Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดินสอ ธรรม
•
ติดตาม
28 ต.ค. เวลา 14:49 • ปรัชญา
วิถีแห่งการพ้นทุกข์ ว่าด้วยการละ คือ การสลัดออก การปล่อยไป การคลายความยึดมั่นจนสิ้น
Great Reset Age: 2020 - 2030
ปัจจุบัน คศ. 2025 คนเป็นทุกข์ ด้านเศรษฐกิจ
เพราะปัญหาสังคมรวยกระจุก จนกระจาย
เศรษฐกิจโลกมีปัญหาหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งๆ ที่ ทรัพยากรมีเพียงพอสำหรับทุกคน แต่กลับไม่กระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม
เพราะสังคมอุปถัมภ์ ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ด้วยห่วงโซ่ผลประโยชน์อุปถัมภ์แบบนายทาสเป็นชั้นๆ แตกแขนงต่อเนื่องกันเป็นสังคมรวยกระจุก จนกระจาย
ล่าสุด ประชาชน คนรุ่นใหม่ของหลายประเทศ หมดความอดทนต่อระบบสังคมอุปถัมภ์ ลุกขึ้นมาล้มล้างอำนาจจอมปลอม ตัวตนสมมุติของระบบอุปถัมภ์
บางประเทศทำรุนแรงถึงกับ"ไล่ล่า แม่มด"
ความจริง คนเรา ไม่ได้เป็นอะไร เป็นก็เป็นด้วยสมมุติ
คนเราหลงสมมุติ คิดว่าเป็นความจริง จึงเป็นทุกข์
คนเราหลงสมมุติ คิดว่าเป็นความจริง จึงเป็นทุกข์
ความจริง คนเราเกิดคือรับอาสามาตาย
ชีวิตคนเราเหมือนได้ visa มาท่องเที่ยว เพียงชั่วคราว
เมื่อ visa หมดอายุ เราก็ต้องจากโลกนี้ไป ตัวเปล่าๆ
ไม่มีใคร เอาอะไรมา และไม่มีใครได้อะไรไปจากโลกนี้
เพราะสรรพสิ่งเป็นของโลก ไม่ใช่ของเรา
หลวงพ่อชา สอนเรื่อง ตัวตน ว่า
"ผู้ที่เห็นตัวตนจริงๆ คือเห็นว่า ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน"
คนที่เป็นทุกข์ เพราะยังติดอยู่ในโลกของ ตัวตนสมมุติ
โลกสมมุติ ไม่ใช่บ้านที่แท้จริง ของมนุษย์
บ้านที่แท้จริง คือความสงบที่อยู่เหนือสุข เหนือทุกข์
Always Remember for Peace Life
Always Remember for Peace Life
แต่มนุษย์ไม่เคยตื่นจากโลกสมมุติ อย่างแท้จริง
มนุษย์หลับอยู่ในโลกสมมุติทั้งขณะลืมตาและหลับตา
พุทธศาสนาสอนชาวพุทธให้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเพื่อจะตื่นขึ้นจากโลกสมมุติอย่างแท้จริง
หลวงพ่อชา สอนเรื่องการยึดมั่น
เปรียบเหมือนการหมุนน็อตทางขวาเข้าไปตามแกนเกรียวน็อต ถ้าหมุนเข้าไปยิ่งนาน น็อตยิ่งเข้าไปลึก การจะหมุนน็อตย้อนไปทางซ้ายเพื่อคลายออก ก็ต้องใช้เวลานานตามความลึกนั้น ในทำนองเดียวกัน ความยากง่ายในการละกิเลสของแต่ละคน ก็ใช้เวลา มาก น้อย ตามความยึดมั่นไม่เท่ากัน
หลวงพ่อชา สอนเรื่องการยึดมั่น เปรียบเหมือนการหมุนน็อตทางขวาเข้าไปตามแกนเกรียวน็อต ถ้าหมุนเข้าไปยิ่งนาน น็อตยิ่งเข้าไปลึก การจะหมุนน็อตย้อนไปทางซ้ายเพื่อคลายออก ก็ต้องใช้เวลานานตามความลึกนั้น
หลวงพ่อชา สอนเรื่อง ลำดับของการจะละจากสิ่งใด ต้องเห็นโทษของสิ่งนั้นชัดเจนก่อน จึงละมันได้
การละ คือ การสลัดออก การปล่อยไป การคลายความยึดมั่นจนสิ้น
คนหลงยึดขันธ์ห้าว่าเป็นอัตตา เพราะไม่เห็นโทษชัดว่า
รูปขันธ์ ของเน่าเปื่อย
เวทนาขันธ์ ความสุขทุกข์ ที่ไม่เที่ยง แต่เปลี่ยนไปมา
สัญญาขันธ์ ภาพจำอดีต ที่หลอกลวง ไม่เป็นปัจจุบัน
สังขารขันธ์ ความคิด ที่ปรุงแล้วปรุงอีก
วิญญาณขันธ์ การรับรู้ ที่เกิดแล้วก็ดับ
ถ้าเห็นโทษชัดแล้วจะเบื่อหน่าย และตื่นรู้ว่า "สรรพสิ่งไม่ควรยึดมั่นถือมั่น" จึงจะมีพลังสติค่อยๆ ถอนสมมุติออกจนหมดได้เห็นวิมุตติหลุดพ้นไปอยู่เหนือดีเหนือชั่ว
ความยากง่ายในการละกิเลสของแต่ละคน
ใช้เวลา มาก น้อย ตามความยึดมั่นที่ไม่เท่ากัน
การละกิเลสต้องใช้ปัญญา ละด้วยการเพียร วิริยะ
ใช้ชีวิตปฏิบัติธรรมต่อเนื่องทุกวินาที
ด้วยความไม่ประมาทต่อธรรมะคือ
"วิริยะ มุ่งมั่น ค่อยๆ ถอนสมมุติให้สำเร็จ" โดย
เพียรระวังไม่ให้กิเลสเกิด
เพียรละกิเลสที่เกิดแล้ว
เพียรทำกุศลให้เกิด
เพียรรักษากุศลที่เกิดแล้ว
ไม่ใช่แค่รู้ว่ารูปไม่เที่ยงแล้วจบ แต่ต้องตั้งใจเจริญปัญญา เพียรตั้งสติ จนการยึดคลายไปทีละน้อย
หลวงปู่มั่น สอนว่า ธรรมะนี้ รู้แล้วต้องทำ ถ้าไม่ทำ มันเป็นเพียงความจำ ไม่ใช่ปัญญา
หลวงปู่มั่น สอนว่า ธรรมะนี้ รู้แล้วต้องทำ ถ้าไม่ทำ มันเป็นเพียงความจำ ไม่ใช่ปัญญา
วิธีการละกิเลสด้วยการบรรลุผลสมาธิ สมถะ วิปัสสนา
เพราะใจที่ฟุ้งซ่าน ย่อมไม่เห็นความจริง
การปฏิบัติสมาธิแบบสมถะ เหมือนปรับทำให้จิตนิ่ง
การปฏิบัติสมาธิแบบวิปัสสนา เหมือนปรับให้จิตแยกแยะธรรม เหตุ ปัจจัย เงื่อนไข เวลา ให้เห็นชัดเจน เมื่อเห็นความจริง แล้ว ยอมรับรู้ว่า มันเป็นธรรมชาติเช่นนั้นเอง เช่น คน รู้จักลิง เห็นลิงไม่นิ่ง ก็ไม่รำคาญ
วิธีการละด้วยการเจริญปัญญาเห็นไตรลักษณ์
เมื่อเกิดอารมณ์มากระทบใจ ให้ละด้วยการเจริญปัญญาเห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งเป็นสามัญลักษณะ ความไม่เที่ยง ถ้ายึดฝืนไว้จะเป็นทุกข์
หลวงพ่อชา ให้คาถา เพื่อละ อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดมา กระทบใจว่า "ไม่แน่" เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนอารมณ์ เช่น อาหารที่อร่อย ให้กินทุกวัน เดี๋ยวมันก็ไม่อร่อย เพราะคนเรานั้นอยู่ได้ึด้วยความเปลี่ยนแปลง
แม้ว่าเราอยู่ในโลกเดียวกัน
เกิด ปัญหาสังคมรวยกระจุก จนกระจาย
เศรษฐกิจโลกมีปัญหาหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
คนในบางประเทศตื่นขึ้นมา ขจัดปัญหาให้พ้นไปได้
แต่ คนในหลายประเทศยังขจัดปัญหาให้พ้นไป ไม่ได้
เพราะมนุษย์ไม่เคยตื่นอย่างแท้จริง
มนุษย์หลับทั้งขณะลืมตาและหลับตา
พุทธศาสนาสอนชาวพุทธให้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเพื่อจะตื่นขึ้นอย่างแท้จริง
ด้วยการเจริญปัญญาตั้งสติต่อเนื่องทุกลมหายใจ
ทำสมาธิจดจ่ออย่างเต็มที่ต่อประสบการณ์หนึ่ง
เพื่อจะกันเรื่องอื่นๆ ออกไป และการรับรู้ของเราจะเปลี่ยนเป็นการ "ซึมซับ" เพราะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเรื่องที่กำลังจดจ่อเกิดเป็นสมาธิจิตที่ควรแก่การงาน
สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล
ด้วยมีสมาธิที่จดจ่อพร้อมกับปฏิบัติธรรม วิริยะ
คือ
เพียรระวังไม่ให้กิเลสเกิด
เพียรละกิเลสที่เกิดแล้ว
เพียรทำกุศลให้เกิด
เพียรรักษากุศลที่เกิดแล้ว
ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเพื่อจะตื่นขึ้นอย่างแท้จริง
พุทธศาสนา สอนอริยสัจสี่: ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์ต้องกำหนดรู้สมุทัยตัวตนสมมุติ ถ้าเห็นทุกข์ชัดเจน จึงจะมีพลังสติมากพอ ค่อยๆ ถอนสมมุติออก จนหมด ได้เห็นวิมุตติ หลุดพ้นโดยตื่นขึ้นอย่างแท้จริง
เป็นการตื่นด้วยสติของตาใน
"ระลึก รู้สึกสงบสุขด้วยความว่างของจิตผู้รู้ที่ไร้ตัวตนแต่เป็นเอกภาพกับจิตเดิมแท้"
ด้วยสติหยุดนิ่งอยู่เป็นปัจจุบันเสมอพร้อมเชื่อมโยงกับโลกของทุกสรรพสิ่งโดยรอบอย่างไร้ทุกข์และเป็นนิรันดร์ ไม่มีวันดับสูญ
เป็นสภาวะที่มันอยู่ลึกๆ ในตัวเรา ที่เราสัมผัสมันได้ในยามที่จิตนิ่ง เป็นสติจดจ่อเต็มที่กับปัจจุบันขณะ อย่างเป็นเพียงผู้รู้ตัวทั่วพร้อมและละวางจิตใจที่ชอบวิเคราะห์วิจารณ์
สมาธิที่จดจ่ออย่างเต็มที่ต่อประสบการณ์หนึ่ง เพื่อจะกันเรื่องอื่นๆออกไป การรับรู้ของเราจะเปลี่ยนเป็นการ "ซึมซับ" และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเรื่องที่กำลังจดจ่อ
เมื่อสมาธิที่จดจ่อตั้งมั่นจนไม่มีอะไรมารบกวนสมาธิได้
แล้ว ประสบการณ์ภายในจะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวและมั่นคง แล้ว ความสว่างภายในจะบังเกิดโดย ร่างกาย และจิตใจ ตลอดจนที่ว่างทั้งมวล จะปรากฏแสงเต็มไปหมด แล้ว จะตามมาด้วย ปิติ ความสุข ขยายขอบเขตการรับรู้ และความสามารถที่จะเข้าสู่สภาวะอันสงบนิ่งอย่างลึกซึ้ง เรียกว่า ญาณ
บันทึก
5
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย