วันนี้ เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“ศุภจี” ชี้ เศรษฐกิจโลกชะลอ ไทย ต้องเร่งปรับตัวรับ 4 เทรนด์ใหญ่

“ศุภจี” ชี้ เศรษฐกิจโลกชะลอ ไทย ต้องเร่งปรับตัวรับ 4 เทรนด์ใหญ่ พร้อมขับเคลื่อน 3 ยุทธศาสตร์เสริมรายได้ฐานราก-พยุงค่าครองชีพ-ยกระดับการค้าไทยสู่ดิจิทัลเศรษฐกิจ เตรียมรายงานคืบหน้า! “การเจรจาภาษีสหรัฐฯ” ต่อที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ นัดแรก ย้ำ! เป้าหมาย ปิดดีลภายในปี 68
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Thailand’s Opportunities & Challenges” โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลไทยจะเร่งเจรจาในรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อให้มีความชัดเจนของรายการสินค้า และตั้งเป้าจะให้การเจรจาดังกล่าวเสร็จสิ้นภายในปลายปีนี้ โดยถือเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ไทยต้องปรับตัวให้ทัน
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Thailand’s Opportunities & Challenges”
ขณะเดียวกัน นโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนาและทำให้เงินบาทแข็งค่า กระทบต่อการส่งออกของไทย อีกทั้งยังต้องจับตาความผันผวนของราคาพลังงาน แม้อุปทานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพบางส่วน แต่ก็สะท้อนอุปสงค์ที่ชะลอตัวในอีกด้านเช่นกัน
นางศุภจี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันโลกเผชิญ 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่
1. Deglobalization การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่มูลค่าในระดับภูมิภาค
2. Decarbonization การค้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เช่น มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป ที่จะมีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ไทยจึงต้องเร่งปรับมาตรฐานการผลิตและกฎระเบียบให้สอดรับ
3. Digitalization ทุกภาคส่วนรวมถึงกระทรวงพาณิชย์ต้องปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI)
4. Demographics การลดลงของจำนวนประชากรและการเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นความท้าทายต่อผลิตภาพของประเทศ
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน GDP ไทยเติบโตช้าลงจากเดิมที่เคยอยู่ราว 5% เหลือเพียง 3% และล่าสุด คาดว่า จะขยายตัวเพียง 1.8–2.3% ขณะที่ เงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ที่ระดับ -0.7% จากราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลง สะท้อนภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังชะลอตัว ขณะเดียวกัน ผลิตภาพแรงงานลดลง ตลาดแรงงานไทยยังเผชิญข้อจำกัดเชิงโครงสร้างจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย และการลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่ลดลง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญ 3 ด้าน 7 นโยบายหลัก ได้แก่
1. เสริมรายได้ฐานรากและสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้เกษตรกร โดยรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและดูแลต้นทุนผ่านโครงการ “ธงเขียว”
2. สร้างตลาดใหม่และขยายการค้า โดยปัจจุบันไทยมี FTA แล้ว 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ และตั้งเป้าจะให้ FTA ไทย–สหภาพยุโรป และไทย–เกาหลีใต้ สำเร็จภายในปี 2568
3. ลดภาระค่าครองชีพและพยุงกำลังซื้อ เช่น ความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยเพื่อลดค่าขนส่งสินค้า และดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนใน 7 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา
โดยทุกมาตรการสามารถดำเนินการได้ภายใน 4 เดือน
นอกจากนี้ นางศุภจี ยังเสนอแนวทางเสริมศักยภาพประเทศใน 3 ด้าน คือ
1. ปรับโครงสร้างการค้าสินค้าเกษตรสู่เกษตรแม่นยำ เปลี่ยนจากระบบผลิตตามอุปทาน (Supply-driven) สู่การผลิตตามความต้องการตลาด (Demand-driven)
2. มุ่งสู่ตลาดอาหารแห่งอนาคต พัฒนาแบรนด์และนวัตกรรมอาหารให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Future Food ของภูมิภาค
3. พัฒนาระบบนิเวศทางการค้าสู่ดิจิทัล ยกระดับเศรษฐกิจไปสู่ Value-based Economy ผ่านเทคโนโลยีและระบบ Trade Intelligence รวมถึงบริการแพลตฟอร์ม “MOC+” แบบ One-stop Service
เตรียมรายงานคืบหน้า! “การเจรจาภาษีสหรัฐฯ” ย้ำ! เป้าหมายปิดดีลภายในปีนี้
นางศุภจี ยังกล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)​ เศรษฐกิจ​นัดแรกที่จะถึงในสัปดาห์หน้านั้น ทางฝั่งกระทรวงพาณิชย์​ จะรายงานความคืบหน้าการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ โดยขณะนี้มีการพูดคุยทางเทคนิคแล้ว และมีรายละเอียดที่ต้องพูดคุยกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยพยายามจะเจรจาให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 และจะพูดคุยถึงรายละเอียดรายการประเภทสินค้าอย่างชัดเจน รวมถึงรายละเอียดในเรื่องของสินค้าที่มาจากต่างประเทศที่จะทำให้ไทยได้ประโยชน์​สูงสุด และทำให้ไม่มีปัญหาเรื่อง Transshipment มากจนเกินไป
ส่วนหัวหน้าทีมเจรจาทีมไทยแลนด์ คณะรัฐมนตรี ​ต้องมีการแต่งตั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้ง โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์สามารถ​เป็นหัวหน้าทีมเจรจาได้ แต่ในมุมของประเทศยังไม่ใช่ เพราะมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
คณะรัฐมนตรี​เศรษฐกิจ​ จะต้องมีการพูดคุยเรื่องนี้กันก่อน เพราะการเจรจาไม่ใช่เฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ​แต่ต้องนำภาคเอกชน และกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องไปพูดคุยด้วย
1
นอกจากนี้ กระทรวง​พาณิชย์​ ยังได้หารือกับภาคเอกชนอย่างสภาหอการค้าไทย โดยสภาหอการค้าฯ ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับบางอุตสาหกรรม​ที่จะได้รับประโยชน์​จากการเจรจา​การค้ากับสหรัฐฯ
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา