14 ต.ค. เวลา 10:45 • นิยาย เรื่องสั้น

​ตอนที่ 1: วันที่บนภาพถ่าย

​สายลมแห่งเดือนพฤศจิกายนพัดเอื่อยเฉื่อยไปทั่วเมืองเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะถูกลืมไว้ในแอ่งกระทะแห่งที่ราบสูงอีสาน ความสงบสุขที่นี่เกาะกุมแน่นหนาจนเกือบจะกลายเป็นความเฉื่อยชา
‘อิง’ รู้สึกเช่นนั้นทุกครั้งที่เธอบิดมอเตอร์ไซค์คันเก่าออกไปทำข่าว นักข่าวสาวจบใหม่ไฟแรงที่เคยฝันถึงการเปิดโปงคดีทุจริตระดับชาติ กลับต้องมานั่งเขียนข่าวหมาแม่ลูกอ่อนออกลูกลายเสือโคร่ง หรืองานเปิดท้ายขายของของเทศบาล
​"อีกแล้ว... ข่าวเปิดงานกาชาด" เธอบ่นกับตัวเองขณะจอดรถ ความน่าเบื่อหน่ายกัดกินจิตใจเธอทุกวัน เมืองนี้ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรให้เธอได้ใช้สัญชาตญาณนักข่าวของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
​แต่แล้ววันหนึ่ง... มันก็ปรากฏขึ้น
​ราวกับฝนที่ตกลงมายังต้นไม้ที่กำลังแห้งเหี่ยว ตู้ถ่ายภาพโพสการ์ดสีแดงสดสไตล์เรโทรตั้งตระหง่านอยู่บนทางเท้า
หน้าร้านโชห่วยเก่าคร่ำคร่าของลุงขจร ชายชราหน้าบึ้งตึงที่ไม่เคยมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ร้านของแกกำลังจะตายอย่างช้าๆ หลังการมาถึงของร้านสะดวกซื้อสาขาใหม่ที่อยู่ถัดไปไม่กี่คูหา
​"ตู้บ้าบออะไรมาตั้งขวางทางเข้าบ้านกูวะ!" เสียงแหบแห้งของลุงขจรตะโกนลั่นในเช้าวันแรกที่เห็นมัน แต่ความขี้เหนียวก็เอาชนะความขี้โมโห เมื่อแกเห็นว่ามันตั้งอยู่บนพื้นที่สาธารณะ การจะไปยุ่งกับมันอาจนำเรื่องเสียเงินเสียทองมาให้ แกจึงได้แต่สบถด่าแล้วปล่อยมันไว้อย่างนั้น
​ช่วงแรก ตู้ปริศนาไม่ได้รับความสนใจจากใครนัก มันเป็นเพียงวัตถุแปลกปลอมที่ตั้งอยู่อย่างเงียบงัน มีเพียงแสงไฟจากหน้าจอที่สว่างวาบเชื้อเชิญให้คนลองเข้าไปใช้บริการ
ที่ซึ่งก็ไม่มีใครทำ...
​จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่ง กลุ่มนักเรียนมัธยมปลาย 4 คน นำโดย ‘นัท’ เด็กสาวหน้าตาดีผู้มีตำแหน่งดาว TikTok ประจำโรงเรียน พร้อมด้วย นุ๊ก, ยาดา และ แพร เดินผ่านมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก
​"เฮ้ย! ตู้ไรอ่ะ ไม่เคยเห็นเลย ลองป่ะ?" นัทเสนอด้วยความคึกคะนอง ทั้งสี่คนเบียดเสียดกันเข้าไปในตู้แคบๆ หน้าจอระบบสัมผัสแสดงภาพพื้นหลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัด ทั้งบึงใหญ่กลางเมือง และองค์เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเลือกพื้นหลังเป็นทุ่งดอกไม้ป่า แล้วเสียงนับถอยหลังก็ดังขึ้น... สาม... สอง... หนึ่ง... แชะ!
​แสงแฟลชสว่างวาบจนตาพร่า ครู่เดียวภาพโพสการ์ดขนาดสี่คูณหกนิ้วก็ค่อยๆ เลื่อนออกมาจากช่องรับภาพ ทั้งสี่คนกรูเข้าไปดูผลงาน
​"เห้ย! สวยอยู่นะแก" ยาดาพูดขึ้น แต่แล้วนุ๊กก็ขมวดคิ้ว
"เดี๋ยวนะ... ตัวเลขอะไรบนหัววะ"
​เหนือศีรษะของแต่ละคนในภาพ ปรากฏตัวเลขดิจิทัลสีขาวจางๆ เรียงกันเป็นรูปแบบวันที่:เดือน:ปี
บนหัวของนัท, นุ๊ก และยาดา คือตัวเลขเดียวกันทั้งหมด: 23:09:2029
​"ของแพรไม่เหมือนอ่ะ" แพรชี้ไปที่ภาพของตัวเอง บนหัวของเธอคือตัวเลข: 02:01:2026
​"เออว่ะ สงสัยตู้มันรวนมั้ง" นัทสรุปง่ายๆ "ช่างเหอะ ลงติ๊กต็อกดีกว่า คอนเทนต์ตู้ถ่ายรูปธรรมดา"
​พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น มันเป็นแค่เรื่องตลก เรื่องแปลกที่เอาไว้คุยกันในกลุ่มเพื่อน แต่เมื่อคลิปของนัทถูกโพสต์ลง TikTok พร้อมแคปชั่นติดตลกว่า ‘ตู้ทำนายวันตาย?’ ด้วยยอดผู้ติดตามกว่าสองหมื่นคนของเขา คลิปนั้นก็กลายเป็นไวรัลเล็กๆ ในระดับท้องถิ่นแทบจะทันที
​กระแสนี้ไปเข้าหูของ อิง จนได้ เธอเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้เขียนข่าวที่แตกต่างออกไปบ้าง แม้จะเป็นแค่เรื่องตู้ถ่ายรูปประหลาดก็ตาม เธอไปที่นั่น ทำข่าวสัมภาษณ์วัยรุ่นสองสามคนที่มาลองตามกระแส และเขียนข่าวชิ้นเล็กๆ ลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในหัวข้อ ‘ตู้โพสการ์ดปริศนา แลนด์มาร์กใหม่ขวัญใจวัยรุ่น’
​ความนิยมของตู้เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ คนที่มาถ่ายส่วนใหญ่ก็ได้วันที่เดียวกันคือ 23:09:2029 จนกลายเป็นเรื่องปกติ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้วันที่แตกต่างออกไป กระทู้หนึ่งในพันทิปถูกตั้งขึ้นในห้อง ‘เรื่องลี้ลับ’ มีคนนำภาพมาโพสต์ถกเถียงกัน บ้างก็ว่าเป็นแค่ระบบที่ตั้งค่าผิดพลาด บ้างก็ว่าเป็นกลไกการตลาดแบบลึกลับ แต่ก็มีคอมเมนต์หนึ่งที่น่าขนลุก "มีคนได้วันที่ไม่เหมือนเพื่อน... แล้วถ้ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญล่ะ"
​แต่แล้วทุกอย่างก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา จนกระทั่ง...
​วันที่ 2 มกราคม ปี 2026
​ข่าวอุบัติเหตุสลดพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ รถตู้เสียหลักพลิกคว่ำบนถนนสายมิตรภาพ ขณะเดินทางกลับจากท่องเที่ยวปีใหม่... ผู้เสียชีวิตยกคัน 4 ราย หนึ่งในนั้นคือครอบครัวของเด็กหญิงแพร
​วันที่บนข่าว คือวันที่เดียวกับตัวเลขบนหัวของเธอในภาพถ่ายใบนั้น
​ความเงียบเข้าปกคลุมเมืองเล็กๆ แห่งนี้อีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่ความสงบสุข มันคือความเงียบที่เยียบเย็นและน่าหวาดหวั่น
เรื่องราวของตู้ถ่ายภาพถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องตลกหรือไวรัลขำๆ อีกต่อไป มันคือลางร้ายที่อาจกลายเป็นจริง
​สถานีโทรทัศน์ช่องใหญ่จากกรุงเทพฯ ส่งทีมข่าวลงมาทำสกู๊ปพิเศษ ตู้สีแดงสดบัดนี้ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนและนักข่าว ไม้กั้นถูกนำมาวางไว้รอบๆ เพื่อนทั้งสามคนของแพรถูกสัมภาษณ์จนแทบไม่ได้พักผ่อน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว
​ลุงขจร เจ้าของร้านโชห่วง เห็นโอกาสทองในวิกฤต เมื่อไม่มีหน่วยงานรัฐไหนออกมารับเป็นเจ้าของตู้ แกก็เลยจัดการเอาเก้าอี้พลาสติกมาตั้ง พร้อมป้ายกระดาษลังเขียนด้วยลายมือหวัดๆ ว่า ‘ถ่ายรูป 50 บาท’ จากร้านที่ใกล้จะเจ๊ง บัดนี้กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
​อิง ในฐานะนักข่าวท้องถิ่นที่เกาะติดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น กลับกลายเป็นคนสำคัญ เธอรู้จักผู้คน เธอรู้ช่องทาง เธอได้ข้อมูลเชิงลึกที่นักข่าวจากเมืองกรุงไม่มีวันได้รู้ สัญชาตญาณของเธอกรีดร้องว่านี่แหละคือโอกาส
​เมื่อความกลัวและความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนพุ่งสูงขึ้น ตู้ถ่ายภาพก็กลายเป็นสถานที่แสวงบุญแห่งใหม่ จากคนหลักสิบ กลายเป็นหลักร้อย และทะยานสู่หลักพันในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมาเพื่อ ‘รู้วันตาย’ ของตัวเอง
​และเมื่อคนมากขึ้น... คนที่ได้วันที่แตกต่างจาก 23:09:2029 ก็เริ่มมีมากขึ้น
​สังคมเกิดปรากฏการณ์ประหลาด คนที่ได้วันที่ในอนาคตอันใกล้ที่แตกต่างจากคนอื่น บางคนขายภาพของตัวเองในราคาสูงลิ่วให้กับนักสะสมของแปลก บางคนผันตัวเป็น TikToker ทำคอนเทนต์นับถอยหลังสู่วันตายของตัวเอง สร้างรายได้จากความกลัว ในขณะที่บางคนจมดิ่งสู่ความวิตกกังวล จิตตก และหวาดระแวงทุกย่างก้าวในชีวิต
​แต่ท่ามกลางความโกลาหลทั้งหมด... ยังมีปริศนาที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าซ่อนอยู่
​ทำไม... ทำไมคนเกือบทั้งหมดยังคงได้วันที่เดียวกัน?
​23:09:2029
​อิงยืนมองภาพถ่ายของตัวเองในมือ แสงแฟลชจากตู้สะท้อนแววตาที่มุ่งมั่นของเธอ บนหัวของเธอในภาพก็เป็นวันที่เดียวกันนั้นเช่นกัน มันคือวันอะไรกันแน่? วันสิ้นสุดของใครบางคน หรือวันสิ้นสุดของ... ทุกคน? คำถามนี้ก้องอยู่ในหัวของเธอ ขณะที่เธอมองไปยังฝูงชนที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามายังตู้มรณะอย่างไม่ขาดสาย โดยไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังก้าวเข้าไปสู่ความจริงที่น่าสยดสยองเกินกว่าจะจินตนาการได้
​(จบตอนที่ 1)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา