Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
9 ชั่วโมงที่แล้ว • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์จีน-ไต้หวัน
ไต้หวัน เป็นดินแดนที่เป็นจุดปะทุทางการเมืองระหว่างประเทศที่รุนแรง และยังคงเป็นประเด็นละเอียดอ่อน
ถึงแม้ว่าไต้หวันจะเป็นประเทศอิสระที่สามารถปกครองตนเอง แต่กลับได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากนานาชาติน้อยมาก มีการพูดคุยกันอยู่เสมอว่า วันหนึ่งจีนอาจข้ามช่องแคบไต้หวันเพื่อเข้ามารุกราน
คำถามมากมายจึงตามมา เช่น สหรัฐอเมริกาจะเข้ามาแทรกแซงหรือไม่? ญี่ปุ่นจะเข้าร่วมหรือเปล่า? จีนยอมเสียทหารมากแค่ไหนเพื่อยึดเกาะนี้? แล้วประเทศที่มีประชากรเพียง 24 ล้านคนจะต้านทานประเทศที่มีประชากร 1,400 ล้านคนได้อย่างไร?
ในขณะที่คำถามเหล่านี้ยังคงถูกหยิบยกขึ้นมาเรื่อยๆ คนจำนวนมากกลับไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมคำถามเหล่านี้ถึงมีอยู่ตั้งแต่แรก
เหตุใดไต้หวันจึงสำคัญนัก?
ทำไมจีนถึงอยากรุกรานเกาะนี้?
แล้วสหรัฐอเมริกาเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร?
วันนี้เราลองมาหาคำตอบกัน
เพื่อให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนในปัจจุบัน เราต้องย้อนกลับไปในปีค.ศ.1927 (พ.ศ.2470) ซึ่งเป็นช่วงที่จีนอยู่ในระหว่าง “การบุกภาคเหนือ (Northern Expedition)“
ในเวลานั้น “พรรคชาตินิยมก๊กมินตั๋ง (Kuomintang)” หรือ “KMT” ได้ลงมือปฏิบัติการทางทหารขนาดใหญ่เพื่อต่อต้านขุนศึกที่ควบคุมพื้นที่ต่างๆ ของจีนในขณะนั้น โดยฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายของพรรคยังคงมีเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือการรวมประเทศจีนให้เป็นเอกภาพหลังจากแตกแยกและอยู่ในยุคแห่งความวุ่นวายมากว่าศตวรรษ
อย่างไรก็ตาม ในปีค.ศ.1927 (พ.ศ.2470) ได้เกิดความแตกแยกขึ้นภายใน KMT โดยฝ่ายซ้ายต้องการจับมือกับ “พรรคคอมมิวนิสต์จีน (Chinese Communist Party)” หรือ “CCP” ขณะที่ฝ่ายขวายังคงสนับสนุนแนวทางชาตินิยมของ KMT
แต่แม้จะมีความขัดแย้งทางอุดมการณ์ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงร่วมมือกันจนจบการบุกเหนือ และในปีค.ศ.1928 (พ.ศ.2471) จีนก็ถูกรวมเป็นหนึ่งภายใต้ KMT
แต่ถึงแม้จะรวมประเทศได้ในทางทฤษฎี แต่เหตุการณ์ในปีค.ศ.1927 (พ.ศ.2470) ก็ได้จุดชนวนสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อไปจนถึงปีค.ศ.1949 (พ.ศ.2492)
สงครามครั้งนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่าย KMT กับ CCP ซึ่งเต็มไปด้วยความโหดร้ายและซับซ้อน
หลายครั้งที่ทั้งสองฝ่ายพยายามเจรจาเพื่อสร้างรัฐบาลสองพรรคภายใต้ธงเดียวกัน แต่ความไม่ไว้วางใจและความรุนแรงก็ทำให้การเจรจาล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในปีค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) เมื่อญี่ปุ่นรุกรานจีน ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อรับมือศัตรู โดยความร่วมมือนี้ช่วยให้จีนสามารถต้านทานญี่ปุ่นได้สำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ยุติสงครามกลางเมือง เพียงแค่ชะลอไว้ชั่วคราวเท่านั้น โดยหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงในปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) การสู้รบระหว่าง CCP และ KMT ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
สงครามกลางเมืองจีนกินเวลายาวนานและมีความซับซ้อน หนังสือทั้งเล่มยังอาจไม่พอที่จะบรรยายรายละเอียดทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ ทั้งสองฝ่ายไม่มีวันอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แม้ KMT จะเคยควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของจีนได้ แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะอุดมการณ์ของ CCP ที่ฝังรากลึกในชนบทได้
ในช่วงปีค.ศ.1948–1949 (พ.ศ.2491-2492) CCP กลับพลิกสถานการณ์ได้อย่างเหนือความคาดหมาย กองทัพของ CCP สามารถยึดเมืองใหญ่ต่างๆ จาก KMT
KMT ซึ่งนำโดย “เจียงไคเช็ก (Chiang Kai-shek)” จำเป็นต้องล่าถอยในปีค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) โดยขนทหารและผู้ภักดีลงใต้ และในที่สุดก็หลบหนีไปยัง “เกาะฟอร์โมซา (Formosa)” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ไต้หวัน”
เดิมที แผนของ KMT คือจะตั้งหลักที่ไต้หวันเพื่อรวมกำลังกลับไปตีโต้ฝ่ายแผ่นดินใหญ่ แต่สิ่งนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้น เช่นเดียวกัน ฝ่าย CCP ก็มีแผนจะยกพลข้ามไปยึดไต้หวันเพื่อกำจัด KMT ให้สิ้นซาก แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นเช่นกัน
เจียงไคเช็ก (Chiang Kai-shek)
ในช่วงปลายปีค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) CCP ได้ประกาศก่อตั้ง “สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China)” หรือ “PRC” หลังจากกวาดล้าง KMT ที่เหลืออยู่บนแผ่นดินใหญ่ ส่วน KMT ก็ประกาศตั้ง “สาธารณรัฐจีน (Republic of China)” หรือ ”ROC” บนเกาะไต้หวัน
ควรสังเกตว่าทั้ง KMT และ CCP ต่างก็เป็นพรรคชาตินิยมทั้งคู่ โดยทั้งสองพรรคเกิดขึ้นจากขบวนการชาตินิยมเหมือนกัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมทั้งสองฝ่ายจึงต่อต้านกัน โดยต่างเห็นว่าตนเองคือผู้ที่จะรวมชาติและนำพาจีนที่เข้มแข็งเข้าสู่อนาคต
ในยุค 50 (พ.ศ.2493-2502) “เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong)” เคยคิดที่จะรุกรานไต้หวันเพื่อยุติสงครามกลางเมืองจีนอย่างถาวร แต่ก็ไม่มีกองทัพเรือที่ทรงพลังมากพอ และเกรงว่าการบุกนั้นจะทำให้สหรัฐอเมริกาและสหประชาชาติไม่พอใจ
หลังสงครามเกาหลี นโยบายของสหรัฐอเมริกา คือการสกัดกั้นลัทธิคอมมิวนิสต์และหยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์ นำไปสู่สงครามนับครั้งไม่ถ้วน เหมาเจ๋อตุงจึงกลัวว่าการบุกไต้หวันอาจกระตุ้นให้สหรัฐอเมริกาตอบโต้เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในเกาหลี ซึ่งทำให้มีชาวจีนเสียชีวิตนับแสนคน
เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong)
สหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นแล้วว่ายินดีที่จะต่อสู้กับลัทธิคอมมิวนิสต์ในเอเชีย ทั้งในสงครามเกาหลีและเวียดนาม ดังนั้น การรุกรานไต้หวันจึงน่าจะถูกตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน
1
ดังนั้น แผนการนี้จึงต้องยั้งไว้
ในขณะเดียวกัน ฝ่าย KMT ก็หันมาสร้างป้อมปราการและจัดตั้งประเทศใหม่บนเกาะไต้หวัน ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการกลับมาทำสงครามกันอีกครั้ง แต่เมื่อสงครามเย็นยืดเยื้อและซับซ้อนมากขึ้น ความเป็นไปได้ที่จะรบกันอีกครั้งก็ลดลงเรื่อยๆ และสถานการณ์นี้ก็ดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้
บนแผ่นดินใหญ่มี CCP ปกครอง ส่วนบนเกาะไต้หวันมี KMTและ ROC ปกครอง
ทั้ง CCP และ KMT ก็ยังคงเป็นพรรคการเมืองหลักในดินแดนของตนเอง
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ปัจจุบันมี “จีนสองประเทศ” และนี่คือเหตุผลที่หลายประเทศทั่วโลกยึดนโยบาย “จีนเดียว (One China Policy)“ ซึ่งระบุว่ามีเพียง “ประเทศจีนเดียว” เท่านั้น และประเทศนั้นคือ “สาธารณรัฐประชาชนจีน”
เพราะสาธารณรัฐประชาชนจีนมีขนาดใหญ่กว่า มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทูตมากกว่า จึงสามารถกดดันให้ประเทศต่างๆ ยอมรับนโยบายจีนเดียวได้
1
สำหรับจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวันคือ “มณฑลที่แยกตัว” เป็น “ดินแดนกบฏ” เป็นเพียงเศษเสี้ยวสุดท้ายของสงครามกลางเมืองจีนที่ยังไม่ถูกจัดการให้สิ้น
แต่ประเทศอื่น โดยเฉพาะชาติตะวันตก กลับมองต่างออกไป พวกเขามองว่าไต้หวันคือประเทศอิสระที่เกิดขึ้นหลังสงครามกลางเมืองจีน
ไต้หวันเป็นประชาธิปไตย เป็นสังคมทุนนิยม มีสกุลเงินของตนเอง มีการเลือกตั้งของตนเอง มีรัฐบาลและกองทัพของตนเอง ไต้หวันเป็น “ประเทศ” ในทุกแง่มุม ยกเว้นเพียงการได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ในมุมมองนี้ การที่จีนจะบุกไต้หวันก็ถือเป็นการรุกรานที่ผิดกฎหมาย และเป็นการขยายอาณาเขตด้วยกำลังทหาร
แต่ในมุมมองของจีน การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่สงครามรุกราน แต่เป็นสงครามภายในเพื่อรวมชาติ
สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกจึงดำเนินนโยบายที่เรียกว่า “ความคลุมเครือเชิงยุทธศาสตร์ (strategic ambiguity)“ กล่าวคือ พวกเขาไม่ยืนยันชัดเจนว่าจะปกป้องไต้หวันหากถูกจีนบุก เพื่อให้จีนไม่กล้าเสี่ยงรุกราน และจนถึงตอนนี้ นโยบายนี้ก็ยังได้ผล
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา CCP และ KMT ต่างก็เคยเจรจากันมาหลายครั้ง ทั้งแบบลับและเปิดเผย แต่ระบบการเมืองแบบพรรคเดียวของ CCP ทำให้ไม่สามารถรับ KMT กลับมาได้ เพราะการยอมเช่นนั้นจะเท่ากับทำลายหลักการพรรคเดียวซึ่งเป็นรากฐานของการปกครองจีนในปัจจุบัน
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไต้หวันปฏิเสธการเจรจาเรื่องการรวมชาติกับจีน
รัฐบาลปักกิ่ง ก็แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าต้องการเห็นไต้หวันกลับคืนสู่แผ่นดินจีน ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีทางการเมือง การทูต การปิดล้อม หรือแม้แต่การรุกรานเต็มรูปแบบก็ตาม
ดังนั้น หลายคนจึงไม่ได้ถามว่า “จีนจะบุกไต้หวันหรือไม่?“ แต่ถามว่า “จีนจะบุกไต้หวันเมื่อไร?” มากกว่า
นี่คือเหตุผลว่าทำไมโลกจึงยังคงจับตามองไต้หวัน และทำไม คำถามเรื่องอธิปไตยและอัตลักษณ์ของชาติไต้หวัน จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน
นี่คือปัญหาทางการเมืองที่เริ่มก่อตัวตั้งแต่ปีค.ศ.1927 (พ.ศ.2470) ซึ่งไม่ได้รับการแก้ไขในปีค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) และยังคงค้างคามาจนถึงทุกวันนี้
จีนจะไม่มีวันยอมละทิ้งสิทธิ์ในไต้หวัน และไต้หวันจะไม่มีวันยอมรวมชาติกับจีนหากจีนยังถูกปกครองโดย CCP สาธารณรัฐประชาชนจีนก็จะไม่มีวันมองว่าตนเอง “สมบูรณ์” จนกว่าจะได้ไต้หวันกลับคืน
1
ดังนั้น คำถามนี้จึงยังคงอยู่ และจะยังคงอยู่ต่อไป จนกว่าจะมีทางออกถาวรไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
References:
https://grantpiperwriting.medium.com/the-china-taiwan-situation-in-laymans-terms-35e7f2f99692?source=list---------1-------predefined%3Af06bcd4c0010%3AREADING_LIST----------------------------
https://www.bbc.com/news/world-asia-china-59900139
https://edition.cnn.com/2022/05/24/china/china-taiwan-conflict-explainer-intl-hnk
https://www.cfr.org/backgrounder/china-taiwan-relations-tension-us-policy-trump
ประวัติศาสตร์
28 บันทึก
29
10
28
29
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย