9 ต.ค. เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์

📖 จิตวิญญาณแห่งแอฟริกา เรื่องเล่าโบราณที่กำลังสอนบทเรียนสำคัญให้โลกยุคใหม่

ทุกคนเคยสงสัยไหมครับ ว่าเรื่องเล่าที่เราฟังตอนเด็กๆ มันมาจากไหน และมันยังมีความหมายอะไรกับเราในวันนี้? ในทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่างแอฟริกา เรื่องเล่า ตำนาน และระบบความเชื่อนั้นมีมากมายและหลากหลายจนน่าทึ่ง เรื่องราวเหล่านี้ถือกำเนิดจากกลุ่มชาติพันธุ์นับไม่ถ้วน สะท้อนถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา
ลองนึกภาพชาว Akan ในกานา ที่มีเทพเจ้าแมงมุมนามว่า ‘Anansi’ หรือชาว Tuareg ชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายซาฮารา ที่มีวีรบุรุษในตำนานอย่าง ‘Anigouran’ เป็นศูนย์กลาง เรื่องราวเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ผ่าน มุขปาฐะ (Oral Tradition) หรือการเล่าเรื่องสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ในบางวัฒนธรรมของแอฟริกาตะวันตก นักเล่าเรื่องเหล่านี้เป็นที่รู้จักในนาม ‘Griots’ ผู้ทำหน้าที่รักษาประวัติศาสตร์ ตำนาน และนิทานพื้นบ้านของประชาชนผ่านบทเพลง และเพิ่งจะในศตวรรษที่ 19 นี่เองครับ ที่เรื่องราวเหล่านี้เริ่มถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
ทุกวันนี้ ตำนานเหล่านี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ภาพยนตร์อย่าง Black Panther (2018) ของ Marvel หรือซีรีส์ Doctor Who ก็ยังคงได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าและตัวละครของแอฟริกา แต่ Helen Nde ภัณฑารักษ์แห่งชุมชนออนไลน์ Mythological Africans เชื่อว่าพรมผืนใหญ่อันงดงามของนิทานพื้นบ้านนี้ยังสามารถสอนอะไรเราได้อีกมาก และนี่คือมุมมองของเธอครับ
📈 การขยายตัว ไม่ใช่การฟื้นคืนชีพ
The Osun-Osogbo festival
หลายคนอาจมองว่าความสนใจในตำนานแอฟริกันที่เพิ่มขึ้นในยุคนี้คือ ‘การฟื้นคืนชีพ’ แต่ Helen มองต่างออกไป เธอมองว่ามันคือ ‘การขยายตัว’ หรือการแพร่กระจายมากกว่า ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยเครื่องมือสื่อสารที่ดีขึ้นอย่างอินเทอร์เน็ต
เธอบอกว่า “ความสนใจมันมีอยู่ตลอด” แต่อาจจะถูกกลบไว้ด้วยอคติ ความเข้าใจผิด และความเคารพต่อประเพณีที่ยังคงมีชีวิตอยู่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวละครและเรื่องเล่ามากมายเหล่านี้เชื่อมโยงกับระบบความเชื่อทางจิตวิญญาณที่ยังคงมีการปฏิบัติกันอยู่
“ฉันเติบโตที่เมือง Buea เมืองเล็กๆ บนลาดเขา Fako ในแคเมอรูน แอฟริกาตะวันตก” Helen เล่า “ที่นี่เป็นเมืองคริสเตียนเป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกคนรู้จักชื่อ Efasa Moto ซึ่งเป็นเทพแห่งขุนเขา และเรารู้ว่าไม่ควรเอ่ยชื่อท่านอย่างไม่เคารพ” แม้หลังจากที่เธอย้ายไปสหรัฐอเมริกา เธอก็ยังได้ยินชื่ออย่าง Anansi หรือ Oshun และเทพเจ้าอียิปต์ต่างๆ อยู่เสมอ
แต่อินเทอร์เน็ตได้เข้ามาเปลี่ยนกระแสของข้อมูล ชื่อ แนวคิด และแนวปฏิบัติกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นจนถึงขั้นเป็นที่ถกเถียงในที่สาธารณะ เธอย้ำว่า “ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการมันอยู่ตรงนี้มาตลอด ชาวแอฟริกันในทวีปและพลัดถิ่นมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างความเข้าใจทางวัฒนธรรมผ่านการเล่าเรื่องมาโดยตลอด เพียงแต่ตอนนี้เรากำลังค้นพบหนทางที่จะทำมันในพื้นที่สาธารณะร่วมกับคนอื่นและคนทั้งโลกมากขึ้น”
🌍 แก่นร่วมในความหลากหลายอันน่าทึ่ง
Nurses and physicians from the American Zionist Medical Unit on camels in Egypt en route to Palestine in July 1918
แม้ตำนานและนิทานพื้นบ้านของทวีปแอฟริกาจะหลากหลายอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ Helen ก็ชี้ให้เห็นถึงแก่นเรื่องหรือแนวคิดร่วมที่น่าสนใจ ซึ่งพบได้ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก
  • กำเนิดแห่งความตาย: มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับที่มาของความตายที่ถูกบันทึกไว้กว่า 700 รูปแบบจากแทบทุกมุมของทวีป! เนื้อหามักคล้ายกันคือ มีสัตว์ตัวหนึ่งทำหน้าที่ส่งสารระหว่างสิ่งมีชีวิตสูงสุดกับมนุษย์
  • เทพสูงสุดบนท้องฟ้า: ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่อาศัยอยู่บนท้องฟ้าเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป เทพองค์นี้มักจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง รู้ทุกสิ่ง และมีอำนาจทุกอย่าง แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของมนุษย์ และมักจะมีเรื่องเล่าอธิบายว่าทำไมเทพสูงสุดจึงถอยห่างจากมนุษย์ ซึ่งบ่อยครั้งเป็นเพราะผู้หญิงทำบางอย่างที่ทำให้เทพขุ่นเคือง
  • วิญญาณพงไพร: หรือ ‘เจ้าแห่งผืนดิน’ เป็นเรื่องที่พบบ่อยมาก ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องเล่าเหล่านี้อธิบายถึงการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ของแอฟริกันต่างๆ กับชนเผ่าล่าสัตว์หาของป่าพื้นเมืองดั้งเดิมของแอฟริกาที่เกิดขึ้นระหว่างการขยายตัวของชาวบันตูและการอพยพอื่นๆ ความรู้เกี่ยวกับโลกธรรมชาติของชนเผ่าเหล่านี้เก่าแก่จนเกือบจะเรียกได้ว่ามหัศจรรย์ และที่น่าสนใจคือ การเผชิญหน้ากับ ‘วิญญาณพงไพร’ มักจะจบลงด้วยการที่มนุษย์ได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน
  • ผู้มอบนวัตกรรม (Trickster): มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตัวละครเจ้าเล่ห์คล้ายโพรมีธีอุส (อาจเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิต) ที่นำนวัตกรรมบางอย่างมาสู่ชุมชนมนุษย์
  • ตำนานอื่นๆ: ยังมีกลุ่มตำนานที่ว่าด้วยการที่ผู้ชายได้รับความรู้และพลังจากผู้หญิง, ตำนานมนุษย์คนแรกที่มาจากท้องฟ้า, ตำนานเกี่ยวกับวิญญาณงูผู้มีเมตตา โดยเฉพาะงูหลามซึ่งเป็นที่เคารพบูชาทั่วทั้งทวีป และตำนานการก่อตั้งอาณาจักรที่มักเริ่มต้นด้วยข้อพิพาทเรื่องการสืบทอดอำนาจที่รุนแรง จนทำให้ผู้คนแตกกลุ่มและติดตามผู้นำที่ตนต้องการไปยังดินแดนอื่น
🗺️ ความต่างที่เกิดจากภูมิศาสตร์และอิทธิพลภายนอก
Tunde King, father of juju music in Nigeria
แล้วอะไรที่ทำให้ตำนานในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน? คุณ Helen อธิบายว่าความหลากหลายเกิดขึ้นจากความแตกต่างทางภูมิศาสตร์, ปรัชญา และการเผชิญหน้ากับอิทธิพลจากภายนอก
ตัวอย่างเช่น ในแอฟริกาเหนือยอดเขาสูงที่ห่างไกลมักเป็นสถานที่แห่งความลึกลับและการเผชิญหน้าในตำนาน แต่เมื่อคุณลงใต้มา สถานที่สำคัญก็จะเปลี่ยนไป สำหรับชาว Tuareg ที่ใช้ชีวิตเดินทางข้ามทะเลทรายซาฮารา ความว่างเปล่าที่เงียบงันและโหดร้ายของทะเลทรายคือสถานที่แห่งตำนานและความลึกลับ
เมื่อคุณเข้าสู่ป่าในแอฟริกาตะวันตกและตอนกลาง สถานที่ก็จะเปลี่ยนเป็นความมืดมิดและอันตรายในป่าลึก สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งหรือริมแม่น้ำใหญ่ ภูมิทัศน์ทางภูมิศาสตร์เหล่านี้และความสัมพันธ์ที่ผู้คนมีต่อมัน จะเข้ามามีอิทธิพลอย่างสูงต่อมุขปาฐะของพวกเขา
อีกหนึ่งความแตกต่างที่น่าสนใจคือ นิทานพื้นบ้านเกี่ยวกับวิญญาณแห่งสายน้ำของชายฝั่งแอฟริกาตะวันตกได้รับอิทธิพลจากนิทานพื้นบ้านยุโรปหลังจากการค้าขายมานานหลายศตวรรษ ทำให้ภาพของวิญญาณแห่งสายน้ำหลายแห่งกลายเป็นนางเงือกที่มีหางเป็นปลา ในขณะที่ลึกเข้าไปในแผ่นดินและในแอฟริกาตะวันออกและตอนใต้ วิญญาณแห่งสายน้ำมักจะมีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานมากกว่า เช่น จระเข้หรืองู
ในทำนองเดียวกัน ในแอฟริกาเหนือ นิทานพื้นบ้านเกี่ยวกับธรรมชาติและวิญญาณบรรพบุรุษได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลามและความใกล้ชิดกับยุโรปตอนใต้ ในขณะที่ส่วนอื่นๆ ของแอฟริกาที่ศาสนาคริสต์แพร่หลายและมักจะมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรต่อแนวคิดเกี่ยวกับธรรมชาติและความเชื่อเรื่องบรรพบุรุษ สิ่งนี้ก็ปรากฏในนิทานพื้นบ้านเช่นกัน
🦹 Enfant Terrible: วายร้ายอัจฉริยะแห่งโลกนิทาน
Tokolosh Mask
เมื่อถามถึงเรื่องโปรด คุณ Helen บอกว่าเธอไม่มีเรื่องโปรด แต่มีประเภทของนิทาน ที่ชอบเป็นพิเศษ นั่นคือเรื่องราวของตัวละครในตำนานแอฟริกันที่เรียกว่า ‘Enfant Terrible’ (อองฟองต์ แตรีบล์ - ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า เด็กเจ้าปัญหา)
“Enfant Terribles นิยามได้ยากมากครับ” เธออธิบาย “พวกเขาเป็นทั้งฮีโร่และวายร้าย, ทั้งผู้ทำลายและผู้รักษาสถานะเดิม, ทั้งผู้ที่ฉลาดที่สุด, เจ้าเล่ห์ที่สุด และก็โง่เขลาที่สุดในเวลาเดียวกัน” พวกเขาเป็นตัวละครที่ซับซ้อนกว่าพวก Trickster ทั่วไป เธอนิยามพวกเขาว่าเป็นเหมือน ‘อนุภาคควอนตัมแห่งนิทานพื้นบ้านแอฟริกัน’ ที่ปรับเปลี่ยนไปตามบทบาทที่ชุมชนต้องการเพื่อนำทางผ่านความท้าทายต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่
เรื่องราวของ Enfant Terrible โดยทั่วไปจะเริ่มต้นด้วยการเกิดที่เป็นมงคล แล้วดำเนินไปสู่พัฒนาการของพวกเขาจากเด็กที่ฉลาดเกินวัย (หรือมีความสามารถในด้านที่ไม่ดีอื่นๆ) ไปสู่ผู้ใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงชุมชนของตนอย่างสิ้นเชิง
💡 บทเรียนแห่งการปรับตัวและขีดจำกัด
Audience members take in the play from the Mosaic Youth Theatre, Mwindo. at the Three Mile Munich Park. Image courtesy of Jim West
“ฉันรักที่ Enfant Terribles ไม่ยึดติดกับบทบาทใดบทบาทหนึ่ง” คุณ Helen กล่าว “ตำนานและนิทานพื้นบ้านอาจจะค่อนข้างตายตัวในการกำหนดลักษณะของตัวละคร... แต่ Enfant Terribles และเรื่องราวของพวกเขาที่เอาชนะอุปสรรค (หรือแค่ฉีกกฎของเกมทิ้ง) ได้มอบบางสิ่งที่แตกต่างออกไป นั่นคือ การปรับตัว (Adaptability)”
เธอเชื่อว่า หากมีสิ่งใดที่เราในฐานะมนุษย์ยุคใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้ สิ่งนั้นก็คือการปรับตัวนี่แหละครับ แต่เรื่องราวของ Enfant Terrible ยังสอนเรื่อง ขีดจำกัด (Limits) ด้วย แนวคิดที่ว่าทุกสิ่งต้องหมุนเวียนผ่านกระบวนการเกิดขึ้นและดับไป เมื่อสมดุลต้องกลับคืนมา พวกเขาอาจจะจบลงด้วยการได้รับการยกย่องเป็นผู้ปกครองหรือเทพเจ้า หรือไม่ก็ตาย แต่บทเรียนที่ถูกต้องจะต้องถูกเรียนรู้เสียก่อน มิฉะนั้น Enfant Terrible คนใหม่ก็จะปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อทำงานให้สำเร็จ!
🤝 สิ่งที่เราทุกคนสามารถเรียนรู้ได้
Zelouaz, Algeria dancers perform on the last day of the Sebeiba festival in Djanet, a southeastern Algerian oasis town in the Sahara desert, on July 6, 2025.
คุณ Helen มองว่าตำนานและนิทานพื้นบ้านคือความพยายามครั้งแรกสุดและต่อเนื่องของมนุษย์ในการทำความเข้าใจความลึกลับของชีวิต มันเป็นหนึ่งในหลายสิ่งที่มนุษย์ทุกชุมชนมีร่วมกันข้ามกาลเวลาและสถานที่
“ฉันคิดว่าการอ่าน, ชื่นชม และวิเคราะห์เรื่องราวที่มาจากทวีปแอฟริกา จะทำให้ผู้คนจากส่วนอื่นๆ ของโลกสามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นถึงความเป็นมนุษย์ที่เรามีร่วมกัน และได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าความสัมพันธ์ของเราจะพัฒนาไปได้อย่างไร” เธอกล่าว
ตำนานเกี่ยวกับสามัญชนผู้กล้าหาญและผู้ปกครองที่ชั่วร้าย ตอกย้ำถึงชะตากรรมร่วมกันของมนุษย์ เรื่องราวเกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งความขาดแคลนและความทุกข์ยากมอบบทเรียนที่อมตะ และตำนานที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของภูมิทัศน์ทางภูมิศาสตร์สามารถเป็นข้อมูลและผนึกกำลังความพยายามในการอนุรักษ์ได้
✨ แรงบันดาลใจสำหรับวันนี้และอนาคต
Anansi by Pamela Colman Smith, 1899
สำหรับชาวแอฟริกันร่วมสมัย คุณ Helen เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า “การศึกษาและวิเคราะห์เรื่องราวเหล่านี้ช่วยให้ฉันเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับชะตากรรมและศักยภาพของทวีปและผู้คน การซ้อนทับนิทานพื้นบ้านลงบนประวัติศาสตร์เปรียบเสมือนการเติมเครื่องปรุงที่ใช่ในปริมาณที่พอเหมาะลงในมื้ออาหาร ฉันสามารถชื่นชมรสชาติและเนื้อสัมผัสได้ดีขึ้น”
เรื่องราวเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเชื่อและทำในสิ่งที่พวกเขาทำ มันอธิบายว่าทำไมขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมทางวัตถุบางอย่างถึงมีอยู่ มันเปิดเปลือยหัวใจและความคิดของชาวแอฟริกัน
และท้ายที่สุด ตำนานเหล่านี้จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้อย่างไร? คุณ Helen ทิ้งท้ายไว้อย่างสวยงามว่า “ถ้าประวัติศาสตร์บันทึกเรื่องราวของผู้ชนะ ตำนานและนิทานพื้นบ้านจะบอกเล่าเรื่องราวจากมุมมองของคนอื่นๆ ที่เหลือ”
เราต้องจำไว้ว่ามุขปาฐะไม่ได้มีแค่นิทาน แต่ยังมีสุภาษิต, ปริศนาคำทาย, เรื่องตลก และบทเพลง ทั้งหมดนี้คือสื่อที่มนุษย์เทหัวใจและความคิดของตนลงไป การศึกษามันอย่างใกล้ชิดและเปิดใจเรียนรู้ คือหนทางที่มีความเสี่ยงต่ำในการทำความเข้าใจชีวิตจากมุมมองของผู้อื่น และความเข้าใจนี้คือเส้นทางที่แน่นอนสู่ความปรองดอง
🏡 จากแอฟริกาสู่บริบทไทย
เรื่องราวของคุณ Helen ทำให้เราย้อนกลับมามองมรดกทางวัฒนธรรมของไทยได้เป็นอย่างดีครับ ประเพณีมุขปาฐะของแอฟริกาที่ส่งผ่านโดย ‘Griots’ นั้น มีความคล้ายคลึงกับศิลปะการเล่าเรื่องของไทยอย่าง ‘การขับเสภา’ หรือ ‘หมอลำ’ ในภาคอีสาน ที่ไม่เพียงให้ความบันเทิง แต่ยังทำหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์ วรรณกรรม และค่านิยมของชุมชนสืบต่อกันมา
ตัวละครอย่าง ‘ศรีธนญชัย’ ของเราก็มีมิติที่ซับซ้อน คล้ายกับตัวละคร Trickster ที่พบได้ในหลายวัฒนธรรมเช่นกัน การกลับไปศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องเล่าเหล่านี้ อาจทำให้เราค้นพบ ‘หัวใจและความคิด’ ของบรรพบุรุษเราเอง เหมือนที่คุณ Helen ค้นพบจากตำนานแอฟริกันก็เป็นได้ครับ
💬 ชวนคิดชวนคุย
มีนิทานหรือตำนานเรื่องไหนที่คุณเคยฟังตอนเด็กๆ และยังคงมีความหมายกับคุณจนถึงทุกวันนี้บ้างครับ?
มาร่วมแบ่งปันกันได้นะครับ
🔎 แหล่งอ้างอิง
เนื้อหาทั้งหมดเรียบเรียงและถ่ายทอดจากบทสัมภาษณ์ของ Helen Nde ในบทความ "African Folklore"
🙏 สนับสนุนการสร้างสรรค์เนื้อหา
ทุกตัวอักษรในบทความนี้ถูกสร้างขึ้นจากความตั้งใจที่จะมอบความรู้ในรูปแบบที่เข้มข้นและเข้าถึงง่ายที่สุดครับ ผมทำงานนี้ด้วยตัวคนเดียว และทุกการสนับสนุนจากคุณคือกำลังใจสำคัญที่ทำให้ผมสามารถผลิตผลงานคุณภาพแบบนี้ต่อไปได้
หากคุณชื่นชอบและอยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างพื้นที่ความรู้ดีๆ แบบนี้ สามารถสนับสนุนผมได้ผ่านช่องทาง... [https://ezdn.app/witlyofficial]
ขอบคุณจากใจจริงครับ
โฆษณา