Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
How to better
•
ติดตาม
4 ชั่วโมงที่แล้ว • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ชิซุโอะกะ
ผมอ่านหนังสือจิตวิทยา 10 เล่ม และได้เรียนรู้บทเรียนชีวิต 10 ข้อ
จิตใจมนุษย์ช่างน่าหลงใหลไม่รู้จบ การอ่านหนังสือจิตวิทยาเปิดประตูให้เราเข้าใจว่า ทำไม เราถึงคิด รู้สึก และทำในแบบที่เราทำ หลังจากที่ผมอ่านหนังสือจิตวิทยา 10 เล่ม ผมได้เรียนรู้บทเรียนลึกซึ้งที่เปลี่ยนวิธีที่ผมมองตัวเองและคนรอบข้างไปตลอดกาล
นี่ไม่ใช่แค่แนวคิดทางทฤษฎีในห้องวิจัย แต่มันคือ “เครื่องมือชีวิต” ที่เรานำไปใช้ได้จริงในทุกวัน
ต่อไปนี้คือ 10 บทเรียนจาก 10 หนังสือจิตวิทยาที่ผมอยากแบ่งปัน
1. เราคิดด้วย “สองโหมด”
จากหนังสือ Thinking, Fast and Slow ของ Daniel Kahneman
คาห์นีแมนเปิดเผยสิ่งน่าทึ่งเกี่ยวกับสมองของเรา
…มันไม่ได้คิดแบบเดียว แต่มี “สองระบบ” ที่ทำงานอยู่พร้อมกัน
ระบบแรกคือ การคิดแบบรวดเร็ว (Fast Thinking): อัตโนมัติ สัญชาตญาณ ใช้ตัดสินใจทันที เช่น การเบรกเมื่อเห็นรถตัดหน้า
ส่วนระบบที่สองคือ การคิดแบบช้า (Slow Thinking): ใช้เหตุผล พิจารณาอย่างรอบคอบ ต้องใช้พลังงานทางจิตใจสูง
การเข้าใจสองระบบนี้อธิบายได้ว่า ทำไมเราถึงเผลอตัดสินใจผิดพลาดจากสัญชาตญาณ หรือรู้สึกเหนื่อยเมื่อต้องคิดอะไรซับซ้อน
* บทเรียนสำคัญคือ — รู้ให้ทันว่า เมื่อไหร่ควรเชื่อสัญชาตญาณ และ เมื่อไหร่ควรหยุดคิดให้ลึกกว่าเดิม
แค่ตระหนักจุดนี้ ชีวิตเราก็ตัดสินใจได้ดีขึ้นทั้งเรื่องเงิน ความสัมพันธ์ และงาน
2. “ความหมายของชีวิต” คือแรงขับที่แท้จริงของมนุษย์
จากหนังสือ Man’s Search for Meaning ของ Viktor Frankl
แฟรงเคิล ผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกันนาซี ค้นพบว่า มนุษย์สามารถทนทุกข์ได้เกือบทุกอย่าง ถ้าเขามีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ
เขาเรียกแนวคิดนี้ว่า Logotherapy — ทฤษฎีที่ว่ามนุษย์ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วย “ความสุข” หรือ “อำนาจ” แต่ด้วย “ความหมาย”
แม้ในความมืดมิดที่สุด คนที่ยังยึดมั่นในเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว งาน หรือแค่รอดเพื่อเล่าเรื่องต่อไป มักมีโอกาสรอดทางจิตใจมากกว่า
มันทำให้เราต้องถามตัวเองว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีความหมาย?”
เพราะเมื่อเราหลงทางหรือหมดแรง การกลับไปเชื่อมกับ “เหตุผลที่เราเริ่มต้น” จะให้พลังที่เราคิดว่าหมดไปแล้ว
3. พลังของ “อิทธิพล” ทำงานตามรูปแบบที่เดาได้
จากหนังสือ Influence: The Psychology of Persuasion โดย Robert Cialdini
ซิอัลดินีค้นพบว่า เวลาคนตอบว่า “ตกลง” หรือ “ใช่” กับคำขอของใครบางคน มันไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม ๆ แต่มี “รูปแบบทางจิตวิทยา” ที่ชัดเจนอยู่ 6 ข้อหลัก ๆ คือ
> 1.การแลกเปลี่ยน (Reciprocity) — เมื่อมีคนทำอะไรให้เรา เราจะรู้สึกอยากตอบแทนกลับ
> 2.ความสม่ำเสมอ (Commitment & Consistency) — ถ้าเราเคยพูดหรือทำอะไรไว้ เรามักอยากทำให้สอดคล้องกับสิ่งนั้น เพื่อไม่ให้ดูขัดแย้งกับตัวเอง
> 3.การทำตามคนอื่น (Social Proof) — เมื่อเห็นคนส่วนใหญ่ทำอะไร เรามักเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง
> 4.อำนาจ (Authority) — เรามักเชื่อฟังหรือให้ความสำคัญกับคนที่ดูมีความรู้ มีตำแหน่ง หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญ
> 5.ความชอบ (Liking) — เรามักตอบรับคำขอจากคนที่เราชอบหรือรู้สึกถูกชะตาด้วย
> 6.ความหายาก (Scarcity) — ของที่มีจำกัดหรือใกล้หมด มักทำให้เรารู้สึกอยากได้มากขึ้น
หลักการเหล่านี้ไม่ใช่ “กลโกง” แต่เป็นกลไกที่สมองใช้ช่วยตัดสินใจเร็วขึ้นในโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยข้อมูล
เมื่อเข้าใจมัน เราจะรู้เท่าทันเวลามีใครพยายามชักจูงเรา — ไม่ว่าจะในโฆษณา การเมือง หรือแม้แต่ในความสัมพันธ์ส่วนตัว
และถ้าเราใช้หลักเดียวกันนี้ด้วยความจริงใจและจริยธรรม ก็จะช่วยให้เราสื่อสารและโน้มน้าวคนอื่นได้อย่างมีพลังมากขึ้นเช่นกัน
4. ความมุ่งมั่นชนะพรสวรรค์
จากหนังสือ Grit: The Power of Passion and Perseverance ของ Angela Duckworth
ดัควอร์ธท้าทายแนวคิดเดิมที่ว่า “คนเก่งคือคนที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิด”
เธอพิสูจน์ว่าความสำเร็จในทุกวงการ
“ไม่ว่าจะเป็นทหารในโรงเรียนฝึกหนัก หรือเด็กที่เข้าแข่งขันสะกดคำ งานวิจัยของเธอพบสิ่งเดียวกัน — คนที่มีความพยายามและไม่ยอมแพ้ มักประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่มีพรสวรรค์แต่ขาดความอดทน”
”กริต“ไม่ได้แปลว่าไม่ล้มเหลว แต่คือ ล้มแล้วลุกซ้ำ ๆ เพื่อเดินหน้าต่อ
บทเรียนนี้ปลดล็อกบางอย่างในใจเรา เพราะมันบอกว่า “เรามีอำนาจกำหนดความสำเร็จของตัวเอง” แม้เราเลือกพรสวรรค์ไม่ได้ แต่เราเลือก ไม่ยอมแพ้ ได้เสมอ
5. การจดจ่อเต็มที่ คือช่วงเวลาที่ชีวิตดีที่สุด
จากหนังสือ Flow: The Psychology of Optimal Experience ของ Mihaly Csikszentmihalyi
“Flow” คือสภาวะที่เราจมอยู่กับสิ่งที่ทำจนลืมเวลา ลืมตัวเอง — ทุกอย่างไหลลื่นและลงตัวพอดี
มันเกิดขึ้นเมื่อ “ความท้าทาย” ของงานพอดีกับ “ทักษะ” ของเรา ไม่มากหรือน้อยเกินไป
เราไม่ต้องเป็นศิลปินหรือแชมป์กีฬาเพื่อสัมผัส Flow ได้ — มันเกิดได้ในงานที่เรารัก การทำอาหาร เล่นดนตรี หรือคุยกับคนที่เข้าใจเรา
จงสร้างสภาพแวดล้อมที่พาเราเข้าสู่ Flow ให้บ่อยขึ้น เพราะในช่วงเวลานั้นแหละ เราทั้งเก่งที่สุดและมีความสุขที่สุด
อย่างตัวผมเองก็คงเป็นตอนนี้ ตอนที่ได้มานั่งใช้เวลากับตัวเองเงียบๆ และใช้สติกับความคิดมาใช้เขียนบทความ หรือแม้แต่การนั่งค้นหาบทความที่น่าสนใจและมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ เป็นช่วงเวลาที่“ไหลผ่านแบบรวดเร็วและมีความหมาย” และผมชอบมันที่สุด
6. มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตทางสังคมโดยเนื้อแท้
จากหนังสือ The Social Animal ของ Elliot Aronson
อารอนสันอธิบายว่า สังคมรอบตัวหล่อหลอมเรามากกว่าที่เราคิด
เรามักทำตามบรรทัดฐานกลุ่มโดยไม่รู้ตัว เราหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของตัวเอง และเราถูกอิทธิพลจากผู้นำหรือเพื่อนฝูงมากกว่าที่อยากยอมรับ
หลายครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเป็น “นิสัยเสียของใครบางคน” จริง ๆ แล้วอาจเป็นผลจาก สถานการณ์ที่เขาอยู่
เมื่อเข้าใจสิ่งนี้ เราจะมี “ความเข้าใจและเมตตา” ต่อคนอื่นมากขึ้น และเรียนรู้ที่จะปรับตัวแทนที่จะพยายามเปลี่ยนคนทั้งคน
7. จิตวิทยา คือศาสตร์ที่พิสูจน์ได้จริง
จากหนังสือ The Principles of Psychology ของ William James
เจมส์คือผู้บุกเบิกที่ทำให้จิตวิทยาก้าวออกจากปรัชญา มาสู่การเป็น “วิทยาศาสตร์จริงจัง”
เขาพิสูจน์ว่า จิตใจมนุษย์มีโครงสร้างที่ศึกษาได้ และพฤติกรรมต่าง ๆ มีรูปแบบที่ทำนายได้
นี่คือรากฐานที่เปิดทางให้งานวิจัยยุคต่อมา เช่น การบำบัด ความเข้าใจเรื่องนิสัย และการพัฒนาศักยภาพมนุษย์
การมองจิตใจแบบเป็นระบบ ไม่ได้ลดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ — มันทำให้เรามีพลังในการเข้าใจและพัฒนา “ตัวเอง” ได้อย่างแท้จริง
8. ทั้ง “พันธุกรรม” และ “สิ่งแวดล้อม” คือทีมเดียวกันที่สร้างเรา
จากหนังสือ The Blank Slate โดย Steven Pinker
พิงเกอร์พูดถึงแนวคิดที่หลายคนเคยเชื่อว่า “มนุษย์เกิดมาเหมือนกระดาษเปล่า”
หมายความว่าชีวิตเราเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด เช่น การเลี้ยงดู การศึกษา หรือสังคมที่อยู่
แต่พิงเกอร์ชี้ให้เห็นว่า จริง ๆ แล้ว “เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์”
เรามีพื้นฐานบางอย่างติดตัวมาตั้งแต่เกิด เช่น อารมณ์ ความถนัด หรือแนวโน้มบางอย่างที่มาจากพันธุกรรม
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กรอบจำกัดชีวิตเรา แต่เป็น “จุดเริ่มต้น” ที่จะทำงานร่วมกับประสบการณ์ในชีวิต
เมื่อเข้าใจสิ่งนี้ เราจะไม่ตกอยู่ในมุมสุดโต่ง
ไม่คิดว่าทุกอย่างถูกกำหนดโดยยีนจนเราเปลี่ยนไม่ได้
และก็ไม่คิดว่าเราสามารถกลายเป็นอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงธรรมชาติของตัวเอง
บทเรียนสำคัญคือ — เรามีอิสระในการพัฒนา แต่ก็ต้องยอมรับและเข้าใจตัวตนพื้นฐานของเราเองด้วย
เมื่อยอมรับทั้งสองด้าน เราจะอยู่ในจุดสมดุลระหว่าง “การเป็นตัวของตัวเอง” และ “การเติบโตเป็นเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม”
9. ทักษะทางอารมณ์สำคัญไม่แพ้ไอคิว
จากหนังสือ Emotional Intelligence ของ Daniel Goleman
โกเลแมนทำให้โลกเข้าใจว่า “คนที่ประสบความสำเร็จ” ไม่ได้มีแค่สมองดี แต่ต้องเก่งเรื่อง “อารมณ์” ด้วย
EQ ประกอบด้วย 5 ทักษะหลัก:
1. การรู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง
2. การควบคุมอารมณ์
3. แรงจูงใจภายใน
4. ความเข้าใจผู้อื่น (Empathy)
5. ทักษะทางสังคม
ข่าวดีคือ สิ่งเหล่านี้ ฝึกได้ ทั้งหมด
EQ จึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดมาพร้อมเรา แต่มันคือ “กล้ามเนื้อทางอารมณ์” ที่ยิ่งฝึกก็ยิ่งแข็งแรง
10. มุมมองของเรา สร้างความจริงของเรา
จากหนังสือ Mindset: The New Psychology of Success ของ Carol Dweck
ดเว็กค้นพบว่าความเชื่อที่เรามีต่อ “ความสามารถของตัวเอง” กำหนดทุกอย่างในชีวิต
คนที่มี Fixed Mindset เชื่อว่าความสามารถเกิดจากพรสวรรค์ — ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องพยายาม
ส่วนคนที่มี Growth Mindset เชื่อว่าทักษะและสติปัญญาพัฒนาได้ด้วยความพยายาม
คนกลุ่มหลังจะกล้าท้าทายตัวเอง มองความล้มเหลวเป็นบทเรียน และรู้สึกดีเมื่อเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ
ข่าวดีคือ Mindset เปลี่ยนได้ และเมื่อมันเปลี่ยน ทุกอย่างในชีวิตเราก็เปลี่ยนตาม
ทั้ง 10 บทเรียนจากหนังสือจิตวิทยาเหล่านี้ ไม่ได้ให้แค่ “ความรู้” แต่ให้ “แนวทางในการใช้ชีวิต”
มันสอนให้เราคิดอย่างมีสติ ค้นหาความหมายต่อตัวเอง ไม่ตกเป็นเหยื่อของอิทธิพล เข้าใจความสำเร็จอย่างถูกต้อง ใช้ชีวิตอย่างจดจ่อ เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ เข้าใจตนเองผ่านวิทยาศาสตร์ รู้สมดุลของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฝึกอารมณ์ให้เฉียบแหลม และเชื่อว่าตัวเราสามารถเติบโตได้เสมอ
เพราะสุดท้าย — ความรู้ทางจิตวิทยาจะมีค่าก็ต่อเมื่อเรา “นำมันมาใช้” เพื่อเป็นมนุษย์ที่ตระหนัก รู้จักตัวเอง และมีชีวิตที่เติมเต็มมากขึ้นในทุกวัน
ที่มา
https://www.newtraderu.com
ผู้เขียน Steve Burns
รูปภาพประกอบ :
https://www.pexels.com/th
ไลฟ์สไตล์
วิทยาศาสตร์
การลงทุน
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย