แต่การเปลี่ยนแปลงที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ รุนแรงและรวดเร็วกว่าครั้งไหน ๆ เรากำลังก้าวข้ามจากยุค Digital Disruption ไปสู่ AI Disruption อย่างเต็มตัว
หลักการสำคัญที่เราต้องยึดไว้ให้มั่นคือ "เราต้องเป็นผู้ใช้ AI อย่าปล่อยให้ AI ใช้เรา" เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ควบคุมมัน และไม่ตกเป็นทาสของข้อมูลที่มันป้อนให้โดยไม่รู้ตัว
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันทราฟฟิกบนเว็บไซต์สื่อกว่า 63% ไม่ได้มาจากมนุษย์ แต่มาจาก AI ที่เข้ามาเก็บข้อมูล (Information Scraping)
นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้การสร้างคอนเทนต์ต้องเปลี่ยนจากการทำเพื่อ SEO (Search Engine Optimization) ให้คนค้นหา มาเป็นการทำเพื่อให้ AI อ่านและเรียนรู้
ทางรอดของมนุษย์: ยึดมั่นในหลักการ "Human in the Loop"
เมื่อ AI สามารถเข้ามาแทรกแซงกระบวนการผลิตคอนเทนต์ได้ตั้งแต่การคิดคอนเซ็ปต์ ร่างสคริปต์ ไปจนถึงการสร้าง "อวตาร" (Avatar) ขึ้นมาพูดแทนเราได้อย่างแนบเนียน คำถามสำคัญคือบทบาทของมนุษย์อยู่ตรงไหน?
แม้แต่งานที่เคยต้องการทักษะสูงและมีรายได้มหาศาลอย่าง Data Engineer หรือ Data Scientist ก็กำลังถูกเปลี่ยนบทบาท จากเดิมที่ต้องออกแบบโครงสร้างข้อมูลที่ซับซ้อน ปัจจุบันหน้าที่หลักของมนุษย์กลับกลายเป็นการ "ป้อนข้อมูลและควบคุม AI" ให้ทำงานตามที่ต้องการ
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ ทางรอดเดียวของมนุษย์คือการยึดมั่นในหลักการ "Human in the Loop" (HITL) ซึ่งหมายความว่ามนุษย์จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานของ AI เสมอ โดยมีหัวใจสำคัญ 3 ประการ:
1. การป้อนข้อมูล (Input): มนุษย์ต้องเป็นผู้คัดเลือกและป้อนข้อมูลที่มีคุณภาพให้ AI เรียนรู้ ไม่ใช่ปล่อยให้ AI ไปหาข้อมูลมาเองอย่างไร้การควบคุม
2. การตรวจทาน (Review): ก่อนนำผลลัพธ์ที่ได้จาก AI ไปใช้งาน มนุษย์ต้องทำหน้าที่ตรวจทานความถูกต้องและความเหมาะสมเสมอ
3. การตัดสินใจขั้นสุดท้าย (Final Decision): มนุษย์ต้องเป็นผู้ตัดสินใจ "คนสุดท้าย" ก่อนที่จะกดปุ่ม Enter เพื่อเผยแพร่ข้อมูลนั้นออกไปสู่สาธารณะ
ท้ายที่สุดแล้ว AI ได้เรียนรู้พฤติกรรมของเราและสร้าง "ห้องเสียงสะท้อน" (Echo Chamber) ที่คอยกล่อมเกลาให้เราเชื่อในสิ่งที่มันป้อนให้ซ้ำ ๆ สิ่งสำคัญที่สุดจึงไม่ใช่แค่การใช้ AI ให้เป็น แต่คือการ "รู้เท่าทัน" ทั้งสื่อและ AI