17 ต.ค. เวลา 12:00 • ธุรกิจ

‘ล้งเล้งลูกชิ้นปลา’ อีก 5 ปี จะมี 10 สาขา รุ่นที่ 2 เร่งขยายอาณาจักร ไปโซนออฟฟิศ ไม่คิดขายแฟรนไชส์

ย่านบรรทัดทองไม่ได้มีแค่ร้านอาหารเปิดใหม่ที่มีชื่อเสียงภายในชั่วข้ามคืน แต่ยังเต็มไปด้วยร้านเก่าแก่ในตำนานเกินครึ่งศตวรรษ “ล้งเล้งลูกชิ้นปลา” คือหนึ่งในร้านก๋วยเตี๋ยวที่โยกย้ายทำเลไปตามโครงการพัฒนาที่ดินของจุฬาฯ จากตลาดสวนหลวงเก่า ซอยจุฬาฯ 22 จนมาถึงย่านบรรทัดทองเยื้องกับอุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากลูกชิ้นนายใบ้ก็พัฒนาแตกไลน์มาสู่ “ล้งเล้งลูกชิ้นปลา” ที่ตอนนี้มีทายาทรุ่นที่ 2 เข้ามาดูแลกิจการให้เป็นมากกว่าร้านรถเข็นแล้ว
“มุก-มุกรวี หวังเพื่อสุข” ทายาทรุ่นที่ 2 วัยสามสิบกว่าๆ บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ก่อนหน้านี้เธอออกไปทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับมาดูแลกิจการที่บ้านเพราะคลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก ทำมาแล้วตั้งแต่ล้างแก้ว ลวกเส้น ใส่เครื่อง เสิร์ฟลูกค้า ฯลฯ จึงตัดสินใจนำวิชาความรู้ที่ได้จากการเรียนในมหาวิทยาลัย บวกกับเมื่อครั้งออกไปทำธุรกิจด้วยตัวเองมาปรับใช้กับระบบหลังบ้าน ตั้งไข่ตั้งแต่การคิดต้นทุน ตั้งราคา ไปจนถึงการทำเดลิเวอรี่ด้วย
ก่อนจะมีล้งเล้งลูกชิ้นปลา เดิมทีครอบครัวของมุกตั้งต้นจากการทำลูกชิ้นปลาขายในชื่อ “ลูกชิ้นนายใบ้” ต้นตำรับมาจาก “เหล่ากู๋” หรือคุณอาของคุณแม่ ลองผิดลองถูกทำลูกชิ้นปลาขายจนมีชื่อเสียง จากนั้นครอบครัวของมุกก็รับลูกชิ้นของเหล่ากู๋มาขายอีกทอด ไม่นานก็เริ่มปรับสูตร-พัฒนาวิชาทำลูกชิ้นของตัวเองเพื่อแยกธุรกิจออกจากกงสีใหญ่ ลูกชิ้นนายใบ้ยังดำเนินกิจการต่อไป ส่วนแม่ของมุกนำวัตถุดิบลูกชิ้นปลาที่พัฒนาสูตรจนเป็นเอกลักษณ์มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว โดยใช้ชื่อว่า “ล้งเล้งลูกชิ้นปลา”
ชื่อล้งเล้งมาจากชื่อของน้องชายคุณแม่ ซึ่งก็คือ “อา” ของมุก ที่มีชื่อเล่นว่า “เล้ง” และด้วยคาแรกเตอร์เป็นคนเสียงดัง สมัยก่อนขายดีลูกค้าเยอะจึงชอบตะโกนเรียกลูกค้าเข้าร้าน โดยในภาษาจีนแต้จิ๋วคำว่า “ล้งเล้ง” แปลว่า เสียงดังโหวกเหวก จึงได้ชื่อร้านที่สะท้อนตัวตนเจ้าของร้าน และมองว่า ง่ายต่อการจดจำด้วย
จากเจเนอเรชันแรกที่มีแม่และอาของมุกเป็นผู้ก่อตั้ง กิจการดำเนินมายาวนานกว่า 40 ปี ตอนนี้“มุก” เข้ามารับหน้าที่ดูแลระบบหลังบ้านได้เกือบๆ 10 ปีเต็ม เธอเรียนจบด้านธุรกิจภาษาอังกฤษ ออกไปทำธุรกิจส่วนตัวได้พักหนึ่งก็กลับมาสานต่อล้งเล้งลูกชิ้นปลา ด้วยความตั้งใจอยากพัฒนาร้านให้เป็นระบบมากขึ้นโดยเริ่มจากการคิดคำนวณต้นทุนให้ดี
“แต่ก่อนเขาดันตั้งราคาถูกแต่ไม่ได้ถูกตามทฤษฎีที่เราเรียนมา ถ้าเทียบกับลูกชิ้นหมูต้นทุนลูกชิ้นปลาสูงกว่ามาก ปลาที่ยังไม่ได้ทำเป็นลูกชิ้นเอาแล่มาเฉยๆ กิโลกรัมละ 300 บาท ลูกชิ้นปลาที่ร้านใช้ประกอบไปด้วยปลาอินทรีย์ ปลาดาบ และปลาหางเหลือง ซึ่งปลาก็มีเกรดถ้าเกรดสดจะราคาแพงที่สุด เราสั่งเขาแล่มาจากสะพานปลาก็จะเป็นอีกราคา ต้นทุนก็สูงขึ้น”
อนาคตอันยาวไกลของ “ล้งเล้งลูกชิ้นปลา” ภายใต้การนำทัพของทายาทรุ่นที่ 2 ตั้งเป้าอยากขยายสาขาให้ครบ 10 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี เมื่อมีครบ 10 แห่ง อยากให้มีรายได้อย่างน้อยๆ เดือนละ 10 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วเล็งเปิดปีละ 1-2 สาขา โลเคชันที่เล็งไว้อยากไปโซนออฟฟิศ ย่านพระราม 9 สาทร และสุขุมวิท
ซึ่งทั้ง 10 สาขา คาดว่า จะเป็นร้านสแตนอโลนทั้งหมด ไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้างสรรพสินค้า รวมถึงยังเป็นการขยายเอง ไม่คิดขายแฟรนไชส์ ที่ผ่านมามีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์เยอะมาก แต่ตนเองยังไม่กล้าลุยโมเดลนี้ มองระยะยาวว่า ซื้อไปแล้วร้านต้องขายได้ และต้องคุมคุณภาพให้เหมือนกับร้านต้นตำรับ
โฆษณา