13 ต.ค. เวลา 01:59 • หนังสือ

รีวิว “Project Hail Mary - ภารกิจกู้สุริยะ” นี่มันหนังสือ Sci-fi เนิร์ดวิทยาศาตร์ที่โคตรสนุก!!!

นี่ก็เอาไปดองไว้ซะนาน ถือโอกาสนี้มาป้ายยาทุกคนต่อเลย
เพราะยังไม่สายเกินไป หนังสือถูกเอาไปสร้างเป็นภาพยนต์ฟอร์มยักษ์ซึ่งได้นักแสดงนำชายอย่าง “Ryan Gosling” มารับบทนำ และจะเข้าฉายปีหน้า
ที่สำคัญ...หนังสือตีพิมพ์ล็อตสุดท้ายก็ถูกนำมาวางขายที่ #งานหนังสือ68 #ThaiBookFair2025 นี้ด้วย ยังทันนะทุกคน ก่อนจะขาดตลาดและกลายเป็นแรร์ไอเทมนะคะ ฮ่า!
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อจู่ๆ ดวงอาทิตย์อันร้อนระอุของเรา ก็มีที่ท่าว่าอุณหภูมิที่ควรจะเป็นนั้น เปลี่ยนไปนิดหน่อย
เอาล่ะ ไอ้คำว่านิดหน่อยนี่เอง ที่ทำให้การค้นพบนี้กลายเป็นวาระแห่งชาติ!
เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป มันคือหายนะของเผ่าพันธุ์มนุษย์และโลกเลยทีเดียว
ความหวังของเราในตอนนี้ฝากไว้กับ ‘ดร.เกรซ’ ชายที่ตื่นขึ้นมาบนยานอวกาศพร้อมกับความทรงจำที่เละเป็นวุ้น
และคนแปลกหน้าสองคนที่กลายเป็นกระดูกไปแล้ว
ยังดีที่ความทรงจำของเขาค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาทีละนิด (อย่างน้อยเค้าก็เริ่มจำได้แล้วว่าตัวเองน่าจะเป็นนักวิทยาศาตร์)
หลังจากงมกับการทดลองเพื่อค้นหาคำตอบอยู่นาน เขาก็ได้รับรู้แล้วว่าตัวเองกำลังแบกรับภารกิจอะไร
ภารกิจอันใหญ่หลวง ท่ามกลางอวกาศอันเวิ้งว้างที่ควรจะมีเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วย กับเหลือเพียงเขาคนเดียว!
แล้วภารกิจกู้สุริยะในครั้งนี้จะเป็นไปได้หรือไม่?
ชะตากรรมที่โดดเดี่ยวของเขาจะเป็นอย่างไร
หรือว่าเรื่องราว...มันจะเหนือความคาดหมายของเราไปแล้วก็ได้!
นี่เป็นผลงานเล่มล่าสุดของคุณนักเขียน Andy Weir กับผลงานอันโด่งดังที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่ออย่าง The Martian แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าหนังสือเล่มนี้มันจะเนิร์ดวิทยาศาตร์ขนาดไหน
แต่ภายใต้สถานการณ์อันกดดันและตึงเครียด
Andy Weir ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้น ให้กลายเป็นพลัง และกำลังใจในการสู้ชีวิตได้ดีเสมอเลย
เราไม่เคยดูเรื่อง The Martian มาก่อน นึกมาตลอดว่าหนังชายคนหนึ่งถูกทิ้งไว้โดดเดี่ยวบนดาวอังคารจะเครียด
แต่หลายคนกลับบอกว่านี่เป็นหนังน่าดูเมื่อคุณรู้สึกต้องการกำลังใจเลย
และฟีลลิ่งของ Project Hail Mary ก็เหมือนกัน
เรื่องราวที่เล่าผ่านนักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.เกรซ นอกจากจะเก่งแล้ว ยังมีอารมณ์ขันอย่างน่าเหลือเชื่อ
ท่ามกลางเหตุการณ์ที่ดูหมดหนทาง ตัวเอกเราก็จะหาทางแก้ปัญหาไปทีละเรื่องๆ จนได้ บางครั้งอ่านไปชั้นยังต้องขรรมไป
นี่มันใช่เวลามาคิดแบบนี้มั้ยดอกเตอร์! จะบ้า ฮ่า!
‘ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์! เราคืบหน้ากันไปได้หน่อยแล้ว! ถึงเวลาใช้วิทยาศาตร์แล้วสิ เอาละ สมองอันชาญฉลาดเอ๋ย คิดอะไรออกมาหน่อยเซ่!
-—- หิวอ่ะ
น่าผิดหวังจริงๆ เจ้าสมอง’
บอกเลยว่าพระเอกได้ Ryan Gosling มาเล่นที่แหละถูกต้อง
หนังสือยังจัดเต็มความเนิร์ดวิทยาศาสตร์แบบเน้นๆ ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่อยากอ่านเล่มนี้เลย ขนมาหมดโดยเฉพาะฟิสิกส์อวกาศ แถมชีวะมาอีกเล็กน้อย
คุณไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เข้าใจ (ตอนนี้ยังงงเรื่องการหมุนเหวี่ยงอยู่เลย ขอโทษนะดอกเตอร์) สุดท้ายด้วยรายละเอียดมากมาย เค้าจะสรุปให้ว่าสิ่งนี้ต้องการสื่อถึงอะไร
แต่ก็แอบคิดว่าหากไม่ใช่ทางวิทย์มาเลยอาจจะมีงงบ้าง หรือรู้สึกว่าไอ้นักฟิสิกส์นี่กำลังพล่ามอะไรให้เราฟังงั้นหรือ ฮ่า!
สำหรับเรา (ชาวสายวิทย์แบบครึ่งๆ กลางๆ) ชอบมากเวลาที่พระเอกพยายามดัดแปลงการทดลองให้เข้ากับสิ่งที่เขามีเพื่อหาคำตอบบางอย่าง
บางครั้งมันทำให้คิดว่า การทดลองที่จริงมันสนุกขนาดนี้เลยเหรอ!
หลายอย่างเป็นการทดลองที่เคยเล่นๆ มาสมัยเรียน อย่างการแกว่งลูกตุ้ม การปล่อยของแข็งกับขนนกตกจากที่สูง (รู้แต่ตอนนั้นไม่ไหวกับฟิสิกส์มาก จะร้อง)
แต่ความจริงแล้วมันก็ดูเข้าใจไม่ยากนี่นา และการทดลองที่ง่ายขนาดนี้ยังทำให้พระเอกเรารู้คำตอบที่ยิ่งใหญ่อย่างตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนได้ด้วย
โอ้ย นี่คนอ่านก็พล่ามอีกแล้ว ฮ่า!
สุดท้าย มาให้กำลังใจกันว่าภารกิจระดับโลกในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร
เอาละ ใครอยากอ่านเรื่องนี้ให้สนุกที่สุด จงรับการสปอยแต่เพียงเท่านี้ เป็นหนังสือที่ฟังสปอยน้อยที่สุดยิ่งสนุก
ขอสปอยเพิ่มอีกนิดเดียวว่า นี่ไม่ใช่แค่นิยายวิทยาศาตร์!
แต่มันยังเต็มไปเรื่องราวมิตรภาพที่เกินคาดและงดงามที่สุดเรื่องนึงเลย!
โฆษณา