9 ต.ค. เวลา 23:41 • ข่าว

💡 สปริงเกลอร์คอนโดเก่า: ทำไมถึงไม่ทำงาน? 3 คำถามที่คุณต้องหาคำตอบก่อนไฟไหม้!

จากเหตุการณ์เพลิงไหม้คอนโด 38 ชั้น ย่านปิ่นเกล้า (9 ต.ค. 2568) ที่พบว่าระบบเตือนภัยทำงาน แต่สปริงเกลอร์กลับไม่ทำงาน ทำให้ลูกบ้านหลายร้อยคนต้องเผชิญกับควันหนาและติดค้างภายในอาคาร นี่คือสัญญาณอันตรายที่ตอกย้ำว่า ความปลอดภัยในคอนโดเก่าหรือตึกสูงที่สร้างมานาน อาจกำลังมีช่องโหว่ร้ายแรงที่มองไม่เห็น!
หลายคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมทั้งเก่าและใหม่ อาจกำลังสงสัยว่า "แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสปริงเกลอร์ในห้องของเราใช้งานได้จริง?"
เนื่องจากการทดสอบสปริงเกลอร์ในห้องพักโดยตรงนั้นไม่สามารถทำได้ (เพราะจะทำให้น้ำท่วมห้อง) เราจึงต้องหาวิธี "ประเมินความเสี่ยง" และ "ตรวจสอบระบบโดยรวม" เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย บทความนี้จะนำคุณไปสู่คำตอบที่ชัดเจนและสิ่งที่ต้องทำ ผ่าน 3 คำถามสำคัญที่คุณต้องรีบหาคำตอบจากนิติบุคคล
🔎 คำถามที่ 1: ทำไมสปริงเกลอร์ในห้องถึงไม่ทำงาน ทั้งที่ระบบส่วนกลางผ่านการทดสอบ?
การตรวจสอบประจำปีส่วนใหญ่เน้นที่ ระบบปั๊มน้ำ และ สัญญาณเตือน แต่ปัญหาที่แท้จริงมักซ่อนอยู่ที่ หัวสปริงเกลอร์ (Sprinkler Head) ในห้องพักของคุณเอง
1. การทาสีทับกระเปาะแก้ว: ปัญหาอันดับหนึ่งที่ร้ายแรงสุด!
หัวสปริงเกลอร์ที่พบในคอนโดส่วนใหญ่คือแบบ กระเปาะแก้ว (Glass Bulb) ซึ่งอาศัยหลักการทางฟิสิกส์ในการทำงาน:
--- กลไกปกติ: ของเหลวภายในกระเปาะจะ ขยายตัว เมื่อได้รับความร้อน และจะ แตกออก เมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด (ปกติ 68°C หรือ 155°F) ทำให้น้ำพุ่งออกมา
--- เมื่อถูกทาสีทับ: ชั้นสีทำหน้าที่เป็น ฉนวนกันความร้อน ขัดขวางการถ่ายเทความร้อนจากไฟไปยังของเหลวภายในกระเปาะแก้ว ทำให้กระเปาะ ไม่แตก หรือ แตกช้ามาก จนไฟลามไปไกลแล้ว นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของสปริงเกลอร์ที่ไม่ทำงาน!
2. การอุดตันของสนิมและตะกอน
ในท่อเก่าที่ติดตั้งมานานกว่า 10 ปี อาจมี สนิมหรือตะกอน สะสมอยู่ เมื่อถึงเวลาใช้งานจริง ตะกอนเหล่านี้จะไป อุดตันช่องทางน้ำ ที่หัวสปริงเกลอร์ ทำให้แรงดันน้ำสูงแต่ไม่มีน้ำออกมา หรือน้ำไหลออกมาน้อยเกินกว่าจะดับไฟได้
3. ความเสียหายภายนอกที่มองไม่เห็น
หัวสปริงเกลอร์อาจได้รับความเสียหายจากการ กระแทก เล็กน้อย หรือมี ใยแมงมุม/ฝุ่นหนา เกาะปิดบัง จนทำให้กลไกการกระจายน้ำทำงานไม่สมบูรณ์
🛠️ คำถามที่ 2: ในฐานะลูกบ้าน เราจะตรวจสอบสปริงเกลอร์ในห้องเองได้อย่างไร?
คุณสามารถทำ "การตรวจสอบด้วยสายตา" ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อลดความเสี่ยง 90% ของปัญหา:
ตรวจสอบสี: หัวสปริงเกลอร์และกระเปาะแก้ว ต้องไม่มีร่องรอยการทาสีทับ และต้องมีสีใสสะอาดตามมาตรฐาน (ปกติสีแดงหรือสีส้ม) หากพบการทาสีทับ ให้รีบ แจ้งนิติบุคคลเพื่อเปลี่ยนหัวใหม่ทันที
กระเปาะต้องมองเห็นสีแดง (กล้องถ่ายภาพจากมือถือซูมเข้าไปจ้า) เพื่อทำให้ความร้อนจากเหตุไฟไหม้ถูกถ่ายโอนไปที่ของเหลวด้านในจนเกิดการขยายตัวและแตกออก ทำให้น้ำถูกปล่อยออกมาเพื่อดับไฟ
ไม่มีสิ่งกีดขวาง: ตรวจสอบว่า ไม่มีสิ่งของใด ๆ ห้อยหรือวางอยู่ใกล้หัวสปริงเกลอร์ในระยะ 45 เซนติเมตร (18 นิ้ว) รอบทิศทาง เพราะสิ่งกีดขวางจะทำให้น้ำกระจายตัวไม่ถึงเพลิงไหม้
สังเกตความสมบูรณ์: ดูว่าหัวสปริงเกลอร์ ไม่บิ่น ไม่ร้าว และไม่โยกคลอน หากพบรอยกัดกร่อนหรือคราบน้ำ ให้แจ้งช่างมาตรวจสอบรอยรั่วทันที
👷 คำถามที่ 3: ต้องเรียกร้องให้นิติบุคคลดำเนินการบำรุงรักษาเชิงป้องกันอะไรบ้าง?
การดูแลที่ยั่งยืนคือ การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) ที่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และคุณมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้มีการดำเนินการเหล่านี้:
การทดสอบระบบส่วนกลางประจำปี: นิติบุคคลต้องพิสูจน์ได้ว่าได้มีการเปิด วาล์วทดสอบ (Test Valve) ประจำชั้น เพื่อจำลองการไหลของน้ำและยืนยันว่า ปั๊มน้ำดับเพลิงยังคงทำงานได้ เครื่องและ สัญญาณเตือน (Alarm Bell) จะดังขึ้นทันทีเมื่อเกิดไฟไหม้
แผนการเปลี่ยนหัวตามอายุ: เรียกร้องให้มีแผน สุ่มเปลี่ยนหัวสปริงเกลอร์เก่า (โดยเฉพาะหัวที่มีอายุเกิน 15-20 ปี) ตามมาตรฐาน และนำหัวเก่าไปตรวจสอบการอุดตันในห้องปฏิบัติการอย่างจริงจัง
การล้างระบบ (Flushing): สอบถามว่ามีการ ล้างทำความสะอาดท่อ (Pipe Flushing) ตามวาระหรือไม่ เพื่อกำจัดสนิมและตะกอนที่สะสมอยู่ในระบบท่อเก่า
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคุณเริ่มต้นที่การตั้งคำถาม อย่าปล่อยให้ความปลอดภัยของระบบดับเพลิงอยู่ในสถานะ "ไม่รู้ว่าใช้งานได้จริงไหม" จงทำหน้าที่เป็นลูกบ้านที่ตื่นตัว และเรียกร้องมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดจากผู้ดูแลอาคารของคุณ!
#ไฟไหม้คอนโด #สปริงเกลอร์ไม่ทำงาน #ความปลอดภัยในอาคาร #FireSafety #คอนโดเก่า
โฆษณา