บทความนี้ จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า AEO คืออะไร ขั้นตอนการทำ AEO ต่างจาก Traditional SEO อย่างไร และดีกับธุรกิจ SME อย่างไรบ้าง?
การเข้ามาของ AI เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำ SEO เป็น AEO ได้ยังไง?
AEO ต่างจาก SEO อย่างไร
เราจะเห็นได้ชัดจากหลายเวทีใหญ่ ๆ ของเอเจนซี SEO ในไทยที่เริ่มพูดถึงประเด็นการทำ SEO เพื่อ AI กันมากยิ่งขึ้น การทำ Traditional SEO แบบเดิม ที่หวังเพียงการติดอันดับบน SERPs นั้นอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะ User ได้คำตอบตรงจาก AI Search โดยไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าเว็บไซต์เหมือนที่ผ่านมา ทำให้ Traffic จากการค้นหาบนหน้า Google เริ่มลดลง นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธุรกิจควรหันมาให้ความสำคัญกับการทำ AEO มากยิ่งขึ้น
AEO คืออะไร?
AEO ย่อมาจาก Answer Engine Optimization คือการปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ให้ตอบคำถามผู้ใช้งานได้ทันที และมีประสิทธิภาพจนระบบ AI Search Engine เช่น ChatGPT, Gemini, Perplexity, Claude AI และเครื่องมือ AI ตัวอื่น ๆ ดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ของเราไปใช้อ้างอิงได้โดยตรง ดังนั้น การทำ AEO จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการมองเห็น (Visibility) ความน่าเชื่อถือ (Credibility) และสร้างยอดขาย (Conversion) ให้กับแบรนด์ได้ไม่แพ้การทำ SEO แบบดั้งเดิม
ความแตกต่างระหว่าง SEO และ AEO มีอะไรบ้าง?
AEO ต่างจาก SEO อย่างไร? แม้ว่าการทำ SEO และ AEO จะมีเป้าหมายในการเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ให้มากขึ้นเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองกลยุทธ์นี้มีรายละเอียดทั้งในส่วนของวิธีการและผลลัพธ์ที่ต่างกันหลายจุด ดังนี้
เหตุผลที่ธุรกิจ SME ต้องทำ AEO มีอะไรบ้าง?
ถ้า SME ทำ SEO อยู่แล้ว การไม่ทำ AEO เปรียบเสมือนคุณกำลังคุยกับลูกค้าผ่านประตูหลังบ้าน ในขณะที่คู่แข่งของคุณเดินมาทักทายลูกค้าถึงหน้าประตูด้วยคำตอบที่ใช่และได้ใจกว่า เพราะระบบ AI หรือ Search ปEngine ใหม่ๆ จะเลือกเอาคำตอบที่ดีที่สุดไปแสดงก่อน ไม่ใช่แค่หน้าเว็บที่มีคีย์เวิร์ดเยอะที่สุดอีกต่อไป
●
นำเทรนด์การเสิร์ช นำหน้าคู่แข่งไปอีกก้าว
ในยุคที่กระแส AI Search กำลังมาแรง และทุกธุรกิจเดินหน้าทำการตลาดบน AI Search การเข้าใจเทรนด์การเสิร์ชจึงไม่ใช่แค่การเลือกคีย์เวิร์ด แต่คือการอ่านเกมพฤติกรรมผู้บริโภคให้ขาด ใครที่สามารถปรับกลยุทธ์คอนเทนต์ได้ก่อน ก็จะคว้าโอกาสและก้าวนำคู่แข่งไปอีกหนึ่งก้าวเสมอ
แม้ว่าการทำ SEO แบบดั้งเดิม ที่เน้นให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google จะยังเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี แต่สำหรับธุรกิจเล็ก ๆ โดยเฉพาะ SME ที่เพิ่งเริ่มต้น การจะขึ้นอันดับแข่งกับแบรนด์ใหญ่ที่มีเว็บไซต์แข็งแรง (เช่น Domain Rating หรือ DR สูง) นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ในจุดนี้เอง การทำ AEO (Answer Engine Optimization) เข้ามาช่วยเติมเต็มได้ เพราะช่วยให้เนื้อหาของคุณมีโอกาสถูกดึงไปแสดงใน AI Search ทำให้ในขณะที่คุณกำลังทำ SEO และรอผลลัพธ์ การทำ AEO จะช่วยให้คุณเริ่มถูก “พูดถึง” หรือ “แนะนำ” บนแพลตฟอร์ม AI ใหม่ ๆ ซึ่งช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้ไวขึ้น โดยไม่ต้องรอให้เว็บไซต์ไต่อันดับนานเหมือนแต่ก่อน
●
การทำ AEO ไม่ใช่การทำเพิ่ม แต่คือการอัปเกรด SEO
การทำ AEO ไม่ใช่การทำเพิ่มจากสิ่งที่เคยทำอยู่แล้ว แต่คือการยกระดับ SEO ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการค้นหายุคใหม่ ที่ผู้คนเริ่มหันมาใช้ AI เพื่อหาคำตอบมากกว่าการพิมพ์คีย์เวิร์ดธรรมดา AEO จึงช่วยให้เนื้อหาของคุณถูกหยิบไปใช้ในระบบ AI Search ได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสในการมองเห็นโดยไม่ต้องรออันดับ SEO อย่างเดียว
สำหรับใครที่อยากทำ AEO ให้เว็บไซต์ติด AI Search สิ่งแรกที่ควรให้ความสำคัญมี 2 เรื่องหลัก ๆ
1. ทำให้เว็บไซต์ดาวน์โหลดเร็ว
เพราะเว็บไซต์ที่โหลดช้า ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจ แต่ยังส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO และการอ่านข้อมูลโดย AI ด้วย เพราะระบบของ AI bot มักจะตัดใจจากหน้าเว็บที่โหลดช้าเกินไป ซึ่งการทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นทำได้หลายวิธี เช่น ใช้การบีบอัดภาพ (WebP, Lazy Loading), ลด JavaScript ที่ไม่จำเป็น เป็นต้น
2. ทำ LLMs.txt, Robots.txt
การทำ LLMs.txt, Robots.txt เป็นการอนุญาตให้ AI bot สามารถเข้ามารวบรวม (Crawler) เนื้อหาในเว็บไซต์เราได้ รวมถึงยังเป็นการบอกให้ AI ทราบว่าข้อมูลส่วนไหนของเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้และส่วนไหนไม่อนุญาตให้เข้าถึง
3. ทำ Web API
การทำ Web API ภายในเว็บไซต์ เปรียบเสมือนการทำ Structured Data ภายในเพื่ออนุญาตให้ AI bot สามารถนำข้อมูลในเว็บไซต์ของเราไปใช้อ้างอิงได้ง่าย เมื่อ AI bot สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็น Structured Data หรือ API ได้ง่าย ก็มีแนวโน้มที่จะ "อ้างอิง" เว็บของคุณในการตอบคำถามมากขึ้น
🔹 เขียนคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการเสิร์ชบน AI
ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ค้นหาคำว่า “ประโยชน์จากการทำ AEO” คอนเทนต์ควรอธิบายทั้งนิยาม ความสำคัญ และตัวอย่างการใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การอธิบายเชิงทฤษฎีเพียงอย่างเดียว เมื่อบทความตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ Google และ AI Search ก็จะยกบทความนั้นขึ้นมาแสดงผลในอันดับที่ดีกว่า
นอกจากนี้ การวางโครงสร้างของบทความให้อ่านง่ายก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่น เขียนเนื้อหาให้กระชับ ตอบคำถามตั้งแต่ต้น การทำตารางเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ไปจนถึงการใส่ Bullet Point หรือการทำ Number List เพื่อให้ผู้อ่านและ AI bot สามารถเข้าใจเนื้อหาของบทความนั้นได้ทันที
🔹 ปรับ Copywriting ให้เหมาะกับ User & AI
ในการทำบทความ SEO จะต้องมีการวางโครงสร้าง Heading Tag หรือการตั้งชื่อหัวข้อบทความด้วย Focus keyword เพื่อให้ผู้อ่านและ Googlebot เข้าใจเนื้อหาของบทความได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ในการทำ AEO นอกจากการใส่ Focus keyword แล้ว เพื่อให้การตั้งชื่อหัวข้อในบทความสอดคล้องกับพฤติกรรมการเสิร์ชของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น ควรทำ Copywriting ให้เป็นประโยคคำถาม เพื่อเพิ่มโอกาสที่ AI bot จะเอาข้อมูลไปใช้มากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น
●
ความหมายของ AEO → AEO คืออะไร?
●
ความสำคัญของ AEO → AEO คืออะไร?
●
ประโยชน์ของ AEO กับธุรกิจ SME → การทำ AEO เหมาะกับธุรกิจ SME อย่างไร?
🔹 ทำ Brand Mention
ระบบ AI ไม่ได้พิจารณาแค่เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น แต่ยังถามหาความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์จากแหล่งอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าว่าแบรนด์ของคุณมีตัวตนจริง มีความน่าเชื่อถือ และถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องมากแค่ไหน
โดยสิ่งสำคัญที่จะต้องทำคือการเพิ่ม Brand Mention เพื่อให้แบรนด์ของคุณ มีตัวตนอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม (Omnichannel) ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หลัก, Social Media, Marketplace รวมไปถึงการมีเว็บไซต์ในธุรกิจเดียวกันอื่น ๆ พูดถึงคุณ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ (Trust signals) และช่วยให้ AI มองว่าแบรนด์ของคุณมีตัวตนจริงมากขึ้นได้อีกด้วย
หากเราต้องการดูว่าในแต่ละกลุ่มบริการ เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว เรามี AI Share of Voice เท่าไหร่ก็สามารถทำได้โดยการเพิ่ม ชื่อแบรนด์ของคู่แข่งเพื่อดูว่า Share of voice ของแบรนด์เราคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
เพราะฉะนั้น Metrics ที่ใช้วัดผล SEO แบบเดิมจึงไม่เพียงพออีกต่อไปหากจะทำ AEO ควรกำหนด Metrics ที่ลึกกว่า เช่น AI visibility ว่ามีการกล่าวถึงแบรนด์คุณมากน้อยเพียงใด และ AI Share of voice เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ว่าในแต่ละกลุ่มบริการเรามี Share of voice เมื่อเทียบกับคู่แข่งมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะนำไปพัฒนาและปรับปรุงการทำ AEO ต่อไป
เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจาก SEO สู่ AEO : คำแนะนำจากคุณไอซ์ ศิริพงษ์ แห่ง NerdOptimize
คุณไอซ์ ศิริพงษ์ กลิ่นขจร, CEO & Co-Founder จากบริษัทรับทำ SEO ผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของประเทศไทย Nerd Optimize ได้มีคำแนะนำเกี่ยวกับการยกระดับ SEO สู่ AEO สำหรับกลุ่มธุรกิจ SME ไว้ดังนี้
“การทำ SEO อย่างเดียวในปัจจุบันไม่เพียงพออีกต่อไปครับ เพราะ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการค้นหาและคัดเลือกข้อมูลมานำเสนอให้ผู้ใช้โดยตรง การทำ SEO จึงไม่ใช่แค่การทำอันดับบนหน้าผลการค้นหาแบบเดิมๆ แต่คือการสร้างรากฐานเว็บไซต์ที่แข็งแกร่งเพื่อให้ AI มีโอกาส ‘หยิบ’ ข้อมูลและ ‘พูดถึง’ แบรนด์ของเรามากขึ้น
ซึ่งทางรอดของธุรกิจ SME คือการปรับมุมมองใหม่ โดยเปลี่ยนวัตถุประสงค์จากการวัดผลแค่ยอดคลิกเข้าเว็บไซต์ มาให้ความสำคัญกับเมตริกใหม่อย่าง Brand Mention หรือ Brand Visibility ผ่านการแนะนำของ AI เพราะเราไม่สามารถควบคุมให้ผู้ใช้คลิกเข้าสู่เว็บไซต์ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป
ดังนั้นเป้าหมายสำคัญที่สุดที่เราทำได้คือ การทำให้แบรนด์ของเรามีตัวตนและถูกพูดถึงในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งในอนาคตอันใกล้ พื้นที่เหล่านั้นจะถูกคัดเลือกและนำเสนอโดย AI มากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ”
จาก SEO ไปสู่ AEO การเปลี่ยนเกมการตลาดในยุค AI Search Engine
เมื่อเวลาเปลี่ยน วิธีการทำการตลาดก็ต้องก้าวตามไปด้วย การทำ SEO แบบดั้งเดิมอาจไม่ครอบคลุมการมองเห็นบนโลกดิจิทัลเหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะในยุคที่ AI กลายเป็นเครื่องมือค้นหาคำตอบที่สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ จนหลายคนใช้เป็นผู้ช่วยหลักในการทำงาน หากธุรกิจต้องการยืนระยะอย่างมั่นคงบนโลกออนไลน์ การปรับเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับ AEO (Answer Engine Optimization) จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะนี่คือการยกระดับ SEO ไปอีกขั้น และคืออนาคตของ Search อย่างแท้จริง