5 ต.ค. เวลา 05:14 • ความคิดเห็น
112 กลายเป็นอาวุธกลั่นแกล้ง
ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับกฎหมายที่ถูกใช้โดยคนไม่มีศีลธรรม เพราะเมื่อกฎหมายกลายเป็นอาวุธ คนบริสุทธิ์ก็กลายเป็นเป้า
2
คุณอยู่ต่างจังหวัด ถูกฟ้องอีกจังหวัดหนึ่ง ต้องเดินทางไปขึ้นศาลทุกนัด ต้องรายงานตัว ต้องหาทนาย ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และเสียศักดิ์ศรีในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ทั้งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ความผิด
นี่คือเกมกลั่นแกล้งที่ถูกห่อหุ้มด้วยคำว่ากฎหมาย
1
ในความเป็นจริง มาตรา 112 ไม่ได้ถูกใช้เพื่อคุ้มครองใครอีกต่อไป แต่มันถูกใช้เพื่อปิดปากและขู่ผู้ที่ตั้งคำถาม เพราะเพียงพูดถึง หรือสงสัย ก็มีคนพร้อมจะตีความว่าหมิ่น
1
ใครก็สามารถฟ้องใครก็ได้
ไม่ต้องมีส่วนได้เสีย ไม่ต้องพิสูจน์เจตนา
เพียงแค่ไม่พอใจ ก็ยื่นเรื่องได้ทันที
ผลลัพธ์คือกระบวนการลากคนไปลงหลุม
ไม่ว่าคุณจะถูกยกฟ้องหรือไม่ คุณก็สูญเสียอยู่ดี
1
และนั่นคือความโหดร้ายที่สุดของการฟ้องกลั่นแกล้ง มันไม่ได้ฆ่าคุณด้วยคำพิพากษา แต่มันฆ่าคุณด้วยเวลา
1
มีหลายคนถูกจำคุก 3-15 ปีจากถ้อยคำที่ไม่เคยมีเจตนาร้าย มีคนอีกจำนวนมากที่ต้องหนีออกนอกประเทศ เพราะไม่เชื่อในความยุติธรรมของกฎหมายนี้
ทั้งหมดนี้คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในนามของการปกป้อง
1
ศีลธรรมที่แท้จริงไม่เคยต้องใช้ความกลัวบังคับ
แต่สิ่งที่เรากำลังเห็นคืออำนาจที่เอาศีลธรรมมาเป็นฉากกำบัง ใครก็ตามที่ตั้งคำถามกับระบบ ถูกตราหน้าว่าไม่จงรักภักดี ทั้งที่คำถามนั้นอาจมาจากความหวังดีต่อประเทศ
1
การใช้กฎหมายเพื่อปิดทางตรวจสอบ
มาตรา 112 ถูกโยงเข้ากับโครงการต่างๆ ที่มีคำว่าพระราชดำริ และกลายเป็นช่องทางปิดปากนักวิชาการ นักข่าว หรือประชาชน เพราะเมื่อมีคนเริ่มตรวจสอบงบประมาณหรือผลประโยชน์ ก็จะมีเสียงเตือนทันทีว่าระวังเข้าข่าย 112
1
นี่คือการปิดประตูตรวจสอบด้วยกฎหมาย
และเปิดประตูให้คอร์รัปชันเดินเข้ามาอย่างสง่างาม
1
ความจริงที่ไม่มีใครกล้าพูด
เรามักถูกสอนให้เคารพกฎหมาย
แต่ไม่มีใครบอกเราว่าจะทำอย่างไรเมื่อกฎหมายไม่เคารพเรา
การฟ้องกลั่นแกล้งภายใต้มาตรา 112 คือภาพสะท้อนของประเทศที่เอาความกลัวมาครอบงำเหตุผล
และตราบใดที่เรายังกลัวที่จะพูดถึงความจริง
ความยุติธรรมก็จะยังคงเป็นเพียงคำสวยหรูในหนังสือกฎหมาย
โฆษณา