จากกรณีการลอยเเพกลุ่มผู้เเสวงบุญกว่า 100 ชีวิต
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องการเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์กว่า 100 คน ซึ่งถูกลอยแพโดยบริษัททัวร์ที่รับจัดการเดินทาง
ถือเป็นเรื่องสะเทือนใจและเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของสังคมมุสลิมไทย เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับผู้ที่มีเจตนาบริสุทธิ์ในการแสวงบุญ
และสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาทั้งในระดับบุคคล บริษัท และสังคมโดยรวม
ส่วนที่ 1: ผู้ต้องการเดินทาง (ฮุจยาต) เหยื่อที่น่าเห็นใจที่สุด
กลุ่มที่น่าเห็นใจที่สุด คือ “ผู้ต้องการเดินทางไปแสวงบุญ” เพราะทุกคนเก็บเงินสะสมมาเป็นเวลานาน
ด้วยความศรัทธาและความหวังว่าจะได้ไปเป็นแขกของพระผู้เป็นเจ้า การที่พวกเขาต้องมาพบกับเหตุการณ์เช่นนี้จึงเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบาย
มีบางเสียงพยายามจะกล่าวโทษว่าฮุจยาต “อยากได้ของถูก” หรือ “เลือกทัวร์ราคาประหยัด” แต่ในความเป็นจริง หลายบริษัทที่เกี่ยวข้องมีหลักแหล่งชัดเจน มีการดำเนินงานในพื้นที่มานาน
และเป็นที่รู้จักของชุมชน จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ผู้ศรัทธาจะไว้วางใจบริษัทเหล่านั้น
การกล่าวโทษผู้แสวงบุญจึงไม่เป็นธรรม เพราะความผิดอยู่ที่ “ผู้จัดการเดินทางที่ไม่รักษาคำพูด” ไม่ใช่ “ผู้ศรัทธาที่ไว้วางใจ”
ส่วนที่ 2: บริษัทผู้จัดการเดินทาง #ความรับผิดชอบที่ไม่อาจละเลย
ในส่วนของบริษัท สิ่งที่สร้างความผิดหวังคือ “การขาดความรับผิดชอบและการชี้แจงอย่างโปร่งใส” ข้อแก้ตัวเรื่อง “คำนวณค่าตั๋วผิดพลาด” ไม่อาจถือเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผล เพราะธุรกิจทัวร์เป็นงานที่ต้องใช้การวางแผนอย่างรอบคอบ มีการคำนวณต้นทุน ค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าดำเนินการต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ
การที่บริษัทไม่สามารถออกมาชี้แจงรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น เอกสารการจองตั๋ว การชำระเงิน หรือการติดต่อกับสายการบิน เป็นสัญญาณของความไม่โปร่งใส และสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่บกพร่องอย่างร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทได้ “ทำลายความหวัง” ของผู้ศรัทธาที่เก็บเงินมาหลายปีเพื่อไปแสวงบุญ การกระทำนี้จึงไม่อาจให้อภัยได้ง่าย เพราะในธุรกิจศาสนา “ความศรัทธา” คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องได้รับการเคารพสูงสุด
ส่วนที่ 3: มุมมองของประชาชนทั่วไป #ความเห็นใจแทนการกล่าวโทษ
ในช่วงเวลาที่ผู้ศรัทธากำลังเผชิญความทุกข์ หลายคนกลับเลือกใช้ถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์แทนที่จะให้กำลังใจ ทั้งที่ในความเป็นจริง ราคาทัวร์ที่ฮุจยาตเหล่านี้เลือกก็ไม่ได้ “ถูกผิดปกติ” แต่อย่างใด สิ่งที่พวกเขาต้องการเพียงอย่างเดียวคือ “โอกาส” ที่จะไปประกอบศาสนกิจอันศักดิ์สิทธิ์
ในฐานะประชาชนทั่วไป เราควรเลือก “แสดงความเห็นใจแทนการตัดสิน”
ควรภาวนาให้ผู้เสียหายได้รับความเข้มแข็ง ก้าวผ่านบททดสอบนี้ไปได้
และหากใครมีความสามารถหรือเครือข่าย ก็ควรช่วยผลักดันให้พวกเขาได้รับสิทธิ์และเงินคืน รวมถึงเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้ได้ไปแสวงบุญในอนาคต
การซ้ำเติมในยามที่คนอื่นล้ม ไม่ได้ทำให้เราเป็นคนดีขึ้น
ส่วนที่ 4 : มุมมองในฐานะนักการศาสนา การให้คำสัญญารักษาคำพูด (อามานะฮ
แต่การยื่นมือให้ในยามที่เขาเจ็บ คือ สิ่งที่สะท้อนความเป็นพี่น้องที่แท้จริงในอิสลาม
ขอดุอาอ์ให้ผู้เสียหายทุกท่านได้รับความเข้มแข็ง และขอให้พระผู้เป็นเจ้าประทานโอกาสให้พวกเขาได้ไปแสวงบุญ ณ เมืองมักกะฮ์ ในเร็ววัน
ด้วยรักเเละดุอาฮฺ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนเสียหายอย่างรุนแรง แก่ผู้ตั้งใจเดินทางไปแสวงบุญ ซึ่งต้องเสียทั้งเงิน เวลา เเละสำคัญคือความรู้สึก จากนั้นพี่น้องมุสลิมผู้ประสบเหตุบางส่วน ได้พากันเดินทางไปยัง สภ.คลองหอยโข่ง
เข้าพบพนักสอบสวนเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการดำเนินคดีเอาผิดกับบริษัททัวร์รายดังกล่าว พนักงานสอบสวนแนะนำว่า เห็นควรให้ผู้ประสบเหตุ เดินทางกลับไปแจ้งความร้องทุกข์ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นภูมิลำเนาอาศัย จะสะดวกกว่าในการเดินทางไปมา ซึ่งผู้ประสบเหตุก็เข้าใจเหตุผล และพากันเดินทางกลับจังหวัดปัตตานี เพื่อเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
นักวิชาการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ร.ศ. ดร. ชัยวัฒน์ มีสันฐาน
กับ 3 เเนวคิดในความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะพลเมืองของประเทศ
#AnurakNews #ลอยเเพ #อุมเราะฮ #ฮุจญาจ #ผู้เเสวงบุญ #ข่าว #อนุรักษ์มรดกอิสลาม #อนุรักษ์ทีวี #AnurakTV
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
