วันนี้ เวลา 01:24 • ความคิดเห็น

ร่างกายมักถูกจิตใจลากไปทรมาน

คำนี้ผมได้ยินได้ฟังมาจากหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชโช
1
เราได้ยินกันมานานว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว แต่ก็มักจะมองในมุมที่ว่าถ้าจิตใจดี ร่างกายก็จะดีตาม
แต่มุมมองใหม่ที่ผมได้จากหลวงปู่ คือการเห็นว่าร่างกายนี้น่าสงสาร เพราะมักถูกจิตใจใช้ให้ไปทำโน่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา
1
สมัยเราเรียนจบใหม่ๆ ใจก็รักสนุก พาเราออกไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ ฟังดนตรีเสียงดังๆ นั่งอยู่ท่ามกลางควันบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์กันจนหมดสวยหมดหล่อ ตื่นมาก็แฮงค์ไปอีกเกือบทั้งวัน
พอเข้าสู่วัยทำงาน ใจอยากประสบความสำเร็จ อยากพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเราก็มีดี ใจจึงพาร่างกายทำงานหามรุ่งหามค่ำ ข้าวปลากินไม่ตรงเวลา กลับถึงบ้านแทนที่ร่างกายจะได้นอนแต่ใจมันอยากดูซีรีส์ก็เลยต้องอดหลับอดนอนกันต่อ
1
วันเสาร์-อาทิตย์ก็ไม่ค่อยได้พัก บางคนไปเดินห้าง บางคนไปลงเรียนคอร์สต่างๆ หรือไม่ก็หารายได้เสริม เมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง เราก็ต้องหยิบมือถือขึ้นมาดู เพราะใจสอดส่ายอยากรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้
1
หรือแม้กระทั่งคนที่รักการออกกำลังกาย เพราะใจอยากจะเห็นว่าเราดีกว่า แข็งแรงกว่าตัวเราเมื่อวานนี้ ก็ทำให้บางคนออกกำลังกายมากเกินไปจนเป็นการเบียดเบียนตัวเองได้เหมือนกัน
2
ชีวิตจึงเป็นการวิ่งไม่หยุด และอาจต้องวิ่งไปตลอดชีวิต
แม้กายจะถูกใจควบคุม แต่ใจก็เป็นเพียง "รองบอส" เท่านั้น เพราะ "บิ๊กบอส" จริงๆ คือกิเลส
2
กิเลสบงการใจ และใจก็ไปบงการกายอีกที
ดังนั้น ถ้ารู้สึกว่าทำไมชีวิตมันเหนื่อยขนาดนี้ ทางหนึ่งที่อาจพอช่วยได้ คือกลับมาสังเกตใจตนเอง และดูให้ลึกไปกว่านั้นว่าใจกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยกิเลสตัวไหน - โลภ โกรธ หรือหลง
ถ้าเราเรียนรู้ว่าความจริงได้ว่า กิเลสมาแล้วก็ไป ความสุขมาแล้วก็ไป สรรเสริญมาแล้วก็ไป เราก็อาจไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้อง "ตามใจ" ตลอดเวลา
1
เมื่อใจหยุดวิ่ง กายก็จะมีเวลาได้พักอย่างที่ควรจะเป็นครับ
โฆษณา