Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
7 ต.ค. เวลา 03:28 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🚀 “ยุคที่ใครก็สร้างแอปฯ ในไม่กี่นาทีเกิดแล้ว?”
“เมื่อ OpenAI เขย่าโลกซอฟต์แวร์ และท้าทายอนาคตองค์กรไทย”
ถอดรหัส OpenAI DevDay 2025 และเหตุผลที่องค์กรไทยไม่อาจนิ่งเฉย
====
💥 เสียงปืนของการปฏิวัติซอฟต์แวร์โลกอีกครั้ง?
“ซอฟต์แวร์ที่เคยใช้เวลาสร้างเป็นเดือนหรือปี วันนี้คุณเห็นแล้ว มันใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที... และข้อจำกัดเดียวคือจินตนาการ” ~ Sam Altman, CEO OpenAI
คำกล่าวเปิดในงาน OpenAI DevDay 2025 ไม่ใช่แค่คำโฆษณา แต่มันคือ เสียงปืนของการปฏิวัติครั้งใหญ่อีกครั้งของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เป็นวันที่ “มนุษย์ทุกคน” จะสามารถสร้างแอปพลิเคชันของตัวเองได้โดยไม่ต้องรู้โค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว
ปีนี้ OpenAI ไม่ได้เพียงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ได้เปิดตัวสิ่งที่ Sam Altman เรียกว่า “An Operating System for Creation” หรือ ระบบนิเวศแห่งการสร้างสรรค์ (Ecosystem of Creation) ที่หลอมรวมระหว่างเครื่องมือ AI, ระบบอัตโนมัติ, และอินเทอร์เฟซใหม่ของมนุษย์กับเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
นี่ไม่ใช่แค่ “ยุคของ AI” แต่คือ “ยุคที่มนุษย์กลายเป็นนักสร้างซอฟต์แวร์โดยธรรมชาติ”และความเร็วของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้…จะทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างไม่มีความปรานี
====
🧱 พิมพ์เขียวของระบบปฏิบัติการแห่งการสร้างสรรค์ (Operating System for Creation)
OpenAI เปิดตัว 4 องค์ประกอบหลัก ที่เมื่อรวมกันแล้วจะกลายเป็นระบบนิเวศใหม่ของซอฟต์แวร์โลก และเป็นการท้าทายวิธีคิดของบริษัทเทคโนโลยีแบบเดิมโดยสิ้นเชิง
1. Apps SDK — แอปทั้งหมดอยู่ใน ChatGPT
* ChatGPT ก้าวจากเครื่องมือแชทสู่แพลตฟอร์มที่ให้ทุกคน “สร้าง-ใช้-เชื่อมต่อ” แอปได้ในที่เดียว โดยเปิดให้นักพัฒนาสร้างแอปที่ทำงานได้เต็มรูปแบบในหน้าต่างเดียว มีพันธมิตรระดับโลกอย่าง Coursera, Canva, Figma, Zillow, และ Spotify เข้าร่วมตั้งแต่วันแรก
* ในโลกใหม่นี้ ผู้ใช้สามารถเรียน ออกแบบ ทำเพลง หรือจองบ้านได้ในแชตเดียว โดยไม่ต้องเปิดแอปหลายตัว ไม่ต้องสลับ Tab อีกต่อไป
นี่คือก้าวแรกของสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “App Economy 2.0” หรือโลกที่ซอฟต์แวร์ไม่อยู่ในหน้าจอ แต่ “อยู่ในบทสนทนา” ของมนุษย์กับ AI
2. AgentKit — เครื่องมือสร้างผู้ช่วย AI แบบไม่ต้องเขียนโค้ด
นี่คือหัวใจของการปฏิวัติครั้งนี้ โดยเครื่องมือที่เปิดโอกาสให้ “ทุกคน” กลายเป็น “นักออกแบบระบบอัตโนมัติ” ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีพื้นฐานโปรแกรมมิ่งเลยแม้แต่น้อย
AgentKit ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ
* Agent Builder: อินเทอร์เฟซแบบลากวาง ใช้สร้าง workflow และ logic ได้ในไม่กี่นาที
* ChatKit: เครื่องมือออกแบบการสนทนาให้ AI สื่อสารกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
* Evals for Agents: ระบบวัดผลและปรับแต่งความแม่นยำของ AI แบบเรียลไทม์
ใน Live Demo ทีม OpenAI ใช้เวลาเพียง 8 นาทีในการสร้าง Agent ที่อ่านอีเมล สรุปประชุม และเชื่อมต่อ API ภายนอกได้ “ทั้งหมดโดยไม่แตะโค้ด” ผลลัพธ์คือ “AI ผู้ช่วยส่วนตัว” ที่ทำงานแทนคนได้จริงในระดับองค์กร
ในอนาคตอันใกล้ พนักงานฝ่ายการตลาดสามารถสร้าง Agent วิเคราะห์แคมเปญได้เอง นักบัญชีสามารถสร้าง Agent ทำงบรายเดือน และผู้บริหารสามารถสั่ง AI ประชุมแทนได้ โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่ Click
3. Codex (GA) — AI Engineer ที่ทำงานแทนทีม Dev ได้จริง
* Codex GPT-5 Edition คือการอัปเกรดจากเครื่องมือช่วยเขียนโค้ด ไปสู่ “Software Engineer Agent” ที่สามารถออกแบบระบบ วางแผนงาน ตรวจสอบ และ deploy ได้ครบวงจร
* ในงาน DevDay มีการโชว์สาธิต Codex ควบคุมกล้อง Sony และระบบไฟในห้องประชุมด้วยเสียง “ไม่ใช่แค่เข้าใจโค้ด แต่เข้าใจบริบทของโลกจริงแล้ว”
หมายเหตุ : มีการคาดว่า Codex จะเพิ่ม productivity วิศวกรกว่า 60–70% ต่อสัปดาห์ และลดเวลาการ deploy จากหลายวันเหลือไม่กี่ชั่วโมง
4. GPT-5 Pro และ Sora 2 — สมองและสายตาของโลกดิจิทัลใหม่
* OpenAI เปิดตัว GPT-5 Pro สำหรับงานระดับ enterprise เช่น การแพทย์ กฎหมาย และการเงิน
* เปิดตัว Sora 2 ที่สามารถสร้างวิดีโอพร้อมเสียงสมจริงระดับ Production ที่คนธรรมดาสามารถสร้างรูป/เสียง/Video ได้ระดับฮอลลีวู้ด
* และทั้งหมดนี้ภายใต้ระบบ API ที่เปิดให้บริษัทต่าง ๆ ผสานการทำงานเข้าด้วยได้ทันที
นี่คือ “โครงสร้างพื้นฐานใหม่ของอุตสาหกรรมดิจิทัล” ที่ไม่ได้สร้างเพื่อเทคโนโลยี แต่เพื่อให้มนุษย์สร้างได้ทุกอย่างด้วยจินตนาการ
====
🌍 โลกที่ทุกคนคือผู้สร้าง (The Age of Creative Empowerment)
สิ่งที่ OpenAI กำลังทำคือการ คืนอำนาจในการสร้างสรรค์ให้กับผู้คนทุกคน และสิ่งนี้กำลังเปลี่ยนความหมายของคำว่า “นวัตกรรม” ไปตลอดกาล เพราะมันไม่จำกัดอยู่ในมือของวิศวกร โปรแกรมเมอร์ หรือบริษัทเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เป็นพลังที่ส่งมอบสู่ทุกคนในสังคม
* ชายญี่ปุ่นวัย 89 ปี ใช้ ChatGPT สร้างแอป iPhone สำหรับผู้สูงอายุไปแล้วกว่า 10 แอป
* ทีมในสเปนใช้ Sora สร้างวิดีโอเชื่อมโยงภาพเก่ากับความทรงจำของผู้ป่วยอัลไซเมอร์
* พระราชวังแวร์ซายในฝรั่งเศสใช้ API ให้ผู้ชม “พูดคุยกับงานศิลปะ” ได้แบบเรียลไทม์
“ในบริบทขององค์กร นี่หมายความว่าพนักงานในทุกระดับตั้งแต่แถวหน้าจนถึงผู้บริหารสามารถสร้างเครื่องมือช่วยทำงานของตนเองได้ โดยไม่ต้องรอฝ่ายไอที”
นี่คือภาพของอนาคตที่เทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องของ “คนเทคนิค” อีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือสร้างความหมายและคุณค่าใหม่ให้กับชีวิตของผู้คน และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ทุกคนมีศักยภาพเป็น “ผู้สร้าง” อย่างแท้จริง
====
🇹🇭 แล้วองค์กรไทยอยู่ตรงไหนในภาพใหม่นี้?
บริษัทไทยจำนวนมากยังคงยึดติดกับวิธีการบริหารและ mindset แบบเก่า ในขณะที่โลกภายนอกกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดทางเทคโนโลยีไปอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรยังอยู่ในช่วงปรับพื้นฐานด้านโครงสร้างข้อมูล และยังไม่ได้สร้างระบบอัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจริงจัง
เมื่อทุกคนสามารถสร้างแอปหรือ Agent ของตัวเองได้ รูปแบบการทำงานแบบเดิมที่เน้นขั้นตอนและการอนุมัติหลายชั้นจะค่อย ๆ ล้าสมัยลงในพริบตา
🔹 ปัญหาที่องค์กรไทยต้องยอมรับ?
1. “ตามหลังด้านองค์ความรู้และ mindset” — หลายบริษัทในไทยยังมอง AI เป็นของเล่นทดลอง ไม่ใช่เครื่องมือเชิงกลยุทธ์ เช่น โรงงานจำนวนมากยังใช้แรงงานคนในการคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อน ทั้งที่ระบบ AgentKit สามารถทำได้อัตโนมัติในไม่กี่ชั่วโมงแล้ว
2. “การปรับตัวช้า” — แม้จะมีการพูดถึง digital transformation มาหลายปี แต่ในทางปฏิบัติกลับยังติดอยู่ในวงจรเอกสาร อนุมัติหลายขั้นตอน และขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล
3. “ไอทียังเป็น Gatekeeper” — ผู้ใช้ทั่วไปต้องรอฝ่ายเทคนิคเสมอ ขณะที่ต่างประเทศให้พนักงานสร้าง workflow เองได้แล้ว เช่น ทีมตลาดในสหรัฐฯ ใช้ AI workflow เชื่อมระบบ CRM เองโดยไม่ต้องรอ Dev Team
4. “ขาดวัฒนธรรมเรียนรู้เร็ว” — องค์กรไทยมักเน้น “ลดความผิดพลาด” มากกว่า “เร่งการทดลอง” เช่น หลายองค์กรยังกลัว prototype ล้มเหลว ขณะที่สตาร์ตอัปต่างประเทศวัดผล 10 เวอร์ชันในสัปดาห์เดียว
====
🧩 ความท้าทายใหม่ = “เมื่อ User กลายเป็น Creator”
ในยุคของ OpenAI ที่ทุกคนสามารถสร้างแอปฯ สร้าง Agent หรือออกแบบ Workflow ได้ด้วยตนเอง เส้นแบ่งระหว่าง “ผู้ใช้” และ “ผู้สร้าง” กำลังถูกลบเลือนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนี่คือการเปลี่ยนเกมที่ทุกองค์กรต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
* ฝ่ายไอที (IT Department) จะไม่ใช่ผู้สร้างระบบเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนบทบาทเป็น “ผู้ออกแบบโครงสร้าง ระบบรักษาความปลอดภัย และมาตรฐานกลาง” เพื่อให้ทีมอื่น ๆ สามารถสร้างเครื่องมือใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น แทนที่ทีมไอทีจะเป็นคนพัฒนา Dashboard เอง พวกเขาจะวางมาตรฐาน API และ Security Framework ให้ฝ่ายการตลาดหรือฝ่ายผลิตสามารถสร้าง Dashboard ด้วย AgentKit ได้ด้วยตนเอง
* ฝ่ายธุรกิจ (Business Teams) ต้องพัฒนา “AI Collaboration Mindset” ใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ใช้เครื่องมือ AI แต่ต้องรู้จักออกแบบกระบวนการทำงานร่วมกับมัน เช่น ฝ่ายขายอาจออกแบบ Agent วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบเรียลไทม์ หรือฝ่ายบริการลูกค้าสร้าง Chat Agent ที่เข้าใจโทนเสียงและอารมณ์ของผู้ใช้โดยไม่ต้องพึ่งทีมเทคนิคอีกต่อไป
* ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR Department) จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในฐานะ “ผู้ออกแบบวัฒนธรรมการเรียนรู้” (Learning Culture Designer) ที่ช่วยให้คนในองค์กรทุกระดับเรียนรู้การใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่การฝึกอบรม แต่ต้องสร้างระบบสนับสนุนการเรียนรู้ต่อเนื่อง (Continuous Learning Ecosystem) เช่น โปรแกรม Mentor ด้าน AI หรือ AI Playground ให้พนักงานทดลองสร้าง Prototype ด้วยตนเอง
นี่ไม่ใช่เรื่องของ “เทคโนโลยี” อีกต่อไป แต่คือเรื่องของ “วัฒนธรรมองค์กร”
====
⚙️ จาก DevDay ถึงบริษัทไทย “สัญญาณเตือนที่ไม่ควรเพิกเฉย”
* OpenAI DevDay 2025 คือสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าโลกเทคโนโลยีไม่ได้รอใคร ในขณะที่หลายองค์กรไทยยังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างพื้นฐาน โลกภายนอกได้ก้าวข้ามไปสู่ยุคที่ “User กลายเป็น Developer” แล้ว
* หลายองค์กรไทยยังมอง AI เป็นเรื่องของฝ่ายเทคนิคหรือโปรเจกต์ทดลอง ทั้งที่ในความเป็นจริง มันกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจโลก
* สิ่งที่ต้องเริ่มคิดไม่ใช่แค่ “จะใช้ AI ยังไง?” แต่คือ “จะสร้างระบบให้พนักงานใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ได้ยังไง?” เช่น บริษัทค้าปลีกอาจตั้งทีมเล็กให้ทดลองสร้าง AI Agent วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าในแต่ละสาขา หรือบริษัทโลจิสติกส์อาจให้พนักงานทดลองออกแบบ Workflow อัตโนมัติด้วย Apps SDK เพื่อประหยัดเวลาในงานเอกสารให้ได้ เป็นต้น
* องค์กรที่ยังรอฝ่ายไอทีสร้างระบบให้ หรือยังคิดว่า AI เป็นเพียง “เครื่องมือเสริม” แทนที่จะเป็น “กลยุทธ์หลัก” จะเสี่ยงตกขบวนครั้งนี้แน่นอน เพราะคู่แข่งไม่ได้รออยู่ข้างหลังอีกต่อไป แต่กำลังวิ่งนำหน้าโดยมี AI เป็นแรงขับเคลื่อน
การไม่เปลี่ยน คือการเลือกที่จะหายไปจากเกมธุรกิจในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และการเปลี่ยนวันนี้ อาจเป็นตั๋วเดียวที่พาองค์กรไทยไปต่อได้ในโลกใหม่
====
✨ “โลกที่ทุกคนคือผู้สร้างมาถึงแล้ว”
* OpenAI DevDay 2025 ไม่ได้เปลี่ยนแค่เทคโนโลยี แต่มันเปลี่ยน “โครงสร้างอำนาจของการสร้างนวัตกรรม” จากเดิมที่อยู่ในมือของโปรแกรมเมอร์และองค์กรใหญ่ —> “มาสู่มือของทุกคนที่มีความคิดและจินตนาการ”
* ในอนาคต ทักษะที่สำคัญที่สุดของคนทำงานจะไม่ใช่ “ความสามารถในการเขียนโค้ด” แต่คือ “ความสามารถในการตั้งคำถามที่ทรงพลัง และออกแบบสิ่งใหม่ร่วมกับ AI”
เครื่องมือในการสร้างอนาคตได้ถูกส่งมอบมาอยู่ในมือของเราแล้ว คำถามคือ คุณจะใช้มันอย่างไร?
* องค์กรที่จะอยู่รอด ไม่ใช่องค์กรที่มี AI เก่งที่สุด แต่คือองค์กรที่ เรียนรู้ได้เร็วที่สุด และ ปลดล็อกศักยภาพของคนได้ดีที่สุด
* ในวันที่ AI กลายเป็นพลังที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน ผู้ชนะจะไม่ใช่คนที่มีเครื่องมือดีที่สุด แต่คือคนที่ “กล้าจินตนาการมากที่สุด”
#วันละเรื่องสองเรื่อง #OpenAI #DevDay2025 #AI #AgentKit #Codex #FutureOfSoftware #DigitalTransformation #ทักษะแห่งอนาคต #องค์กรไทย #Reskill #Leadership
ผู้นำ
เทคโนโลยี
การเปลี่ยนแปลง
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย