Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ด.ดล Blog
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
11 ต.ค. เวลา 12:39 • สุขภาพ
วีดีโอสั้น ยิ่งดู ยิ่งโง่? หยุดไถจอก่อนสาย! คำเตือนจากนักประสาทวิทยาเรื่องภัยเงียบของวิดีโอสั้น
ถ้าให้พูดถึงกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่ทำเหมือนกันทั่วโลกในยุคนี้ หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาไถดูวิดีโอสั้นๆ
1
ปรากฏการณ์นี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันไปแล้ว จนเราอาจไม่ทันได้คิดว่า เบื้องหลังความบันเทิงเพียงไม่กี่วินาทีนั้น มีกลไกอะไรซ่อนอยู่
1
TikTok คือชื่อที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับแรก แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนในปี 2023 มีผู้ใช้งานทะลุ 1,500 ล้านคน และคาดว่าจะแตะ 2,000 ล้านคนในไม่ช้า
ตัวเลขมหาศาลนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถิติ แต่มันคือเครื่องบ่งชี้ถึงอิทธิพลที่กำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการเสพสื่อของมนุษยชาติไปอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ TikTok แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Instagram ก็มี Reels หรือ YouTube ก็มี Shorts ซึ่งต่างก็ใช้สูตรสำเร็จเดียวกัน คือการดึงดูดเราด้วยวิดีโอสั้นที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น
1
คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้นว่า ปรากฏการณ์นี้มันส่งผลกระทบอะไรกับเราบ้าง โดยเฉพาะกับอวัยวะที่ซับซ้อนที่สุดอย่าง “สมอง”
จุดเริ่มต้นของความน่ากังวลนี้ ถูกจุดประกายขึ้นในงานสัปดาห์รณรงค์เพื่อสุขภาพจิต หรือ Mental Health Awareness Week
นักวิจัยได้นำเสนอผลการศึกษาที่น่าตกใจ โดยพบว่าผู้ที่มีภาวะใช้ TikTok ผิดปกติ หรือ ‘TikTok Use Disorder’ มีแนวโน้มที่จะแสดงอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าสูงกว่าคนทั่วไป
1
ไม่เพียงเท่านั้น ความสามารถในการจดจำของพวกเขาก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
มีการศึกษาชิ้นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนมัธยมปลาย พบว่ากลุ่มที่ใช้ TikTok มากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มีผลการเรียนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 20% และมีปัญหาการนอนหลับมากกว่ากลุ่มที่ใช้งานน้อยอย่างชัดเจน
1
ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง ที่ซ่อนความจริงอันซับซ้อนไว้เบื้องล่าง และเพื่อที่จะเข้าใจมัน เราต้องเดินทางเข้าไปสำรวจกลไกการทำงานในสมองของเรา
เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปถึงการทดลองสุดคลาสสิกชิ้นหนึ่งในวงการประสาทวิทยา นักวิจัยได้ทำการฝังขั้วไฟฟ้าขนาดจิ๋วเข้าไปในสมองของหนูทดลอง
ทุกครั้งที่หนูกดคันโยกที่อยู่ตรงหน้า มันจะได้รับรางวัลเป็นกระแสไฟฟ้าที่กระตุ้นศูนย์กลางความสุขในสมองโดยตรง
ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน หนูทดลองแสดงอาการ “เสพติด” การกดคันโยกอย่างรุนแรง พวกมันละเลยกิจกรรมพื้นฐานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกิน การนอน หรือการเข้าสังคมกับหนูตัวอื่น
สิ่งที่พวกมันทำมีเพียงอย่างเดียว คือการกดคันโยกนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะหมดแรง
1
ภาพของหนูทดลองตัวนั้น อาจดูไม่ต่างจากภาพของใครหลายคนที่กำลังไถหน้าจอไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
และจุดที่น่าตกตะลึงที่สุดก็คือ เมื่อนักวิทยาศาสตร์ใช้เครื่อง MRI สแกนสมองของมนุษย์ขณะกำลังรับชมวิดีโอใน TikTok พวกเขาพบว่าสมองส่วนที่ถูกกระตุ้น คือส่วน “เดียวกันเป๊ะ” กับที่พบในหนูทดลอง
นี่คือหลักฐานที่ชี้ชัดว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถกระตุ้นศูนย์กลางการเสพติดในสมองของเราได้โดยตรง
แล้วกลไกของมันทำงานอย่างไร?
ในสมองของเรามีสารเคมีที่ชื่อว่า Dopamine ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาทแห่งความพึงพอใจ ทุกครั้งที่เราทำอะไรที่รู้สึกดี สมองจะหลั่งสารนี้ออกมาเป็นรางวัล
1
การดูวิดีโอสั้นที่ถูกใจ ก็เปรียบเสมือนการฉีด Dopamine เข้าระบบประสาทอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เกิดเป็นภาวะที่เรียกว่า ‘Dopamine Hit’
1
แต่เมื่อสมองถูกกระตุ้นด้วย Dopamine ที่สูงและถี่เกินไป มันจะเริ่มปรับตัวให้ชินชา ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ‘Tolerance’ หรือภาวะดื้อยา
นั่นหมายความว่า สมองของเราจะต้องการการกระตุ้นที่แรงขึ้นและบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ความพึงพอใจในระดับเท่าเดิม นี่คือวงจรเดียวกับที่พบในการเสพติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ
แต่เรื่องยังไม่จบเพียงแค่นั้น
นักวิจัยยังค้นพบอีกว่า การดูวิดีโอสั้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะไปกระตุ้นเครือข่ายสมองที่เรียกว่า Default Mode Network หรือ DMN ให้ทำงานสูงกว่าปกติ
3
เครือข่าย DMN นี้ ปกติจะทำงานเมื่อเราอยู่ในภาวะพักผ่อน หรือกำลังเหม่อลอย การที่มันถูกกระตุ้นขณะไถจอ ทำให้สมองของเราเข้าสู่สภาวะ “ปิดสวิตช์” หรือที่บางคนเรียกว่า “โหมดซอมบี้”
มันคือสภาวะที่เราดำดิ่งลงไปกับการเสพเนื้อหา โดยไม่ต้องใช้ความคิดวิเคราะห์ใดๆ ทั้งสิ้น
สิ่งที่ทำให้ TikTok ทรงพลังกว่าแพลตฟอร์มอื่น คืออาวุธลับที่เรียกว่า “อัลกอริทึม”
มันคือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดเป็นกรด สามารถเรียนรู้รสนิยมและความสนใจของเราได้อย่างแม่นยำจนน่าขนลุก
ยิ่งเราใช้งานนานเท่าไหร่ อัลกอริทึมก็จะยิ่งรู้จักเราดีขึ้นเท่านั้น มันจะคอยป้อนเนื้อหาที่ “ใช่” และ “โดนใจ” มาให้เราอย่างต่อเนื่อง สร้างเป็นวงจรการเสพติดที่สมบูรณ์แบบและยากที่จะหลุดออกมาได้
Andrew Huberman นักประสาทวิทยาชื่อดัง ได้เปรียบเทียบพฤติกรรมนี้ไว้อย่างเห็นภาพว่า มันเหมือนกับสุนัขที่กำลังขุดดินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อหากระดูกที่ไม่มีวันเจอ
มันคือการติดอยู่ในพฤติกรรมซ้ำๆ ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย นอกจากการสูญเสียทรัพยากรที่สำคัญที่สุด นั่นคือ “เวลา” และ “สมาธิ”
1
ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้น คือการเกิดขึ้นของเทรนด์อันตรายต่างๆ ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนแพลตฟอร์ม สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของแรงกดดันทางสังคม ที่ทำให้ผู้คนยอมเสี่ยงเพื่อแลกกับการยอมรับในโลกออนไลน์
เมื่อมองในภาพใหญ่ขึ้น เราจะเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่ปัญหาพฤติกรรมส่วนบุคคล แต่มันได้กลายเป็นประเด็นระดับโลกไปแล้ว
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาพยายามจะแบน TikTok ไม่ได้มาจากแค่เรื่องความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูล แต่ยังรวมถึงความกังวลอย่างยิ่งยวดต่อผลกระทบด้านสุขภาพจิตของประชากรในประเทศ
2
เมื่อมาถึงตรงนี้ เราคงเห็นภาพแล้วว่าพลังของวิดีโอสั้นนั้นน่าทึ่งและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน แล้วในฐานะผู้ใช้งาน เราจะรับมือกับมันได้อย่างไร?
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ก้าวแรกที่สำคัญที่สุดคือ “การตระหนักรู้” การยอมรับว่าเราอาจกำลังถูกควบคุมโดยอัลกอริทึม คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
2
เราสามารถใช้เครื่องมือที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ เช่น ฟีเจอร์ Digital Wellbeing ในสมาร์ทโฟน เพื่อตั้งเวลาจำกัดการใช้งานในแต่ละวัน
3
การสร้างวินัยเล็กๆ น้อยๆ เช่น การไม่หยิบมือถือขึ้นมาเล่นทันทีที่ตื่นนอน หรือก่อนเข้านอน ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมหาศาล
2
และที่สำคัญที่สุด คือการหากิจกรรมอื่นในโลกแห่งความจริงมาทดแทน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ การทำงานอดิเรก หรือการใช้เวลากับคนที่เรารัก
กิจกรรมเหล่านี้อาจไม่ได้ให้ Dopamine ที่รวดเร็วเท่ากับการไถหน้าจอ แต่มันให้ความรู้สึกเติมเต็มและความสุขที่ยั่งยืนกว่ามาก
1
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า TikTok หรือเทคโนโลยีเป็นผู้ร้าย แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ในยุคที่ “ความสนใจ” ของเราได้กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่ามหาศาล
การเรียนรู้ที่จะปกป้องและบริหารจัดการความสนใจของตัวเอง คือทักษะการเอาตัวรอดที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในศตวรรษที่ 21
1
เพราะการเป็นนายของเทคโนโลยี ย่อมดีกว่าการตกเป็นทาสของมันเสมอ
1
References : [psychologytoday, scientificamerican, nimh .nih, humanetech, hubermanlab]
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
The original article appeared here
https://www.tharadhol.com/short-videos-the-more-you-watch-the-more-stupid-you-become/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย -->
https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
คลิกเลย -->
https://www.blockdit.com/articles/5cda56f1e5eac0101e278c73
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
Website :
www.tharadhol.com
Blockdit :
www.blockdit.com/tharadhol.blog
Fanpage :
www.facebook.com/tharadhol.blog
Twitter :
www.twitter.com/tharadhol
Instragram :
instragram.com/tharadhol
TikTok :
tiktok.com/@geek.forever
Youtube :
www.youtube.com/c/mrtharadhol
Linkedin :
www.linkedin.com/in/tharadhol
เทคโนโลยี
การศึกษา
ความรู้
12 บันทึก
26
1
35
12
26
1
35
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย