6 ต.ค. เวลา 02:40 • ปรัชญา
..เงินทองของสมมุติ ..
เรื่องเงินทอง สมันก่อน คนมันน้อย ป่ามันมาก ไปไหนก็เดินทางหาบหาม เอาของมาแลกกัน บ้านนี้มีมะม่วง อีกบ้านมีแตงโม ก็แบ่งปันกัน เอามะม่วงไปให้ บ้านที่มีแตงโม ก็อลกเปลี่ยนกัน คราวนี้ ก็มีคนหัวดี เห็นว่าบ้านอยู่ห่างไกลกัน ก็คิดหาเบี้ย มาเป็นตัวกลาง เพราะจะแบกของไปแลกเปลี่ยนคงไม่ไหวของมันหนัก ก็เลยกำหนดให้เบี้ย ใช้แลกเปลี่ยนของกัน ใช้ค้าขายกันเรื่อยมา สร้างความสะดวกสบายมากขึ้น มันก็มีการพัฒนา กันมาเรื่อย ใครมีเบี้ยมาก ก็ว่าร่ำรวย เอาไปต้าวคนนั้นคนนี้ บริวารจัดการ มีสวัสดิการ เลี้ยงดูปูเสื่อ
..ก็มีการขยายกิจการใหญ่โต ธุรกิจข้ามชาติ ขยับขยานไปเรือย ยุคสมัยกเปลี่ยนแปลงไป คนแต่ละรุ่น ที่มาเกิดในโลก บ้านเมือง เค้าว่าพัฒนา พื้นที่แต่ก่อนเป็นป่า ก็ตัดไม้มาสร้างบ้าน มีการจ้างแรงงาน คนมีรายได้ ได้ค้าจ้าง ไปซื้อของ มาเลี้ยงสังขาร ลูกเมีย ให้อยู่สบาย ทำงานเหนื่อย เจ็บป่วยก็มีสถานบริการ พัฒนาขึ้นมาเรื่อย
จนเดี๋ยวนี้ ที่เป็นป่าหายไป กลายเป็นเมือง อีกหน่อยที่เป็นเมือง ก็กลายเป็นป่า คนรุ่นต่อไป ก็มาตัดไม้ในป่าที่เคยเป็นเมือง มันก็วนเวียนไปเรื่อยเพราะโลกนี้ นี้ ก็ใบเดิม คนก็มาเกิดตายกันเป็นรุ่นๆ รุ่นนี้มาจากนรกอบายภูมิมากหน่อย อีกรุ่นมาจากเทพยดาอินทร์พรหม ได้มาเกิด ผู้คนก็น้อยลงไป เหมือนว่า คนที่อยู่อบายภูมิมันมาก คนที่ไปที่สูงมันน้อย โลกก็จัดสถานที่ให้ สมน้ำสมเนื้อ ตามกรรมของผู้ที่มาเกิด
..มีจิตมากมาย หมุนเวียน มาเกิดตายๆ .สังขารก็เป็นของโลก กายก็เป็นของอาศัย ของๆโลก มีกายมาปุ๊บ เค้าให้ก็ลมหายใจ มีลมเข้าลมออก พอลมหยุด ไม่เข้าออกในกายปั๊บ ขาดใจตาย ที่เค้าสมมุติให้มาอาศัย ..ที่เคยยึด ชอบทำ ..เป็นนิสัย ที่ว่า ใช้กายวาจาใจ เยี่ยงไร เมื่อหมดสังขารที่อาศัย ก็เหลือแต่จิต ..จิตมาดวงเดียว ไปก็ไปแต่จิตดวงเดียว เอาอะไรไปด้วยได้เลย สิ่งที่ติดตัวไปกับจิต ก็เรื่องราวที่จิตนั้น ใช้นิสัย ..ชอบอะไร ก็ไปที่ชอบๆ
คราวนี้ เราก็มาดู ไอ้เงินทอง ที่เราใช้กายพ่อแม่ไปหามา เลี้ยงกาย ที่จิตเราอาศัยอยู่ในกายนี้ ใครเหน็ดเหนื่อย กายนี้เหน็ดเหนื่อย ที่เราใช้กายไปหามา หามายึด ..เราอาศัยกายพ่อแม่ให้มาอาศัย เราก็ตอบแทน กายนี้ ..หามายึด .. มีการบันทึกจดจำ นี่ของๆเรา ต้องใช้อารมณ์กรรมมากมาย คล้องเวรกรรมคนนั้นคนนี้ หามาทับถมกายของตนเอง
..มันมีกรรมซ่อนเร้นในทรัพย์สินเงินทองที่หามา เราก็เจียดเล็กๆน้อยๆ แบ่งปันออกมาด้วยความเต็มใจ ให้ทานบ้าง ทำบุญทำทาน ..เพื่อให้จิตเราบันทึก สิ่งที่เราหลงยึดอยู่ให้จางคลายลง มันยึดกรรมในทรัพย์สมบัติเงินทองโดยไม่รู้ตัว จิตออกจากร่าง มันก็หนัดยึดแต่เวรกรรมทรัพย์สินเงินทอง ..จิตมันหนักมันยึดอยู่ ..มันไปไหน ของหนัก ..มันก็ลงอบายภูมิ แล้วเรื่องของการให้ทาน สร้างบุญกุศล ก็เป็นเรื่องราวที่ควรศึกษา แล้วก็สร้างมันขึ้นมา ที่เค้าว่า เกิดมาได้กายเป็นมนุษย์ทั้งที ไม่เกิดเป็นโมฆะบุรุษโมฆะสตรี
เรากลองมาดู เงินทอง ..เวลามีเงินทอง เต็มกระเป๋า เงินทอง ที่จิตมันยึด มันนำพากาย ไปทำอะไรบ้าง .ไปทำกิจกรรมอะไรบ้าง กายเราได้อะไร .จิตของเราได้อะไร จากเงินทอง ที่หยิบจ่ายออกไป . เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ..พอเงินหมดกระเป๋า .อ้าว..ต้องใช้กายวาจาใจไปหาเงินทองอีกแล้ว ..มีความสุขมั้ย เพื่อจะได้เงินทอง..
โฆษณา