10 ต.ค. เวลา 05:32 • ธุรกิจ

สรุป Krungsri Tech Day 2025 เทคโนโลยีจะทำให้ชีวิตคุณ ‘ง่ายขึ้น’ ได้อย่างไร?

หากจะพูดถึงหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังถูกคลื่นเทคโนโลยีซัดเข้าใส่อย่างจัง คงหนีไม่พ้น “ธนาคาร”
ภาพที่เราคุ้นเคยกับการเดินเข้าไปในสาขาเพื่อทำธุรกรรม กำลังค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย ข่าวการลดจำนวนสาขา หรือการ Lay off พนักงาน กลายเป็นเรื่องที่เราได้ยินบ่อยขึ้น
บทบาทของธนาคารในโลกยุคใหม่ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอาคารอีกต่อไป แต่ย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน และโลกของ Data อย่างเต็มตัว
การเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการมาถึงของ Generative AI ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
อาจกล่าวได้ว่า การเปลี่ยนแปลงของวงการธนาคารในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีความรุนแรงยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงในรอบหลายสิบปีก่อนหน้ารวมกันเสียอีก
เรื่องนี้นับเป็นความท้าทายมหาศาลสำหรับสถาบันการเงินทุกแห่ง ที่ต้องเร่งปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
ซึ่งท่ามกลางความท้าทายนี้ ธนาคารกรุงศรีฯ ได้จัดงาน Krungsri Tech Day 2025 ขึ้น ซึ่งสะท้อนภาพความพยายามในการปรับตัวครั้งสำคัญ
แนวคิดหลักของงานนี้ ถูกสรุปไว้ในประโยคสั้น ๆ แต่ทรงพลังว่า “Empower people to make life simple” หรือการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้ชีวิตของผู้คน “ง่ายขึ้น” ไม่ใช่ “ซับซ้อนกว่าเดิม”
คำถามคือ ธนาคารขนาดใหญ่จะนำเทคโนโลยีที่ดูซับซ้อน มาทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นได้อย่างไร? ประเด็นแรกที่น่าสนใจจากงานนี้ คือแนวคิดเรื่อง “Technology Simplicity” หรือความเรียบง่ายของเทคโนโลยี
กรุงศรีฯ เชื่อว่า นวัตกรรมที่ดีที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่ล้ำสมัยจนคนทั่วไปเข้าไม่ถึง แต่คือเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ลดขั้นตอนที่วุ่นวาย และทำให้ทุกอย่างสะดวกสบายขึ้น
ภายในงานมีการจัดแสดงเทคโนโลยีมากมาย โดยเฉพาะการนำ AI และ Generative AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยเบื้องหลัง
ลองนึกภาพการทำธุรกิจในอดีต ที่เจ้าของกิจการต้องวุ่นวายกับการสร้างระบบหลังบ้านของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นระบบบัญชี การจัดการภาษี หรือการบริหารการเงิน ซึ่งต้องใช้ทั้งเงินทุน เวลา และบุคลากรจำนวนมหาศาล
แต่บ่อยครั้ง ระบบที่สร้างขึ้นมาก็อาจไม่ตอบโจทย์ หรือล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว
กรุงศรีฯ พยายามตอบโจทย์ความท้าทายนี้ ด้วยการเปิดระบบหลังบ้าน (Backend) ของธนาคาร ให้นักพัฒนาและภาคธุรกิจสามารถเข้ามาเชื่อมต่อได้
เปรียบเสมือนการมีทีมเทคโนโลยีทางการเงินที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน โดยที่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่จากศูนย์
สิ่งนี้ช่วยให้กระบวนการทางธุรกิจรวดเร็วขึ้น ลดความซ้ำซ้อน และทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาไปโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือการพัฒนาสินค้าและบริการของตัวเอง
แนวคิดนี้ นำมาสู่ประเด็นสำคัญข้อที่สอง คือ “Enabling for Growth” กรุงศรีฯ มองว่า เทคโนโลยีไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” ที่เราหยิบมาใช้เมื่อต้องการ แต่ควรจะเป็น “พาร์ทเนอร์” ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกัน
ลองจินตนาการว่าเราเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ที่มีทีมงานไม่กี่คน แต่ต้องดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่การผลิต การตลาด การขาย ไปจนถึงการเงิน
ภาระงานที่ล้นมือ อาจทำให้เราไม่มีเวลาพอที่จะวางแผนกลยุทธ์ หรือมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโต กรุงศรีฯ มองเห็น Pain Point จุดนี้ จึงนำเสนอโซลูชันที่เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ
แทนที่ธุรกิจจะต้องเสียทรัพยากรไปกับการจัดการเรื่องการเงินที่ซับซ้อน ก็สามารถใช้เทคโนโลยีของธนาคารเข้ามาช่วยจัดการได้เลย
ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทุ่มเทสติปัญญาและพลังงานทั้งหมด ไปกับการพัฒนาหัวใจหลักของธุรกิจได้อย่างเต็มที่ นี่คือความหมายของการเติบโตไปพร้อมกัน โดยมีธนาคารเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราพูดถึงเทคโนโลยีที่ทรงพลังอย่าง AI คำถามที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือเรื่องของความรับผิดชอบ
พลังของ AI ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม มันสามารถสร้างประโยชน์มหาศาล แต่ก็อาจสร้างผลกระทบในวงกว้างได้เช่นกันหากถูกใช้อย่างไม่ระมัดระวัง
ประเด็นนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในระดับโลก เราจะเห็นข่าวความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนา AI ที่ขาดการควบคุม หรือการเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง OpenAI
แม้ว่าเราจะเพิ่งเริ่มใช้งาน Generative AI อย่างแพร่หลายได้ไม่นาน แต่ผลกระทบของมันเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วในหลายมิติ
สิ่งนี้จึงนำมาสู่ประเด็นสุดท้ายและสำคัญที่สุดจากงาน Krungsri Tech Day 2025 นั่นคือ “Sustainable AI”
แนวคิดนี้หมายถึง การพัฒนาและใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ ยั่งยืน และมีจริยธรรมเป็นที่ตั้ง กรุงศรีฯ เน้นย้ำว่า การนำ AI มาใช้ จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความ “โปร่งใส”
คำว่าโปร่งใสในที่นี้ หมายถึง ผู้ใช้งานต้องสามารถเข้าใจได้ว่า AI ทำงานอย่างไร ใช้ข้อมูลอะไรในการตัดสินใจ และมีกระบวนการคิดแบบไหน
ลองนึกถึงกรณีที่ AI ถูกนำมาใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ หากลูกค้าถูกปฏิเสธ พวกเขาควรมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่า AI ตัดสินใจจากปัจจัยอะไร และมีช่องทางที่จะอุทธรณ์การตัดสินใจนั้นได้หรือไม่
ความโปร่งใสเช่นนี้ คือสิ่งที่จะช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้ใช้งานและเทคโนโลยี
นอกเหนือจากความโปร่งใสแล้ว การใช้ AI ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ไม่ใช่แค่ผลกำไรขององค์กร
ตัวอย่างเช่น การพัฒนา AI ที่ช่วยลดการใช้พลังงานใน Data Center หรือ AI ที่ช่วยให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนหรือมีสถานะทางการเงินเป็นอย่างไร
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ Sustainable AI คือความรับผิดชอบต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
การปล่อยให้ AI เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันที่รัดกุม เพื่อไม่ให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
กรุงศรีฯ ให้ความสำคัญกับการสร้าง Framework และนโยบายที่ชัดเจนในด้าน Data Ethics และ Privacy ของข้อมูล
รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี Cyber Security เพื่อสร้างกำแพงป้องกันข้อมูลของลูกค้าอย่างเข้มงวดที่สุด
ท้ายที่สุดแล้ว ภาพรวมจากงาน Krungsri Tech Day 2025 ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า การเติบโตทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบเสมอ
มันไม่ใช่แค่เรื่องของการแสวงหาผลกำไรในระยะสั้น แต่คือการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคม และสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว
ตั้งแต่แนวคิด Technology Simplicity ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น, Enabling for Growth ที่เปลี่ยนเทคโนโลยีให้เป็นพาร์ทเนอร์ จนถึง Sustainable AI ที่เน้นย้ำการเติบโตอย่างมีจริยธรรม
ทั้งหมดนี้คือจิ๊กซอว์ที่ประกอบกันขึ้นเป็นภาพอนาคตของเทคโนโลยีทางการเงิน ที่กรุงศรีฯ พยายามจะสื่อสารออกมา
ในทุกวันนี้ เรื่องเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่จะช่วยขับเคลื่อนทั้งผู้คนและธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า
และที่สำคัญที่สุด มันจะต้องเป็นเทคโนโลยีที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ชีวิตของทุกคน “ง่ายขึ้น” อย่างแท้จริง.
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา