการถ่ายทำแบบนี้ มันสร้างทั้งความดิบ อิสระ และความเร่งด่วนในอารมณ์ คุณจะรู้สึกทันทีว่า คุณกำลังสัมผัสประสบการณ์อยู่ในโรงฯ เป็นดั่งละครเวที ที่คุณสามารถแสดงได้เพียงครั้งเดียว มันก็เท่านี้เลย” กรีนกราส กล่าวทิ้งท้าย
“The Lost Bus” ดัดแปลงจากหนังสือ “Paradise: One Town’s Struggle to Survive an American Wildfire” ที่เล่าเหตุการณ์ไฟป่า Camp Fire ในแถบบัตต์เคาน์ตี้ แคลิฟอร์เนีย ปี 2018 เมื่อคนขับรถโรงเรียน ตัดสินใจขับรถไปรับเด็กนักเรียนและครูจากโรงเรียนประถมเพื่อลี้ภัยจากไฟป่าที่โหมกระหน่ำหนักสุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
“The Lost Bus” กำกับโดย พอล กรีนกราส (“Captain Phillips” และ “The Bourne Ultimatum”) จากบทที่เขียนร่วมกันกับ แบรด อิงเจลสบี้ (“Echo Valley”) นำแสดงโดย แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, อเมริกา เฟอร์เรร่า, ยูล วาซแควซ, แอชลีย์ แอทคินสัน, สเปนเซอร์ วัตสัน และ แดนนี แม็คคาร์ธีย์
“The Lost Bus” มีกำหนดสตรีมมิ่งทาง Apple TV+ ในวันที่ 3 ตุลาคม 2025
โฆษณา