11 ต.ค. เวลา 13:23 • ความคิดเห็น

☁️ “ทำไมใจจึงไม่สั่น”..

บางที...
คำถามที่ควรตั้งไม่ใช่ “ทำไมเรื่องร้ายจึงเกิดขึ้นกับเรา”
แต่คือ “เหตุใดในความร้าย...ใจเรากลับนิ่งอยู่ได้”
วันนี้ ฉันเดินทางลำพังจากแจ้งวัฒนะไปบ้านพักตากอากาศริมเขาในภาคอีสานขณะมุ่งหน้าไปสระบุรี
.รถที่จอดนิ่งมาหลายวัน — แอร์ไม่เย็น ฝนก็เทลงมาจนมองไม่เห็นทาง (ทั้งที่เชคศูนย์ทุกปี)
บนทางด่วนที่มีเพียงเสียงฝนและลมหายใจของตัวเอง ฉันจอดรถ เปิดไฟฉุกเฉิน
เช็ดกระจกด้วยผ้าขาวบางที่พอมีติดรถไว้ แล้วหัวเราะเบา ๆ กับตัวเองว่า
“ชีวิตก็เหมือนกระจกข้างในนี่แหละ...ต้องเช็ดเองบ้าง จึงจะเห็นทางต่อไป”
ฝนซัดหนักจนทุกอย่างพร่ามัว
แต่แปลก — ใจกลับนิ่ง ไม่สั่น ไม่กลัวเหมือนแต่ก่อน
อาจเพราะเคยผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้มาแล้ว
เคยนั่งร้องไห้ในคืนที่แม่อยู่ห้องไอซียู
เคยขับรถกลางดึกแล้วเครื่องดับเพราะน้ำมันผิดชนิด
เคยโทรหาประกันตีสองแต่ไม่มีใครรับ
และก็ “ยังอยู่ตรงนี้” ตรงกลางถนน😁
มีลมหายใจอยู่ตรงนี้
ตอนนั้นฉันรู้ — ว่าสิ่งที่ทำให้เรารอดไม่ใช่โชค
แต่คือ “สติ”
สติที่อ่อนโยน เหมือนมือที่ลูบหลังเราเบา ๆ แล้วบอกว่า
“อย่าเพิ่งตัดสินว่าโชคร้าย...ทุกเหตุการณ์กำลังสอนเราอยู่”
แม้ต้องเสียเงิน เสียเวลา เสียความรู้สึก
แต่กลับได้เรียนรู้ว่า บางครั้ง “การชะงักอยู่กับที่” ก็ดีกว่าการเร่งไปถึงจุดหมาย
ฉันได้ฟังเสียงหัวใจตนเองอีกครั้ง
ได้รู้ว่าชีวิตไม่ต้องวิ่งแข่งกับใคร
ขอแค่ไม่หยุดเรียนรู้ — ไม่หยุดอ่อนโยนกับตัวเอง
วันนี้ ฉันตั้งใจเขียนเรื่องนี้ไว้ ไม่ใช่เพื่อเล่าความเหนื่อย
แต่เพื่อบอกผู้หญิงคนไหนที่กำลังสิ้นหวัง ว่า
แม้เราจะเดินทางลำพัง แต่เราไม่เคยอยู่ลำพังเลย
เพราะระหว่างทางนั้น เต็มไปด้วย “สิ่งเล็ก ๆ ที่คอยประคองเรา”
ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจหนึ่งจังหวะ หรือรอยยิ้มเล็ก ๆ จากคนแปลกหน้า
ขอเพียงอย่าทิ้ง “ศรัทธาในความดีงามของชีวิต”
แม้วันใดฝนจะตกหนักจนมองไม่เห็นทาง
ก็ขอให้เชื่อว่า — ท้องฟ้าจะเปิดอีกครั้งเสมอ
🪷
เพราะทุกการเดินทาง ไม่ได้พาเราไปที่ไหนไกลเลย...
นอกจากพาเรากลับมาพบ “ใจ” ของตัวเอง
.
ปลายดาวอินฟินิตี้
โฆษณา