ประธานาธิบดีอียิปต์ อันวาร์ ซาดัต ถูกลอบสังหาร (ค.ศ. 1981)
วันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1981 ถือเป็นหนึ่งในวันที่โลกต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เมื่อ อันวาร์ ซาดัต (Anwar Sadat) ประธานาธิบดีแห่งอียิปต์ ถูกลอบสังหารกลางงานพาเหรดทางทหารในกรุงไคโร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศกำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 8 ปีแห่ง “สงครามยอมคิปเปอร์” ซึ่งอียิปต์เคยร่วมกับซีเรียทำสงครามกับอิสราเอลในปี 1973 แต่กลับกลายเป็นวันที่ผู้นำผู้กล้าหาญต้องล้มลงต่อหน้าสาธารณชน
ซาดัตขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอียิปต์ในปี 1970 หลังการถึงแก่อสัญกรรมของ กามาล อับเดล นัสเซอร์ ผู้นำคนก่อน เขาเป็นผู้นำที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการต่างประเทศ ซาดัตกล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่มีผู้นำอาหรับคนใดเคยทำมาก่อน นั่นคือการแสวงหาสันติภาพกับอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่อียิปต์ทำสงครามมาหลายทศวรรษ
ในปี 1978 ซาดัตได้ร่วมเจรจาสันติภาพกับ เมนาเคม เบกิน (Menachem Begin) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ภายใต้การสนับสนุนของ จิมมี คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เมืองแคมป์เดวิด สหรัฐฯ การเจรจาครั้งนั้นนำไปสู่ “ข้อตกลงแคมป์เดวิด” (Camp David Accords) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพอียิปต์–อิสราเอลในปี 1979 ซาดัตจึงได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกับเบกินในปีเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญของเขากลับสร้างศัตรูขึ้นในหมู่ชาวมุสลิมหัวรุนแรงและกลุ่มอาหรับอื่น ๆ ที่มองว่าการทำสันติภาพกับอิสราเอลคือการทรยศต่ออุดมการณ์ของโลกอาหรับ อียิปต์ถูกขับออกจากสันนิบาตอาหรับ และซาดัตตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงภายในประเทศ
ในวันเกิดเหตุ 6 ตุลาคม 1981 ระหว่างที่ซาดัตนั่งชมขบวนพาเหรดทางทหารเพื่อรำลึกถึงชัยชนะในสงครามยอมคิปเปอร์ มีทหารหน่วยหนึ่งจากกองทัพอียิปต์ ซึ่งแฝงตัวเข้ามาในขบวน ได้หยุดรถบรรทุกกลางขบวนและกราดยิงใส่แท่นประธานาธิบดี ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนในงาน กระสุนปืนและระเบิดสังหารซาดัตพร้อมเจ้าหน้าที่อีกหลายคนในเวลาไม่กี่วินาที
เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก อียิปต์เข้าสู่ภาวะไม่แน่นอนชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่ ฮอสนี มูบารัค (Hosni Mubarak) รองประธานาธิบดีในขณะนั้นจะขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ซาดัตได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้นำแห่งสันติภาพ” ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อความมั่นคงของประเทศ แม้จะต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนัก
มรดกทางประวัติศาสตร์ของอันวาร์ ซาดัต ยังคงเป็นที่ถกเถียงจนถึงทุกวันนี้ บางคนมองว่าเขาคือผู้ทรยศต่ออุดมการณ์อาหรับ ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าเขาคือผู้นำผู้กล้าหาญที่ยอมเสียสละเพื่อสันติภาพถาวรในตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะมองจากมุมใด เหตุการณ์ลอบสังหารในวันนั้นได้ตอกย้ำความจริงว่า “หนทางสู่สันติภาพ มักต้องแลกมาด้วยความกล้าหาญและชีวิตของผู้สร้างมัน”
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
