คำนำ เมื่อจิตน้อมถักถ้อยเป็นสร้อยเสียง พรมร้อยเรียงลำนำย้ำถวิล ดุจกลิ่นกรุ่นบุปผา…กลางธานินทร์ ที่แอบรินไว้ซึ้งอยู่ตรึงทรวง มิใช่เพียงบทกลอนอักษรา แต่คือใจ…ที่เปล่งมาไม่ลวง แม้นมิกล้าร่ำบอกออกทั้งดวง ก็แฝงท่วงถ้อยไว้…ให้พอรู้ หนังสือนี้ เริ่มต้นจากภาพเขียน รูปข้านี้ น้องวาดเพียรอย่างอดสู เป็นของขวัญในวาระลาเอกรูปครู มิใช่พรากแค่ตัว…แต่ทั้งใจ ดุจภาพนางแห่งกรุงศรีรุ่งเรือง นัยน์ตาเนื่องห่วงหาใคร่ หทัยหนึ่ง แม้นเงียบงันหาใช่ไร้ หากเพียงกลัวเจ้าไกล…จะลืมกัน แต่ละบทจักร้อยพจน์สัจจะหวาน อธิษฐานด้วยจิตอันแผ่วสั่น หากแม้นเจอใจหนึ่งแนบใจนั้น ขอให้รู้ว่าฉัน…รออยู่เพียงเงา จักเป็นนางในนิยายห่มแพรฟ้า หรือหญิงชาวพนาเฝ้าหวังเฝ้า ขอเพียงคนหนึ่งใฝ่แลเห็นเงา ก็จักกล่าวว่าชีวา…มิสูญเปล่า . . “ข้าฯ ผู้ปลูกกลอนด้วยกลีบใจ” . .ปลายดาวอินฟินิตี้
ในห้วงหนึ่งของชีวิต เราต่างเคยมีวันที่ไม่สมบูรณ์ วันที่หัวใจไม่แน่ใจว่าตัวเองมีคุณค่าพอจะอยู่ต่อไปหรือเปล่า "ปลายดาว A story" เล่มนี้ จึงเกิดขึ้นจากความรู้สึกเล็ก ๆ ที่อยากวางมือเบา ๆ ไว้บนบ่าของใครสักคน กระซิบให้ได้ยิน… ว่า “คุณยังมีคุณค่า แม้ในวันที่คุณเองไม่เห็น” ทุกถ้อยคำ ทุกเรื่องเล่าในเล่มนี้ เป็นเศษเสี้ยวจากชีวิตจริงของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง — ปลายดาว เธอไม่ได้สว่างไสวเหมือนดวงดาวบนฟ้า แต่อยู่ในปลายฟ้าอันเงียบงาม ที่ใครได้แหงนมอง ก็อาจได้รับความอบอุ่นใจอย่างไม่รู้ตัว หากวันนี้คุณเหนื่อย… จงเปิดหนังสือเล่มนี้เบา ๆ เหมือนเปิดหน้าต่างรับแสงแดด ปล่อยให้เรื่องราวในเล่มโอบอุ้มใจคุณ เหมือนถ้วยชาอุ่น ๆ ในยามเช้า ไม่ต้องรีบอ่านให้จบ แค่อยู่กับมันอย่างที่คุณเป็นก็พอแล้ว ด้วยรักและแสงใจ จาก... ปลายดาวอินฟินิตี้ #ซีรี่ย์ "ตื่นรู้"
คำนำ “แล้วความรักที่ไม่ได้พูดออกมา...มันเรียกว่ารักได้ไหม?” คำถามนี้ไม่ได้โผล่มาจากปลายปากกาของฉันเอง แต่มาจากบทความเล็ก ๆ บนโลก Social ที่ฉันเผลออ่านในวันธรรมดาที่ฝนตก มันไม่ใช่บทความที่หวือหวา ไม่ได้ใช้ถ้อยคำวิจิตรอะไร แต่กลับทิ้งบางอย่างไว้ในใจฉัน...บางอย่างที่ฉันเองก็บรรยายไม่ถูก ฉันเลยเริ่มต้นเก็บเศษคำถามของคนอื่น รวมกับเสียงเงียบในใจของตัวเอง แล้วแปลงมันเป็นตัวละคร เป็นภาพ เป็นเรื่อง กลายเป็นซีรีส์เล่มเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่เขียนด้วยหัวใจที่จริงมาก เรื่องราวเหล่านี้…ไม่ได้เกิดขึ้นกับฉันโดยตรง แต่ฉันคงเคยรู้สึกเหมือนพวกเขาเมื่อคนใกล้ตัวบอกเล่า… ฉันไม่รู้จะเรียกมันว่า “รัก” หรือ “เงา” แต่ฉันรู้ว่า ทุกตัวละครที่ถูกเขียนขึ้น ต่างล้วนอยากถูกเลือก อยากถูกรัก และอยากมีค่าในสายตาใครบางคน บางทีซีรีส์นี้อาจไม่ได้สอนให้คุณรู้จัก “รักแท้” แต่มันอาจพาใครบางคน… กลับไปรักตัวเองอีกครั้ง ด้วยสายตาที่อ่อนโยนกว่าที่เคยมอง หากคนรักของคุณผ่านมาอ่าน… ฉันขอให้เล่มนี้เป็นเหมือนร่มไม้เล็ก ๆ ที่พอจะช่วยบังแดดให้หัวใจได้พักเหนื่อยบ้าง เพราะแม้บางหน้าจะเจ็บ แต่ฉันเขียนมันด้วยใจที่หวังให้ใครบางคนยิ้ม ขอบคุณที่แวะมานะคะ หัวใจฉันอาจไม่วิเศษนัก แต่ทุกหน้ากระดาษนี้… คือการยื่นมือเบา ๆ ไปแตะความรู้สึกของใครสักคนอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ ด้วยรักที่ค่อย ๆ เติบโต ปลายดาวอินฟินิตี้ (ชื่อผู้เขียน)
บางความผูกพัน... ไม่ต้องเอ่ยคำว่ารัก ก็ฟังชัดยิ่งกว่าเสียงใดในโลก บางมิตรภาพ... ไม่ต้องใช้ถ้อยคำแต่งเติม ก็อบอุ่นพอจะคลายทุกความเหน็บหนาวในใจ เรื่องเล่าชุดนี้ ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อให้ใครซึ้ง แต่เขียนขึ้น…เพราะมีใครบางตัวนอนนิ่งอยู่บนแขนฉัน พร้อมส่งเสียง "เมี้ยว..." เบาๆ เหมือนกระซิบบอกว่า "เขียนสิ...เขียนเรื่องของเราให้โลกรู้หน่อย" นี่ไม่ใช่แค่บันทึกของคนคนหนึ่งกับแมวตัวหนึ่ง แต่มันคือการเดินทางของหัวใจ ที่ได้พบ ‘สิ่งดีงาม’ ในช่วงเวลาธรรมดาๆ ของชีวิต และได้เรียนรู้ว่า รักแท้…ไม่ต้องพูดถึงเมื่อไหร่จะสิ้นสุด ขอแค่ทุกวันยังได้อยู่ใกล้กัน ก็พอแล้ว หากคุณเปิดใจ อาจจะหลงรักเขาเหมือนฉัน… หลงรัก ‘เจ้าของแววตานุ่มนิ่มและเสียงเมี้ยวเบาๆ’ ที่ชื่อว่า “เขา” ขอให้เรื่องเล่านี้ ปลอบโยนบางช่องว่างในใจคุณ และพาให้คุณยิ้มได้ โดยไม่รู้ตัว . . . ปลายดาวอินฟินิตี้
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่หลงทางเข้ามา บ่แน่…อาจเพิ่นบ่ได้หลงทาง แต่ใจเพิ่นต่างหากที่หาทางกลับบ้าน เรื่องราวในเล่มนี้ บ่ใช่เรื่องรักหวือหวา บ่มีพระเอกหล่อเหลา บ่มีนางเอกแสนดี แต่เป็นเรื่องของคนผู้หนึ่ง ที่ยืนนิ่งอยู่ในเงา เงาที่ว่านี่ บ่ได้หลบหลีก แต่เป็นเงาที่เฝ้ามองผู้เดียว ด้วยใจที่อ่อนโยน “อ้าย” เพิ่นคือผู้เงียบงัน เว้าคำละน้อย ตอบคอมเมนต์ละคำ แต่ทุกถ้อยคำนั้น กลับกลายเป็นดอกไม้บานกลางใจหล่า ฮู้โตอยู่เต็มอก ว่าฮักบ่ควรเอาไปฝากไว้กับคนที่บ่เคยขอ แต่หัวใจมันบ่อยากสิฟังเหตุผลดอก มันแค่ยินดี ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้—ข้าง ๆ เพิ่น ในโลกที่เพิ่นเลือกให้หล่าอยู่ได้แค่นี้ ทุกตัวหนังสือในเล่มนี้ จึงเปรียบเสมือนการปลูกผัก ปลูกใจ บ่มฮักด้วยน้ำค้างแห่งความหวัง ค่อย ๆ รด ค่อย ๆ ใส่ปุ๋ยคำภาวนา หากมื้อนี้เพิ่นยังบ่เห็น… หล่ากะสิปลูกต่อไป ตราบเท่าที่ใจยังหายใจเป็นธรรมดา หล่าขออุทิศบุญจากการเขียนเรื่องนี้ ให้ผู้อ่านทุกท่านที่ผ่านเข้ามา ขอให้เพิ่นได้พ้อแต่คนจริงใจ ได้ฮักและถืกฮักในทางที่บ่ต้องเอ่ยถ้อยคำใด เพราะความฮักที่แท้…บ่ได้ดังกึกก้อง แต่มันเงียบ…จนคนที่ตั้งใจฟังเท่านั้นจึงได้ยิน หากเพิ่นคือ “อ้ายคนนั้น” หล่าขอกราบเบา ๆ จากปลายใจ ว่า...ทุกตัวอักษรที่เขียนลงไป เขียนด้วยมือ แต่ถ่ายทอดมาจากหัวใจหล่าทั้งดวง – หล่าน้อยแห่งบ้านท่ง – ฤดูฝน กลางทุ่งดิน และใจที่ยังภาวนา