ซึ่งท่ามกลางความท้าทายนี้ ธนาคารกรุงศรีฯ ได้จัดงาน Krungsri Tech Day 2025 ขึ้น ซึ่งสะท้อนภาพความพยายามในการปรับตัวครั้งสำคัญ
แนวคิดหลักของงานนี้ ถูกสรุปไว้ในประโยคสั้น ๆ แต่ทรงพลังว่า “Empower people to make life simple” หรือการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้ชีวิตของผู้คน “ง่ายขึ้น” ไม่ใช่ “ซับซ้อนกว่าเดิม”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราพูดถึงเทคโนโลยีที่ทรงพลังอย่าง AI คำถามที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือเรื่องของความรับผิดชอบ
พลังของ AI ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม มันสามารถสร้างประโยชน์มหาศาล แต่ก็อาจสร้างผลกระทบในวงกว้างได้เช่นกันหากถูกใช้อย่างไม่ระมัดระวัง
ประเด็นนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในระดับโลก เราจะเห็นข่าวความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนา AI ที่ขาดการควบคุม หรือการเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง OpenAI
แม้ว่าเราจะเพิ่งเริ่มใช้งาน Generative AI อย่างแพร่หลายได้ไม่นาน แต่ผลกระทบของมันเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วในหลายมิติ
สิ่งนี้จึงนำมาสู่ประเด็นสุดท้ายและสำคัญที่สุดจากงาน Krungsri Tech Day 2025 นั่นคือ “Sustainable AI”
แนวคิดนี้หมายถึง การพัฒนาและใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ ยั่งยืน และมีจริยธรรมเป็นที่ตั้ง กรุงศรีฯ เน้นย้ำว่า การนำ AI มาใช้ จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความ “โปร่งใส”
คำว่าโปร่งใสในที่นี้ หมายถึง ผู้ใช้งานต้องสามารถเข้าใจได้ว่า AI ทำงานอย่างไร ใช้ข้อมูลอะไรในการตัดสินใจ และมีกระบวนการคิดแบบไหน
ลองนึกถึงกรณีที่ AI ถูกนำมาใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ หากลูกค้าถูกปฏิเสธ พวกเขาควรมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่า AI ตัดสินใจจากปัจจัยอะไร และมีช่องทางที่จะอุทธรณ์การตัดสินใจนั้นได้หรือไม่
นอกเหนือจากความโปร่งใสแล้ว การใช้ AI ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ไม่ใช่แค่ผลกำไรขององค์กร
ตัวอย่างเช่น การพัฒนา AI ที่ช่วยลดการใช้พลังงานใน Data Center หรือ AI ที่ช่วยให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนหรือมีสถานะทางการเงินเป็นอย่างไร
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ Sustainable AI คือความรับผิดชอบต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
การปล่อยให้ AI เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันที่รัดกุม เพื่อไม่ให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
กรุงศรีฯ ให้ความสำคัญกับการสร้าง Framework และนโยบายที่ชัดเจนในด้าน Data Ethics และ Privacy ของข้อมูล