7 ต.ค. เวลา 08:56 • ข่าว

"พัฒนา" จ่อของบกลาง 8 พันล. จ่าย รพ. ควบ "ฟอกไต"

ปลัด สธ.แจงฟอกไต "ทุกแห่ง" ไม่ใช่ "ทุกที่" เล็งจับศูนย์ไตเรียกเก็บเงิน
ในการประชุมบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2568 มีการพิจารณาเสนอของบกลาง 8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่จะจ่ายให้กับหน่วยบริการผ่านทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เพื่อให้เป็นทุนหมุนเวียนในการให้บริการกับประชาชน ซึ่งมีงบเรื่องฟอกไตด้วยนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า การฟอกไต เป็นไปตามบัญชานายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยจะฟอกไตทุกแห่งฟรีทั้งหมด และเข้มงวดเรื่องการวินิจฉัยและให้สิทธิคนไข้พิจารณาการรักษา ไม่ว่าจะเป็นวิธีล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis :PD) หรือฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis; HD) รวมถึงการปลูกถ่ายเปลี่ยนอวัยวะ
จริงๆ มีการหารือกับทีมสาธารณสุขว่า การฟอกไตเป็นการยืดอายุสำหรับคนรอเปลี่ยนถ่ายหรือปลูกถ่ายไต ซึ่งนโยบายตรงกันว่า ต้องมีการขยายผลการเปลี่ยนถ่ายไตด้วย โดยปีนี้จะต้องทำเพิ่มให้ได้ 2-3 เท่าของปีที่แล้ว
“เรื่องการเปลี่ยนถ่ายไต ก็ต้องมาหารือกันถึงการเดินหน้าในการสร้างความรู้ความเข้าใจ และกระตุ้นให้ผู้บริจาคมีความเข้าใจและหันมาบริจาคเพิ่มขึ้น โดยอาจต้องมีการหาแรงจูงใจต่างๆ เพื่อจัดการปัญหาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งย้ำว่า การฟอกไตเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การหายขาด คือ ต้องปลูกถ่ายไต” นายพัฒนากล่าว
เมื่อถามว่างบกลาง 8,000 ล้านบาท มีรายละเอียดหรือไม่ว่า ในส่วนของฟอกไตมีจำนวนเท่าไหร่นายพัฒนา กล่าวว่า จำรายละเอียดไม่ได้ แต่จะรวมค่าบริการอื่นๆด้วย
ถามถึงกรณีเครือข่ายหน่วยบริการ Provider ขอโอกาสเข้าหารือ รมว.สธ.ในฐานะประธานบอร์ดสปสช. เพื่อขอความช่วยเหลือปัญหางบบัตรทอง รพ.ขาดสภาพคล่องทางการเงิน นายพัฒนา กล่าวว่า เราไม่เคยปิดการเจรจาใดๆ ซึ่งหากเป็นการพูดคุยกันแล้ว มีความสร้างสรรค์ มีมุมมองในการแก้ปัญหา เรายินดี
"ปลัดสธ.ได้ทำชาร์ทไว้ดีมากถึงระบบโครงสร้างของโรงพยาบาล มีรายได้หลายทาง ภาพรวมยังมีความแข็งแรง ให้บริการได้อย่างดี เพียงแต่การจัดสรรงบประมาณช้าเร็ว หนักเบา ทางปลัดสธ.เตรียมจัดการให้ ไม่ต้องห่วง และเรื่องงบประมาณ ก็จะพยายามหาแหล่งรายได้อื่นๆ ที่ไม่เป็นภาระกับคนไข้ เพื่อยกระดับการให้บริการอัปเกรดยิ่งขึ้น" นายพัฒนากล่าว
ด้าน นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัด สธ. กล่าวว่า คนไข้เกือบ 1 แสนคน เป็นฟอกไตทางเลือดประมาณ 8 หมื่นกว่าคน ล้างไตทางหน้าท้อง 1 หมื่นคน โดยทั้งหมดจากนโยบายนายกฯ คือ การฟอกไตฟรีทุกคนฟรีทุกแห่ง และ สธ.จะร่วมกับสปสช.ในการให้ข้อมูลเรื่องนี้ รวมถึงสถานพยาบาลไหน มีการเก็บเงินค่าบริการจะลงตรวจสอบ และมีมาตรการทางกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่สถานพยาบาลเก็บเงินจะเป็นภาคเอกชน
ส่วนการเปลี่ยนถ่ายไตจะมีการประชุมกันเพื่อจัดระบบใหม่ ให้มีการเปลี่ยนถ่ายไตมากขึ้น จากเดิมปีละประมาณ 900 คนทั้งประเทศ โดย กทม.มากที่สุด 600 คน รัฐมนตรีให้เป้าหมายว่า ขยับเป็น 3,000-5,000  คนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าได้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นอานิสงส์มากสำหรับคนไข้ โดยความชัดเจนเรื่องนี้จะเกิดขึ้นใน 1-2 เดือนข้างหน้า และจะให้เป็นของขวัญปีใหม่ว่า ทำได้มากขึ้น
เมื่อถามว่าการฟอกไตทุกแห่ง ไม่ใช่ทุกที่ ใช่หรือไม่ นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า ใช่ เนื่องจากถ้าทุกที่ จะทำให้เข้าใจว่าไปที่ไหนก็ได้ แต่การบริการฟอกไต จำเป็นต้องมีความพร้อม ทั้งสถานที่ บุคลากร เครื่องมือเครื่องไม้ ต้องมีมาตรฐาน จึงต้องใช้คำว่า “ทุกแห่ง แต่ต้องครอบคลุมการเดินทางของประชาชน” ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้ครอบคลุมเกือบหมดแล้วตั้งแต่สมัยนายกฯ เป็นรมว.สาธารณสุข เพียงแต่บางที่ห่างไกลจริงๆ คนไข้ไม่เยอะ ก็จะใช้โลจิสติกส์คนไข้เข้ามารับบริการ ซึ่งการเข้าถึงนั้นถือว่าครอบคลุม
"ตอนนี้เน้นคุณภาพเพิ่มยิ่งขึ้น และต้องไม่เก็บเงิน โดยจะมีมาตรการทางกฎหมายออกมาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้" นพ.สมฤกษ์กล่าว
ทั้งนี้ จะมีทีมในการวินิจฉัยและอธิบายการรักษาแต่ละวิธีว่า แบบไหนเหมาะสมกับคนไข้ ซึ่งเราต้องสร้างความเข้าใจกับคนไข้ก่อนเป็นสำคัญ อย่างการฟอกเลือด ต้องมา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้ามาเพียง 1-2 ครั้งถือว่าไม่มีคุณภาพ สิ่งต่างๆต้องนำมาประเมินหมด ส่วนการล้างไตทางหน้าท้องก็ต้องได้รับข้อมูลทั้งหมด และให้คนไข้ตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ประชุมบอร์ดสปสช.มีพูดถึงค่าเดินทางของคนไข้ในการฟอกเลือดหรือไม่ นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเน้นเรื่องการบริการที่ไม่เก็บค่ารักษา และเรื่องมาตรการทางกฎหมายหน่วยบริการที่เก็บเงิน รวมถึงการันตีเรื่องคุณภาพมาตรฐานไม่ว่าวิธีใด ส่วนค่าเดินทางยังไม่ได้มีการหารือกัน
โฆษณา