* หลายปีที่ผ่านมา คนทำงานรุ่นพ่อแม่หรือหัวหน้าในองค์กรใหญ่ๆ มักมองว่า Gen Z คือกลุ่มคนที่ “เลือกงาน” มากกว่า “ทำงาน” แต่ข้อมูลล่าสุดกลับสะท้อนภาพที่ซับซ้อนและน่าคิดมากกว่านั้น
* ตัวอย่างเช่น The Guardian รายงานว่า “แม้ Gen Z ส่วนใหญ่จะชื่นชอบการทำงานแบบ Remote แต่กว่า 45% รู้สึกโดดเดี่ยวและต้องการกลับไปเจอเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศ ทว่าเมื่อองค์กรบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศเต็มรูปแบบ พวกเขากลับแสดงการต่อต้านผ่านพฤติกรรมที่เรียกว่า Taskmasking” หรือ “ทำทีว่ายุ่ง เปิดหน้าจอหลายแท็บ แต่จริงๆ แล้วกำลัง disconnect จากงาน”
คำถามคือ ตกลงแล้วพวกเขาต้องการอะไรกันแน่?
* ความย้อนแย้งเหล่านี้ไม่ใช่ความสับสน แต่คือการ “ต่อรองสัญญาการทำงานฉบับใหม่” ที่ Gen Z ไม่ยอมเดินตามกติกาเก่าๆ แบบที่ Baby Boomers หรือ Gen X/Y เคยยึดถืออีกต่อไป
====
📜 ข้อเรียกร้องหลักใน “สัญญาฉบับใหม่”
ข้อมูลจาก Deloitte (2025), Forbes และรายงานวิจัยระดับโลก สรุปได้ว่า Gen Z มีข้อเรียกร้องสำคัญ 4 ประการต่อองค์กร
1. ความยืดหยุ่นพร้อมคอมมูนิตี้ (Flexibility with Community)
* ยกตัวอย่าง เช่น พื้นที่ Co-working Space หรือการจัด Team Day ที่ไม่ใช่แค่บังคับมาออฟฟิศ แต่สร้างกิจกรรมที่ทำให้การมาพบเจอ “คุ้มค่า” และเกิดการแลกเปลี่ยนจริงๆ
2. Work-Life Balance ที่จับต้องได้
* Gen Z ปฏิเสธ Hustle Culture อย่างสิ้นเชิง ข้อมูลจาก Deloitte Global Gen Z and Millennial Survey 2025 ระบุว่า “94% ของ Gen Z ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance มากกว่าการไต่เต้าในตำแหน่ง พวกเขาพร้อมทำงานหนัก แต่ไม่ยอมแลกสุขภาพหรือความสัมพันธ์ส่วนตัวทั้งหมดกับงาน”