🧬 ก้าวแรกสู่การสร้าง ‘ไข่’ จากเซลล์ผิวหนัง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือน ‘ยังห่างไกลความจริง’
การมีลูกที่สืบสายเลือดจากพ่อแม่ทั้งสองคน คือความฝันของใครหลายๆ คู่ แต่สำหรับคู่รักเพศเดียวกัน หรือผู้หญิงที่มีปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถผลิตเซลล์ไข่ได้ ความฝันนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้... แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าในอนาคต เราสามารถสร้าง “เซลล์ไข่” ขึ้นมาจากเซลล์ผิวหนังได้?
วันนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ขยับเข้าใกล้จินตนาการนั้นไปอีกหนึ่งก้าวใหญ่ ด้วยการสร้างตัวอ่อนมนุษย์ได้สำเร็จจากเซลล์ไข่ที่บรรจุ DNA ของเซลล์ผิวหนังผู้ใหญ่ แม้จะยังเป็นเพียงก้าวแรกที่เต็มไปด้วยอุปสรรค แต่มันก็ได้เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ที่อาจพลิกโฉมวงการแพทย์ด้านการเจริญพันธุ์ไปตลอดกาล
🧪 ความท้าทาย: ลดจำนวนโครโมโซมลงครึ่งหนึ่ง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่านี่ไม่ใช่การโคลนนิ่ง การโคลนนิ่งคือการสร้างสิ่งที่เหมือนต้นแบบทุกประการ แต่เป้าหมายของงานวิจัยนี้คือการสร้างทารกที่มีการผสมผสานยีนของคนสองคน ซึ่งต้องอาศัยสเปิร์มและเซลล์ไข่
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือ เซลล์ร่างกายของเรา เช่น เซลล์ผิวหนัง จะมีโครโมโซมอยู่ 46 แท่ง แต่เซลล์สืบพันธุ์อย่างสเปิร์มและไข่ จะต้องมีโครโมโซมเพียง 23 แท่ง เพื่อที่เมื่อปฏิสนธิกันแล้วจะได้ทารกที่มี 46 แท่งตามปกติ คำถามคือ เราจะ “สั่ง” ให้เซลล์ผิวหนังลดจำนวนโครโมโซมของตัวเองลงครึ่งหนึ่งได้อย่างไร?
🍃 เลียนแบบกลไกธรรมชาติ
ชูคราต มิตาลิปอฟ (Shoukhrat Mitalipov) และทีมงานสงสัยว่า พวกเขาจะสามารถ “หลอก” ให้เซลล์ไข่ที่ถูกนำนิวเคลียสออกไปแล้ว ใช้กลไกตามธรรมชาติของมันเพื่อลดจำนวนโครโมโซมของเซลล์ผิวหนังที่ใส่เข้าไปใหม่ได้หรือไม่
พวกเขาจึงทำการทดลองดังนี้:
1. นำนิวเคลียสออกจากเซลล์ไข่หลายร้อยใบที่ได้รับบริจาคมา
นำนิวเคลียสจากเซลล์ผิวหนังของผู้บริจาคหญิงคนหนึ่งใส่เข้าไปแทน
ฉีดสเปิร์มจากผู้บริจาคชายเพื่อทำการปฏิสนธิ
ในตอนแรก กระบวนการกลับหยุดชะงัก โครโมโซมเรียงตัวเตรียมพร้อม แต่ไม่ยอมแยกออกจากกัน... แต่ทีมวิจัยไม่ยอมแพ้ พวกเขาลองใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้ได้เพิ่ม “ตัวกระตุ้น” สองอย่างที่เลียนแบบสัญญาณตามธรรมชาติเข้าไป นั่นคือ การใช้กระแสไฟฟ้าพัลส์ (เพื่อจำลองการสัมผัสของสเปิร์ม) และ การใช้ยาเพื่อปลุกให้เซลล์ไข่ตื่นตัว
และมันก็ได้ผล! ทีมวิจัยสามารถทำให้เซลล์ไข่ที่ถูกดัดแปลงนี้ แบ่งโครโมโซมของเซลล์ผิวหนังลงได้สำเร็จ และในท้ายที่สุด 9% ของไข่ที่ปฏิสนธิได้พัฒนาไปเป็น บลาสโตซิสต์ (blastocysts) หรือตัวอ่อนในระยะแรกสุด (ประมาณ 5-6 วันหลังปฏิสนธิ)
🌫️ ความหวังที่ยัง “ห่างไกลความจริง”
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความสำเร็จในขั้นทดลอง ทีมวิจัยยังไม่ได้พยายามนำตัวอ่อนนี้ไปฝังในมดลูก และที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาพบว่าโครโมโซมที่หลงเหลืออยู่นั้น มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาทางพันธุกรรม
มิตสึโนริ ไซโต (Mitinori Saitou) จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ ให้ความเห็นอย่างหนักแน่นว่า “ผมรู้สึกว่าแนวทางนี้ในปัจจุบัน ยังดิบเกินไปมากที่จะนำมาพิจารณาเพื่อประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์”
🏡 มองอนาคตการเจริญพันธุ์ในประเทศไทย
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์อย่าง IVF เป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย แม้ว่างานวิจัยนี้จะยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นและห่างไกลจากการใช้งานจริง แต่ก็ถือเป็นแสงแห่งความหวังอันไกลๆ สำหรับคู่รักชาวไทยจำนวนมากที่เผชิญกับภาวะมีบุตรยาก
ในอนาคต หากเทคโนโลยีนี้สามารถพัฒนาจนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มันอาจมอบทางเลือกใหม่ให้กับครอบครัวทุกรูปแบบ รวมถึงคู่รัก LGBTQ+ ในไทย ที่จะสามารถมีบุตรที่สืบสายเลือดจากทั้งสองฝ่ายได้ ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติแนวคิดเรื่องการสร้างครอบครัวอย่างแท้จริง
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ก้าวแรกที่สำคัญ: นักวิทยาศาสตร์สร้างตัวอ่อนมนุษย์ระยะแรก (Blastocyst) ได้สำเร็จ โดยใช้ DNA จากเซลล์ผิวหนังใส่เข้าไปในเซลล์ไข่
✅ เลียนแบบธรรมชาติ: ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการใช้เทคนิค “หลอก” เซลล์ไข่ให้เริ่มกระบวนการแบ่งโครโมโซมตามธรรมชาติ โดยใช้ไฟฟ้าและยากระตุ้น
✅ ยังไม่พร้อมใช้งานจริง: เทคนิคนี้ยังมีอัตราความสำเร็จต่ำ (9%) และที่สำคัญคือตัวอ่อนที่ได้ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาทางพันธุกรรม
✅ อนาคตที่ต้องจับตา: แม้จะยังห่างไกล แต่เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพที่จะปฏิวัติวงการแพทย์ด้านการเจริญพันธุ์ และมอบความหวังให้กับผู้มีบุตรยากและคู่รักเพศเดียวกันในอนาคต
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลองและมีประเด็นด้านจริยธรรมที่ต้องถกเถียงอีกมาก แต่คุณคิดว่าเทคโนโลยีเช่นนี้เปิด ‘ความหวัง’ หรือ ‘ความกังวล’ ให้กับสังคมของเรามากกว่ากันครับ?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🧬 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ร่วมทึ่งไปกับอนาคตของการสร้างครอบครัวด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Marti Gutierrez, N., et al. (2025). Induction of experimental cell division to generate cells with reduced chromosome ploidy. Nature Communications. https://doi.org/g95gvx
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
ผมตั้งใจทำเนื้อหาเชิงสารคดีในเพจนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างพื้นที่แห่งความรู้ที่เข้มข้นและเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เนื้อหาทุกชิ้นเกิดขึ้นจากการค้นคว้าและเรียบเรียงอย่างสุดความสามารถโดยไม่มีองค์กรใดสนับสนุน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนเมษายน ผมมีความสุขที่ได้แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ และใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวในการดำเนินงานมาโดยตลอดด้วยความเต็มใจ แต่เมื่อเพจยังไม่มีรายได้เข้ามาเลย การที่จะสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ต่อไปในระยะยาวก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นทุกที
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
