5 ต.ค. เวลา 06:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

📌 ส่อง 3 ปัจจัยลับ ที่อาจพาหุ้น Tesla ทะยานสู่ 500 เหรียญ

ตอนนี้คงมีหลายคนกำลังจับตาว่าหุ้น Tesla ที่ปัจจุบันซื้อขายกันอยู่ที่ราว ๆ 440 ดอลลาร์ จะสามารถพุ่งทะยานไปถึง 500 ดอลลาร์ได้หรือไม่ เราลองมาดูการวิเคราะห์จาก Warren Redlich นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญด้าน Tesla ซึ่งเป็นคนที่ Elon Musk แลกเปลี่ยนความคิดเห็นใน X ด้วยบ่อย ๆ เขายืนยันว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก โดยมีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ตลาดยังไม่ได้นำไปคิดคำนวณในราคาหุ้นปัจจุบัน หรืออาจเรียกว่าเป็น "ไพ่ตาย" ที่ Tesla ซ่อนไว้
----------
🟢เรามาดู 3 เหตุผลหลักที่อาจเป็นตัวเร่งให้หุ้น Tesla ไปถึงเป้าหมายได้
1. ธุรกิจพลังงานคือม้ามืดที่กำลังจะสร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่
คนส่วนใหญ่รู้จัก Tesla ในฐานะบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า แต่ธุรกิจพลังงาน (Tesla Energy) โดยเฉพาะระบบกักเก็บพลังงานขนาดยักษ์อย่าง Mega Pack กำลังจะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกม โดยเซอร์ไพรส์ที่กำลังจะมาถึงคือ Mega Pack Bump ซึ่งปกติแล้ว Tesla จะติดตั้ง Mega Pack ประมาณ 10 GWh ต่อไตรมาส แต่บทวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในผลประกอบการไตรมาส 3 ที่จะถึงนี้ ตัวเลขอาจพุ่งสูงถึง 15 - 20 GWh (เกือบสองเท่า) เพราะโรงงานในเซี่ยงไฮ้และเลย์ทรอปได้เร่งกำลังการผลิตเต็มที่แล้ว
ทำไมระบบพลังงานนี้ถึงสำคัญ นั่นเพราะกำไรมหาศาลจากธุรกิจพลังงานที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดนี้ เป็นสิ่งที่ตลาดยัง "ไม่ได้คาดคิด" และยังไม่ถูกนับรวมในราคาหุ้นปัจจุบันนั่นเอง
"Mega Pack คือปัจจัยบวกมหาศาลที่ผมคิดว่ายังไม่มีใครพูดถึงเลย แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง มันจะขับเคลื่อนราคาหุ้นได้อย่างแน่นอน" Warren กล่าวยืนยัน
นอกจากนี้ ยังมีทฤษฎีที่น่าสนใจว่า Tesla อาจมีแผนลับในการซื้อบริษัทสาธารณูปโภค เพื่อปูทางให้ตัวเองสามารถสร้างฟาร์มโซลาร์ขนาดใหญ่ได้โดยไม่มีอุปสรรค ซึ่งหากทำสำเร็จ จะเป็นการปลดล็อกการเติบโตของธุรกิจพลังงานแบบที่ไม่มีใครเคยจินตนาการมาก่อน
----------
2. FSD และ Robo-taxi คือตัวแปรสำคัญที่ยกระดับ Tesla จากบริษัทรถยนต์ สู่ "บริษัท AI"
นี่คือไพ่ใบที่สำคัญที่สุดที่จะเปลี่ยนมุมมองของนักลงทุนที่มีต่อ Tesla ไปตลอดกาล เพราะอย่างที่ Warren กล่าวไว้ว่า "อนาคตของ Tesla ไม่ใช่การขายรถยนต์ แต่คือการขายการเดินทางผ่าน Robo-taxi, ขายหุ่นยนต์ หรือบริการจากหุ่นยนต์"
ปัจจุบันตลาดมอง Tesla เป็นบริษัทรถยนต์ซึ่งทำให้ค่า P/E (อัตราส่วนราคาต่อกำไร) ไม่สูงเท่าบริษัทเทคโนโลยีหรือ AI แต่เมื่อระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD) พัฒนาจนถึงขั้นที่ไม่ต้องมีคนควบคุม (Unsupervised Robo-taxi) สถานะของ Tesla จะเปลี่ยนไปทันที ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นภาพชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า
เพราะทันทีที่ Robo-taxi สามารถสร้างรายได้ในวงกว้าง Wall Street จะต้องประเมินมูลค่า Tesla ใหม่ในฐานะ "บริษัท AI ด้านหุ่นยนต์" ซึ่งมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานกว่าที่หลายคนคิด
“เป้าหมายของ Tesla ไม่ใช่แค่การสอน Optimus (Tesla Bot) ให้ทำตามคำสั่ง แต่คือการสร้างหุ่นยนต์ที่คิดและเข้าใจโลกได้เอง เพื่อให้มันสามารถแก้ปัญหาหรือทำงานใหม่ ๆ ที่ไม่เคยถูกโปรแกรมมาก่อนได้ นั่นคือความหมายที่แท้จริงของปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง (AGI)” Warren ยืนยัน
----------
3. การเติบโตที่ถูกประเมินต่ำไป
นักวิเคราะห์ใน Wall Street มักจะประเมินการเติบโตของบริษัทที่โตแบบก้าวกระโดดอย่าง Tesla ต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ ซึ่งอาจมีรากฐานมาจากความไม่เข้าใจในปรัชญาการสร้างมูลค่าในยุคใหม่ ที่อธิบายง่าย ๆ ว่า เวลาที่มีคนสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ขึ้นมา เขาไม่ได้เก็บความมั่งคั่งไว้คนเดียว แต่เกิดประโยชน์เป็นทอด ๆ
🚩ผู้ประกอบการสร้างสินค้าหรือบริการที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
🚩ในกระบวนการนั้นพวกเขาสร้างงาน จ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ และทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ
ดังนั้น กำไรที่เจ้าของธุรกิจได้รับ (อาจจะแค่ 10-20%) จึงเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของ "คุณค่า" ทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นมา ส่วนที่เหลืออีก 80-90% คือประโยชน์ที่สังคมและคนอื่น ๆ ได้รับไปเต็ม ๆ
----------
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนคาดว่ารายได้ Tesla จะโต 150% ใน 5 ปี แต่ Elon Musk เชื่อว่าบริษัทสามารถโตได้ถึง 5 เท่า (400%) สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ชั้นนำอย่าง Dan Ives ที่ให้ราคาเป้าหมายสูงถึง 600 ดอลลาร์ และมองไกลถึง 1,000 ดอลลาร์ในอนาคต ตัวเลขเหล่านี้ล้วนชี้ว่าเป้าหมาย 500 ดอลลาร์นั้นอยู่ในวิสัยที่ไปถึงได้ไม่ยาก
การที่หุ้น Tesla จะไปถึง 500 ดอลลาร์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขายรถยนต์ได้มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ "เรื่องราวบทใหม่" ที่ตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจเต็มที่ นั่นคือ
🚩การระเบิดของธุรกิจพลังงาน ที่อาจเกิดขึ้นในรายงานผลประกอบการครั้งถัดไป
🚩การเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัท AI เมื่อ Robo-taxi เริ่มให้บริการจริง
ปัจจัยเหล่านี้คือตัวเร่งสำคัญที่ซ่อนอยู่ และมีพลังมากพอที่จะผลักดันราคาหุ้นให้ข้ามผ่าน 500 ดอลลาร์ไปได้อย่างรวดเร็ว หากทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
ส่วนอนาคตของ Tesla จะเป็นเหมือนที่ Warren Redlich วิเคราะห์ไว้จริงหรือไม่? คำถามเหล่านี้มีคำตอบรอคุณอยู่ เพราะ Warren Redlich จะมาเป็นหนึ่งในสปีกเกอร์ของงาน FollowTheFuture2025 งานรวมตัวนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญระดับท็อปของไทยและต่างประเทศ เพื่อเผยอินไซต์ที่คุณจะไม่ได้ยินที่ไหน
งานนี้จัดโดย Trader KP และ Business Tomorrow ในวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน ณ True Digital Park Grand Hall
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตและหาคำตอบไปพร้อมกัน? คลิกดูรายละเอียดในคอมเมนต์ได้เลย!
#FollowTheMoney #หุ้น #Tesla #เทสล่า #การลงทุน #FSD #RoboTaxi #Optimus #TeslaEnergy #AI #TSLA
โฆษณา