4 ต.ค. เวลา 08:27 • ข่าว

ศาลตูนิเซียตัดสินประหารชีวิต ข้อหาโพสต์ Facebook ด่าประธานาธิบดี

นักสิทธิฯกำหมัดรัวๆ เมื่อศาลตูนิเซียมีคำสั่งตัดสินประหารชีวิตนาย เซเบอร์ ชูเชน หนุ่มใหญ่วัย 51 ปี ในข้อหาโพสต์ข้อความต่อต้านประธานาธิบดี ไกส์ ซาอิด ที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของตูนิเซีย
1
เมื่อวันพุธ (1 ตุลาคม 2025) ที่ผ่านมา ศาลตูเนียเซียได้อ่านคำตัดสินพิพากษาตัดสินโทษมือโซเชียลชาวตูนิสหลายคน ที่โพสต์ข้อความวิพากษ์ วิจารณ์รัฐบาล รวมถึงผู้นำสูงสุด ไกส์ ซาอิด ซึ่ง หนึ่งในนั้นคือ นาย เซเบอร์ ชูเชน ที่ต้องโทษหนักถึง 3 กระทง คือ พยายามกระทำการเพื่อโค่นล้มการปกครอง, ดูหมิ่นประธานาธิบดี และเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จทางออนไลน์
โดยศาลตูนิเซียพิจารณาว่า ข้อความที่เขาได้โพสต์ลงใน Facebook ก่อให้เกิดความไม่สงบ และความรุนแรงในบ้านเมือง เข้าข่ายความผิดในมาตรา 54 ที่ว่าด้วยเรื่องอาชญากรรมทางไซเบอร์ของตูนิเซีย
อูซซะมา โบธัลจา ทนายความของผู้ต้องหา ได้โพสต์ถึงลูกความของเขาบน Facebook ว่า เซเบอร์ ชูเชน ถูกกักตัวตั้งแต่มกราคมปีที่แล้ว ลูกความของเขามีฐานะยากจน หารายได้จากการรับจ้างทั่วไป เขาเป็นพ่อลูกติดอีก 3 แถมมีร่างกายพิการเพราะเคยประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน
ทนาย อูซซะมา ยอมรับว่า ลูกความของเขาเป็นคนที่มีการศึกษาน้อย ทำให้อ่อนไหวต่อกระแสในโซเชียลได้ง่าย แต่ข้อความที่นายชูเชน โพสต์ผ่าน Facebook เขาไม่ได้เป็นคนคิดเอง แต่คัดลอกมาจากเพจอื่นมาแชร์ต่อเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนายุยงปลุกปั่น ทำลายความไม่สงบแต่อย่างใด
แต่สุดท้าย ศาลตูนิเซียไม่รับพิจารณาข้อโต้แย้งของทนายจำเลย แต่ยึดหลักกฎหมายตามมาตรา 54 อย่างเคร่งครัด ที่ระบุข้อห้ามในการผลิด เผยแพร่ ส่งต่อข้อความเท็จ ที่ละเมิดสิทธิ์คนอื่น หรือทำลายความมั่นคงปลอดภัยสาธารณะ และการป้องกันประเทศ หรือปลูกฝังแนวคิดก่อการร้ายในหมู่ประชาชน ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งสิ้น
แต่ถึงกระนั้นก็ดี การที่ผู้พิพากษาตัดสินโทษประหารชีวิตชายคนหนึ่ง จากการโพสต์ข้อความลงบน Facebook ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเขาในฐานะทนายจำเลยได้ยื่นขออุทธรณ์แล้ว
สื่อต่างชาติรายงานว่า ตั้งแต่ ไกส์ ซาอิด ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตูนิเซียในปี 2019 ได้มีการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายจับกุมนักการเมืองฝ่ายค้าน ผู้เห็นต่างทางการเมืองกับฝ่ายรัฐบาลของเขาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งล่าสุดเขาได้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีมากยิ่งขึ้น ร่งวมถึงออกกฎหมายอาชญากรรมทางไซเบอร์ หรือมาตรา 54 ที่ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือของรัฐในการกำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐบาล
โดยตั้งแต่ต้นปี 2025 ที่ผ่านมา มีกลุ่มการเมือง สื่อมวลชน และนักสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก ถูกตัดสินโทษจำคุก จากกฎหมายฉบับใหม่
หนึ่งในนั้นคือ ราเชด กานนูชิ หัวหน้าพรรค Islamist Ennahda และ อดีตประธานสภาผู้แทนของตูนิเซีย ที่ถูกตัดสินโทษในข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย เพื่อล้มรัฐบาล ที่ทำให้เขาต้องโทษจำคุก 14 ปี รวมกับความผิดกระทงอื่นๆด้วย รวมเป็นโทษจำคุก 27 ปี ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ ต่างได้รับโทษกันหมดตั้งแต่ 12 - 66 ปี ซึ่งหลายคนจำต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
แต่สำหรับกรณีของ เซเบอร์ ชูเชน นับเป็นเคสแรกที่ผู้ต้องหาในคดีความผิดมาตรา 54 ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ถึงแม้ตูนิเซียจะยังคงมีโทษประหารชีวิตเฉพาะในทางกฎหมาย แต่ไม่ได้ประหารชีวิตใครจริงๆมานานกว่า 3 ทศวรรษแล้วก็ตาม แต่การจำคุกตลอดชีวิตก็ยังถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไปสำหรับความผิดฐานโพสต์ข้อความต่อต้านผู้นำลงในสื่อสาธารณะ
ด้วยคำพิพากษาของศาลในความผิดมาตรา 54 มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้สื่อต่างชาติ และนักสิทธิมนุษยชนสากล มองว่า ประชาธิปไตยภายใต้การนำของประธานาธิบดี ไกส์ ซาอิด กำลังเข้าสู่ยุคถดถอย
และด้วยความกดดันจากการบังคับใช้กฎหมายของรัฐ และการปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ อาจพาย้อนตูนิเซีย หวนคืนสู่วิกฤติทางการเมือง ที่เรียกว่าเป็น คลื่นอาหรับสปริง 2.0 ได้เช่นกัน
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา