11 ต.ค. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แบรนด์บริษัทเภสัชภัณฑ์ชื่อดังที่หลาย ๆ คนมีติดบ้านไว้

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" แบรนด์บริษัทเภสัชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ชื่อดังก้องโลกเพิ่งจะได้รับคำตัดสินจากศาลให้จ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลกว่า 966 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ครอบครัวของนางเม มัวร์ ผู้ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดอักเสบอันมีสาเหตุมาจากหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันอย่าง แป้งเด็กที่ใคร ๆ ก็เคยใช้ โดยกล่าวอ้างว่าในแป้งเด็กดังกล่าวมีส่วนผสมที่เป็นเส้นใยของแร่ใยหิน
2
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เชื่อว่าคนไทยเราหลาย ๆ คนก็คงจะคุ้นชินกับชื่อแบรนด์นี้กันมากพอสมควร หรือบางทีในบ้านของหลาย ๆ คน ณ ปัจจุบันนี้ก็อาจจะยังมีผลิตภัณฑ์ที่จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นเจ้าของร่วมเก็บไว้ในบ้านอยู่บ้าง ที่เรารู้จักกันดีก็อย่างเช่นยาไทลินอล หรือน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน เป็นต้น
โดยจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนับว่า เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เก่าแก่อายุหลักร้อยปีที่อยู่คู่โลกของเรามานานอยู่เหมือนกัน All About History สัปดาห์นี้จึงจะขอพาไปรู้จักกับเรื่องราวความเป็นมาของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บริษัทของสามพี่น้องที่ปรารถนาให้วงการเภสัชก้าวไปไกลได้กว่าที่เคยเป็น
⭐ เพราะอุปกรณ์ปลอดเชื้อ ช่วยคนได้มากกว่าที่คิด
สุขภาพและอนามัยของผู้คนในอดีต นับว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราพูดได้ว่าไม่ได้ดีเยี่ยมมากนัก โดยถ้าเราย้อนกลับไปในอเมริกาช่วงกลายศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา เราจะพบเห็นถึงกิจกรรมการพยายามรณรงค์เรื่องความสะอาดและสภาพแวดล้อมตลอดจนสุขอนามัยที่ดีเสมอมา
เพราะความไม่สะอาดของหลาย ๆ สิ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตของชาวอเมริกันพุ่งทะยานขึ้นสูงมาก ๆ ในช่วงเวลาดังกล่าวจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาจากสุขภาวะที่ไม่ดี เฉพาะแค่ในช่วงสงครามกลางเมืองที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 720,000 คนนั้น เกินกว่าครึ่งไม่ได้เสียชีวิตเพราะถูกยิงจุดสำคัญ หากแต่เสียชีวิตเพราะโรคระบาดและแผลติดเชื้อต่างหาก
1
ด้วยการรณรงค์ดังกล่าวจึงทำให้ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 มีการพยายามหลายอย่างเพื่อบุกเบิกและสะท้อนถึงความสำคัญของอนามัยที่ดี สำหรับตัวของผู้บุกเบิกบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันอย่าง “โรเบิร์ต วูด จอห์นสัน” เองก็เป็นผู้ที่มีความสนอกสนใจในเรื่องของสุขอนามัยอยู่บ้างจากการที่เขาเติบโตมาในช่วงเวลาของยุคสงครามกลางเมือง โดยเขาได้เป็นเด็กฝึกทำงานอยู่ในร้านขายยาของครอบครัวที่นิวยอร์ก ก่อนที่จะย้ายไปเติบโตในร้านขายยาใหญ่ ๆ อื่น ๆ
จุดเปลี่ยนสำคัญจริง ๆ ที่ทำให้จอห์นสันเริ่มหันมาหนทางในการทำธุรกิจกับเภสัชภัณฑ์นั้น เกิดขึ้นมาจากงานนิทรรศการโลกปี 1876 ที่ฟิลาเดลเฟีย โดยเขาได้มีโอกาสฟังการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ในวงการแพทย์ของด็อกเตอร์ลิสเตอร์ (Joseph Lister - เจ้าของแบรนด์ลิสเตอร์ลีน) ที่เรียกกันว่า “เทคนิคปราศจากเชื้อ”
มันจะดีแค่ไหนกันถ้าอุปกรณ์การแพทย์ถูกทำให้ปราศจากเชื้อก่อนใช้ทุกครั้ง มันจะช่วยลดอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตของคนไข้ได้มากแค่ไหน? สิ่งนี้เองที่ทำให้จอห์นสันตัดสินใจที่จะลาออกจากร้านขายยาและหุ้นส่วนของเขา เพื่อมาจัดตั้งบริษัทของตนเองนาม “จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” ในปี 1886
⭐ บริษัทเภสัชภัณฑ์ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อมวลมนุษย์
จอห์นสันได้ตัดสินใจที่จะชักชวนน้องชายของเขา 2 คน คือเอ็ดเวิร์ด มีด จอห์นสัน และเจมส์ วูด จอห์นสัน ให้มาร่วมกันจัดตั้งบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันขึ้นมา และเริ่มนำเอาหลักการทำให้ปราศจากเชื้อที่ดอกเตอร์ลิสเตอร์คิดค้นขึ้นมาทำให้เป็นธุรกิจ และเกิดเป็นการทำอุปกรณ์ทางแพทย์แบบปลอดเชื้อออกมาจำนวนมากเพื่อขายให้กับคลินิกและโรงพยาบาลต่าง ๆ ด้วยความหวังว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้คนมีชีวิตรอดปลอดภัยจากการแพทย์ในยุคที่ยังไม่พัฒนาดีพอได้
บริษัทหลังแรกของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ถูกตั้งขึ้นมาในตึกโรงงานให้เช่าย่านนิวบรันส์วิก รัฐนิวเจอร์ซีส์ โดยมีพนักงานแรกเริ่ม 14 คน ซึ่งบนที่ดินในนิวเจอร์ซีย์ตรงนี้ก็ได้กลายเป็นสำนักงานใหญ่ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันในปัจจุบัน
แน่นอนว่าการทำเภสัชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ที่ปลอดเชื้อต้องมีมาตรฐานและการระมัดระวังเป็นอย่างสูง ซึ่งจอห์นสันเองก็ได้พยายามรักษามาตรฐานเอาไว้ตั้งแต่ในเรื่องของความสะอาดของโรงงาน และความสะอาดของอุปกรณ์และมือพนักงานที่ใช้ในการทำอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ สินค้าในช่วงแรก ๆ ก็มีตั้งแต่ปลาสเตอร์แปะแพล ผ้าก๊อซพันแพล ไหมเย็บแผล สำลี เป็นต้น โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ชิ้นแรก ๆ เป็นสำลีที่ติดกับผ้าก๊อซเป็นแผ่นยาว ๆ สำหรับพันแผลด้วย
อย่างไรก็ดีในช่วงแรกกลับพบว่าหมอใช้กันไม่เป็น ซึ่งก็ดันไปติดเชื้อเหมือนเดิม ทำให้จอห์นสันต้องออกคู่มือการใช้ให้กับคุณหมอด้วย ไม่นานนักเภสัชภัณฑ์ของจอห์นสันก็เป็นที่นิยมสูง และมีการสั่งซื้อเป็นประจำโดยหมอคนต่าง ๆ รายได้ของบริษัทก็เริ่มเป็นไปในทิศทางก็ดี และเริ่มมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ไปตามยุคสมัยและพัฒนาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าของวงการแพทย์ เช่นการผ่าตัดแบบปลอดเชื้อ เป็นต้น จอห์นสัน แอนด์ จอห์สันจึงกลายเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทเภสัชภัณฑ์ของอเมริกา และจะเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในเวลาต่อมา
1
บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนั้นเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใส่ใจกับผู้คนเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่กับลูกค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงพนักงานของพวกเขา เพราะพนักงานเหล่านี้ถือว่าเป็นบุคคลที่มีปณิธานเดียวกันกับบริษัทคือเป็นผู้ที่ช่วยให้ทุกคนปลอดภัยจากการแพทย์ผ่านการไม่ติดเชื้อ ในช่วงยุคเศรษฐกิจตกต่ำจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันก็ไม่ได้มีการเลิกจ้างพนักงาน มิหนำซ้ำยังเพิ่มค่าแรง และเปิดสำนักงาน-โรงงานใหม่เพิ่มอีกต่างหากเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกงานจากภาวะเศรษฐกิจดังกล่าว
⭐ ราชาเภสัชภัณฑ์ที่มีกิจการทั่วโลก
การแพทย์แผนปัจจุบันในในอเมริกามีความก้าวหน้าและเริ่มเผยแพร่ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของโลก เช่นในยุโรปและเอเชีย ซึ่งแน่นอนว่าอาณาจักรของขอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเองก็ต้องขยายใหญ่ตามกันไป โดยจอห์สัน แอนด์ จอห์นสันเริ่มขยายกิจการของตนเองจากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างแคนาดาในปี 1919 ก่อนที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงสหราชอาณาจักรในปี 1924
นอกเหนือจากในยุโรปและอเมริกาเหนือแล้ว ก็ยังมีการขยายกิจการบริษัทลงไปยังฝั่งอเมริกาใต้ และมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยเรื่องสุขภาพและชีวอนามัยของผู้คนให้ปลอดภัยและปราศจากเชื้อ กิจการที่ขยายใหญ่ และเป็นอุตสาหกรรมรุ่นบุกเบิกที่ยังคงดำเนินงานเป็นเวลาหลายทศวรรษ ทำให้ในทศวรรษที่ 1940s จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันก็ได้เข้าสู่ IPO ได้สำเร็จกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูง และมีส่วนร่วมในกิจการต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกาในหลายด้านอีกด้วย
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันไม่ได้ดำเนินการเพียงแค่บริษัทใหญ่บริษัทเดียว แต่หลังจากที่เข้าสู่ IPO พวกเขาก็เริ่มที่จะเข้าซื้อบริษัทเล็ก ๆ ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนร่วมลงทุนและพัฒนายาหรือวัคซีนใหม่ ๆ เรื่อยมา พร้อมกับขยายกิจการไปยังแอฟริกาและเอเชียผ่านการจัดตั้งสาขาที่อียิปต์และจีนในช่วงทศวรรษที่ 1980s
⭐ เพราะทุกอย่างมีผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง
ถึงแม้ว่าจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะเป็นบริษัทที่ใหญ่แค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วทุกคนไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง ในกรณีของสายใยแร่ใยหินในแป้งที่เป็นข่าวล่าสุดนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในเรื่องของความผิดพลาดในผลิตภัณฑ์ที่จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เคยพบเจอมา โดยจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันได้พบเจออะไรแบบนี้มาหลายครั้ง เช่นกรณีที่มีล็อตไทลินอลปนเปื้อนไซยาไนด์ กรณีเรียกคืนผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่มีความเข้มข้นสูงเกินไป เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ก็ต่างเป็นปัญหาการผลิตที่ทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันออกมารับหน้าและแก้ไขสถานการณ์เอาไว้ได้ดี สะท้อนให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของจอห์สันแอนด์จอห์นสันด้วย ต้องยอมรับว่าธุรกิจเภสัชภัณฑ์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความเสี่ยงพอสมควร เพราะยาที่ใช้รักษาหากปนเปื้อนหรือปริมาณยาที่ผิดไปจากที่ร่างกายควรได้รับก็อาจจะส่งผลเสียได้มาก จึงเป็นธุรกิจที่ตั้งอยู่บนจริยธรรม และความละเอียดละเมียดของผู้ประกอบการ
จากความเชื่อมั่นว่าการแพทย์ของคนเรายังสามารถไปได้ไกลกว่าที่เป็น จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่า ความเชื่อมั่นและปรารถนาดีเล็ก ๆ นั้นมีผลหลายอย่างต่อกิจการของพวกเขา
เขาเลือกที่จะใส่ใจผู้คนที่ไม่เียงแค่ลูกค้าแต่ยังรวมถึงพนักงานของพวกเขาได้สร้างอาชีวอนามัยที่ดีขึ้นมาในสภาพแวดล้อมการทำงาน ทำให้จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันยังคงสามารถยืนหยัดในฐานะของบริษัทที่เก่าแก่ที่มีฐานลูกค้าที่มากมาย และพนักงานที่รักในบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันจึงยังคงมีอำนาจในวงการอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ได้จนถึงปัจจุบัน
เรื่อง : ณัฐรุจา งาตา
ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
#ประวัติศาสตร์ #อุตสาหกรรม #จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน #JohnsonandJohnson #เภสัชภัณฑ์ #ข่าวต่างประเทศ #Bnomics #BBL #BangkokBank #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา